Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
•
ติดตาม
18 ก.พ. 2021 เวลา 22:40 • ปรัชญา
ประวัติท่านพระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต)
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
พระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต) เป็นพระภิกษุฝ่ายวิปัสสนาธุระ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
1
ปฐมวัย
* พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต เกิดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เมื่อท่านอายุได้ประมาณ 2 ขวบ คุณพ่อของท่านจึงได้นำท่านมาฝากกับคุณย่าที่สุพรรณฯ ให้ช่วยเลี้ยงดูแทน เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่สะดวกในการเลี้ยงดูท่าน เนื่องจากต้องทำงานและย้ายที่ทำงานบ่อย ท่านเข้าเรียนที่โรงเรียนเซเว่นเดย์ตั้งแต่ชั้น ป. 1 จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วมาทำงานที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) อยู่ปีกว่าพอเก็บเงินได้เพียงพอแล้วเดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย State University ในรัฐแคลิฟอร์เนียจนจบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา
1
อุปสมบท
* พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต อุปสมบทเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านบวชได้ประมาณ 6 อาทิตย์ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พอห่มจีวรเป็น บิณฑบาตเป็น ดูแลรักษาอัฐบริขารต่างๆ และสามารถเดินทางได้โดยไม่รู้สึกลำบากใจเกี่ยวกับการห่มผ้า ก็ได้กราบลาสมเด็จฯ ขออนุญาตไปอยู่กับหลวงตาที่วัดป่าบ้านตาด
1
ศึกษาธรรม
* พรรษา 1-9 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด
บททดสอบแรกพระนวกะ เมื่อท่านได้ไปถึงวัดป่าบ้านตาดในวันแรก พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) ได้กล่าวกับท่านว่า " อยู่ไม่ได้นะ อยู่ได้ชั่วคราว กุฏิไม่ว่าง" เสร็จแล้วท่านก็ไม่พูดอะไร และพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ได้บิณฑบาตรตามแบบฉบับของพระป่าเป็นครั้งแรกด้วย จนประมาณ 1 เดือนก่อนเข้าพรรษา หลวงตามหาบัว จึงอนุญาตให้ท่านอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดได้ และตลอด 5 พรรษาแรก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ได้ศึกษาพระกรรมฐานที่วัดป่าบ้านตาดโดยไม่ได้ไปไหนเลย เนื่องจากเป็นกฏของวัดและตามหลักพระวินัยที่กำหนดไว้
ชีวิตพระวัดป่าบ้านตาด พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต เล่าว่า ได้ฝึกความอดทนต่ออากาศหนาว เพราะบางปีอุณหภูมิเหลือแค่ 6 องศา เวลาออกบิณฑบาตร เหยียบก้อนหินหนาวเหมือนเหยีบก้อนน้ำแข็ง และสมัยที่อยู่กับหลวงตาจะได้รับการอบรมทุก 4-5 วัน อย่างน้อยครั้งล่ะ 2 ชั่วโมง ฟังธรรมแล้วจิตหมุนไปทางธรรม เหมือนต้นไม้ได้น้ำ แต่หากไม่ได้ฟัง กิเลสจะหึกเหิม และไม่หมั่นภาวนา
อดอาหารแก้กิเลส พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ได้ฝึกการอดอาหารเพื่อสร้างภาวะที่กดดันจิตใจ เพื่อจะได้ผลิตธรรมออกมาต่อสู้ ผลิตปัญญา ผลิตสมาธิ ผลิตสติ ถ้าอยู่ในสภาพที่สบายกิเลสจะออกมาเพ่นพ่าน ซึ่งการอดอาหารนั้น ก็ต้องดูตามความเหมาะสมของธาตุขันธ์ด้วย
* พรรษาที่ 10 จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิสัมพันธ์ในเมืองพัทยา
* พรรษา 11 ถึงปัจจุบัน อยู่ที่วัดญาณฯ ตั้งแต่ปลายปี 2527
2
สมณศักดิ์
* 5 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะปลัดซ้าย ฐานานุกรมในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ พระจุลนายก ธรรมนีติสาธกมหาเถราธิการ คณะกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์
อ้างอิง
* พระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต). มหาเศรษฐีที่แท้จริง. กรุงเทพฯ : ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพิ์, 2559. 220 หน้า. ISBN 978-616-348-795-7
1. ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 110, ตอนที่ 202 ฉบับพิเศษ, 6 ธันวาคม 2536, หน้า 4
“ปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาที่แท้จริง”
ผลนี้อยู่ที่เหตุ ก็คือการปