18 ก.พ. 2021 เวลา 13:15 • ประวัติศาสตร์
คาถาแห่งปัญญา และความสำเร็จ
สุดยอดวิชาลับ สมเด็จพระสังฆราช
EP.15 คาถาสุนทรีวาณี
เรื่องราวนี้ย้อนไปเมื่อ เดือนกันยายน 2563 ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าลาบวช และจำพรรษาอยู่ วัดหนองก๋าย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ในห้วง 10 วันสุดท้ายก่อนจะลาสิกขา ท่านเจ้าอาวาสท่านให้ข้าพเจ้า เข้าร่วมปริวาสกรรม กับพระสงฆ์ท่านอื่นๆ ที่มาจากหลากหลายวัด เพื่อรักษาศีลให้บริสุทธิ์ อยู่ในพื้นที่ป่าช้าเก่าของหมู่บ้าน ปัจจุบันถูกสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรม
และสถานที่แห่งนี้ ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้พบกับเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ของตำนาน "พระสุนทรีวาณี"
กระดาษซีลแผ่นนี้ เป็นประวัติของพระสุนทรี ถูกยึดติดไว้โคนต้นไม้ โดยหลวงพ่อท่านหนึ่งที่ปักกลดอยู่บริเวณนั้น และท่านก็ได้แนะนำให้ข้าพเจ้าได้ลองอ่าน ภายหลังจากที่เราเริ่มสนทนาถึงความเป็นมาของพระสุนทรี
หลวงพ่อท่านนี้ เป็นพระธุดงค์จากวัดในกรุงเทพ บวชมาแล้ว 36 พรรษา เป็นพระที่ชื่นชอบเดินทาง ไม่อยู่วัด มักจะปลีกวิเวกตัวเองอยู่ตามถ้ำ และป่าเขามานานหลายปี เข้าพรรษานี้ท่านได้มีโอกาสมาเข้าปริวาสกรรม อยู่ ณ วัดที่ข้าพเจ้าบวช
ในระหว่างที่ท่านกำลังผ่อนคลายจากการเจริญภาวนาอยู่นั้น หลวงพ่อได้เดินมาทักทายพระใหม่อย่างข้าพเจ้า ที่ปักกลดอยู่ใกล้ๆ อันเป็นจุดเริ่มต้นสู่การนำข้าพเจ้าให้รู้จักกับ "คาถาศักดิ์สิทธิ์"
1
ในระหว่างสนทนา หลวงพ่อท่านถามว่าข้าพเจ้าเป็นคนจังหวัดอะไร ด้วยคำตอบที่ว่า ข้าพเจ้าเป็นคน "จังหวัดสุโขทัย" จึงทำให้เกิดคำถามต่อๆมา ที่น่าสนใจว่า " แล้วรู้จักพระสุนทรีฯ รึเปล่า ?
"เห็นว่ามาจากจารึกโบราณ ของเมืองเก่าสุโขทัย"
" จารึกโบราณ ? " คำนี้ได้ทำให้ข้าพเจ้าอุทานลั่น เพราะชื่นชอบข้อมูลทางโบราณคดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงกับหูผึ่งตาตั้ง กับเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
หลังจากนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เริ่มต้นสนทนาด้วยความสนใจ จากการถามความเป็นมาจากหลวงพ่อ และค้นหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ จึงขอนำเรื่องราวของพระสุนทรีวาณี มาเผยแพร่ในบทความนี้
จากเรื่องเล่าตำนาน
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง มีตำแหน่งเป็นถึงสมเด็จพระสังฆราช ได้มาเจริญภาวนา ณ เมืองเก่าสุโขทัย ในตอนนั้นยังเป็นพื้นที่รกร้าง เป็นเพียงซากเมืองเก่า ที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูให้เป็นอุทยานแห่งชาติอย่างปัจจุบัน
ในขณะทำสมาธิท่านได้เกิดนิมิตรเห็นเป็นเทวดามาบอกให้ท่านเดินทางเข้าไปยังป่า ในเทือกเขาของพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ( ในอดีตเคยเป็นแหล่งที่ตั้งของชุมชนโบราณยุคก่อนสุโขทัย สมัยพระพุทธศาสนาเริ่มเข้ามาเผยแพร่)
แล้วให้ท่านไปตามหาวัดร้างกลางป่าทางทิศตะวันตกของป่า ที่นั่นจะมีจารึกโบราณเขียนอยู่บนหลักหิน แล้วให้ท่านนำความจารึกแห่งนั้นมาโปรดสัตว์ เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์
จากนั้นท่านจึงได้ลองจาริกธุดงค์เข้าไปในป่าตามนิมิตนั้น เดินทางเข้าไปในป่าลึก เขตติดต่อระหว่างอำเภอเมืองและอำเภอคีรีมาศในปัจจุบัน ที่นั่นท่านได้พบกับวัดร้างและหลักหินแท่งหนึ่ง แต่ไม่พบจารึกใดๆ แต่ถึงกระนั้น ท่านจึงได้ถือโอกาสเอาวัดร้างแห่งนั้นเป็นสถานที่เจริญภาวนา
ในคืนนั้นท่านได้เกิดนิมิตรในสมาธิขึ้นมาอีกครั้ง เทวดาได้พาท่านมาดูยังแท่นหิน แล้วชี้ให้เห็นอักษรภาษาบาลีกลุ่มหนึ่ง ปรากฏอยู่บนแท่นหินนั้น ท่านจึงได้ท่องจำถ้อยความในจารึกนั้นจนขึ้นใจ และเทวดายังบอกอีกว่า จารึกนี้เป็นคาถาแห่งผู้มีปัญญา ได้ถูกคัดลอกมาจากพระคัมภีร์เล่มหนึ่งจากลังกาทวีป ให้ท่านไปค้นหาคัมภีร์นั้นตรงซากวัดมหาธาตุในเมืองเก่าสุโขทัย
และต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปยังวัดมหาธาตุ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตรงที่ใต้องค์พระประธานท่านได้พบกับคัมภีร์ใบลานผุๆ เก่าๆกลุ่มหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคือคัมภีร์สัททาวิเสส ซึ่งมีคาถาสุนทรีวาณีเขียนอยู่ด้วย
หลังจากนั้นหลายปี ท่านจึงได้นำคาถาบทนี้ มาบริกรรมทุกๆครั้ง ก่อนจะเข้ากรรมฐาน บำเพ็ญภาวนา เพื่อให้เกิดปัญญาและนำไปสู่ความสำเร็จในทางธรรมตลอดพระชนม์ชีพ และได้ถ่ายทอดพระคาถานี้ให้แก่ลูกศิษย์ ในรุ่นต่อๆมา
1
เมื่อถึงสมัย สมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราช ในสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้สืบทอดพระคาถาสุนทรีวาณีต่อจากผู้เป็นพระอาจารย์
ท่านได้บริกรรมคาถานี้อยู่เป็นนิจ ครั้งหนึ่งได้เกิดนิมิตรในฝันเป็นรูปเทพธิดางดงามนั่งบนดอกบัว ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าเทวดา หลังจากตื่นขึ้นมาท่านจึงให้ช่างเขียนภาพหลวงชาวจีน วาดภาพนั้นออกมาตามอย่างนิมิตในฝันของท่าน แล้วเก็บภาพนั้นใว้ในกุฏิของท่านนับแต่นั้นมา
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระวันรัตทรงประชวร รัชกาลที่ 5 ท่านได้เคยเสด็จมาเยี่ยม เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นภาพพระสุนทรีในกุฏิของท่าน ก็เกิดความต้องพระทัยขึ้นมา จึงได้ตรัสถามว่าเป็นภาพของอะไร ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชก็ได้บอกว่าเป็นภาพ "พระสุนทรี" ด้วยเห็นว่าสมเด็จท่านประชวรอยู่ จึงไม่ได้ตรัสถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ภายหลังรัชกาลที่5 ได้ตรัสถามท่านอีกครั้ง จึงได้ทราบถึงความเป็นมาของภาพนี้ จนเกิดความศรัทธา จึงขอนำภาพนี้ไปบูชาไว้ในที่ประทับ วังหลวง และยังมีพระราชหัตถเลขาไปยัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ให้ทรงสืบสวนที่มาของพระสุนทรี
พระองค์ทรงพระราชดำริว่า น่าจะมีต้นเค้ามาจากคติมหายาน ผสมผสานอยู่ในคติเถวรวาท
นอกจากนั้นยังมีคนกล่าวว่าพระสุนทรีวาณี ทรงเป็นเทวีองค์เดียวกับพระสรัสวดี คุรุเทพแห่งปราชญ์ทั้งมวลในศาสนาฮินดู
สมเด็จพระวันรัต (แดง) เล่าว่า อาจารย์ของท่านสอนให้บริกรรมคาถาพระสุนทรีวาณีเป็นคาถาอาราธนาธรรมก่อนเรียนปริยัติและเข้าที่ภาวนา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป พระองค์ทรงพระราชปรารภกับสมเด็จพระวันรัตถึงพระปริวิตกเรื่องสวัสดิภาพและความสำเร็จในการเจริญพระราชไมตรี
สมเด็จพระวันรัต จึงถวายพระพรให้ทรงบริกรรมคาถาพระสุนทรีวาณี ทำให้ทรงระงับพระวิตก และสำเร็จพระราชประสงค์ทุกเมื่อ
ครั้งทรงสถาปนาโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร ทรงพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯให้จารึกศิลารูปพระสุนทรีวาณีไว้ประจำโรงเรียน
รัชกาลที่ 5 มีพระราชวิจารณ์ว่า รูปพระสุนทรีวาณีมีเค้ามูลมาจากพระพุทธศาสนามหายานระคนอยู่ในเถรวาท
พระสุนทรีวาณี คือ เทวีแห่งปรีชาญาณและความรู้แจ้ง ผู้ทรงอานุภาพบันดาลความเป็นเลิศทางปัญญาและการเข้าถึงพระธรรม
อิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริย์ของพระองค์มักจะปรากฏต่อผู้บูชาที่ต้องการเข้าให้ถึงความรู้แจ้งและทรงใช้ปาฏิหาริย์เหล่านั้นก็เพื่อนำผู้นั้นไปสู่ปัญญา
เพราะพระสุนทรีวาณีเป็นเทวีผู้บันดาลปรีชาญาณหรือความรู้แจ้งทั้งหมด ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของทุกคนที่ศึกษาในพระธรรม หรือแม้กระทั่งคนธรรมดาทั่วไปผู้ฝักไฝ่ในธรรมะ
นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงประทานสติปัญญาให้เพื่อให้เราหลุดพ้นหรือเอาตัวรอดจากความเสื่อมทั้งหลายและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างเป็นสุขในสภาวะการณ์นั้น
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้นั้นคือสติปัญญา และตัวสติปัญญานี้ เมื่อเรายิ่งใช้ยิ่งจะมีแต่ความเพิ่มพูน และเมื่อมีปัญญาย่อมกระทำสิ่งใดล้วนพบกับความสำเร็จสมหวัง ในทุกๆ ด้านของชีวิต
1
คาถา สุนทรีวาณี แห่งวัดสุทัศน์นี้ เป็นคาถาบทหนึ่งในคัมภีร์สัททาวิเสส ซึ่งถือกันว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ และพระเถระเจ้าในอดีตมักสั่งสอนบรรดาสานุศิษย์ให้บริกรรมคาถานี้ก่อนที่จะเริ่มเรียนพระปริยัติและก่อนเข้าที่ภาวนาทุกครั้ง
ผู้ที่บริกรรมคาถานี้ เฉพาะในยุครัตนโกสินทร์ ดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราช3 พระองค์ เป็นพระสมเด็จพระราชาคณะและเป็นพระคณาจารย์ผู้มากด้วยเมตตาอีกเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฺฑฒโน) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดสุทัศน์ฯ
คาถาสุนทรีวาณี กับความหมายของบทคาถา ที่หลวงพ่อได้บอกกับข้าพเจ้า โดยท่านได้ให้ความหมายที่เข้าใจง่ายๆ มีใจความว่า:
" พระธรรมคำสั่งสอน อันเปล่งมาจากพระโอษฐ์แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นเปรียบเสมือนนางฟ้าที่มีความงดงามไปด้วยแสงสว่างแห่งธรรมแห่งการตรัสรู้ ข้าพเจ้าจึงขอน้อมนำพระธรรม คำสอนเหล่านี้ มาประดับไว้ในห้วงแห่งหัวใจ "
2
หลวงพ่อยังบอกอีกว่า ท่านได้เริ่มบริกรรมคาถานี้
มาเมื่อ 17 ปีก่อน ทำให้การเจริญภาวนาก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เกิดความสงบเป็นสุขอยู่ภายใน แม้จะอยู่ที่แห่งใดก็ตามท่านจะท่องคาถาบทนี้ และยังชี้นำให้ญาติโยมรู้จักกับพระสุนทรีวาณี
จริงๆแล้วเมื่อสมัยท่านเป็นเณร ท่านเคยได้เห็นคาถาบทนี้เขียนไว้อยู่บนฐานเจดีย์เก่าวัดโพธิ์ ฝั่งธนบุรี และเคยเห็นอยู่หน้าปกหนังสือธรรมะเก่าๆ ต่อมาเมื่อเป็นบวชเป็นพระจึงได้ร่ำเรียนและได้ร่วมสนทนากับพระสงฆ์ จากวัดสุทัศน์ ฯ จึงได้สอบถามประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี จากพระผู้รู้ต่างๆ ถึงประวัติ และพระอาจารย์ของท่านก็ได้เมตตาแปลความหมายของคาถานี้ให้ในแบบของท่านเอง
ย้อนกลับไปในหัวข้อของบทความ
" คาถาแห่งปัญญา และความสำเร็จ
สุดยอดวิชาลับ สมเด็จพระสังฆราช"
1
การท่องบทคาถานี้ ด้วยความเข้าใจในความหมาย เป็นผู้มีธรรมะในใจ ได้น้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติ ธรรมมะย่อมเป็นเครื่องชี้ทางให้เขาไม่หลงผิดไปในทางที่ชั่ว พระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้ นั้นเป็นนิรันดร์ และเป็นหนทางสว่างให้ผู้ศึกษาได้เกิดปัญญา
2
กุศโลบายแห่งธรรมนี้ ได้ถูกส่งต่อเป็นวิชาลับ ผ่านบทคาถาสุนทรีวาณี เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ระลึกถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า ก่อนจะทำการเจริญกรรมฐานทุกครั้ง จากรุ่นสู่รุ่น จากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ มาหลายพันปี นับแต่สมัยพุทธกาล เพื่อให้เกิดปัญญา ได้เข้าถึงหลักธรรมอย่างแจ่มแจ้ง
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว การกระทำสิ่งใดด้วยปัญญานั้น ย่อมนำพาไปสู่ความสำเร็จ ความสมความปรารถนา ในทุกๆมิติ
ขอให้ผู้อ่านมีความสุข
.......ไซตามะ
โฆษณา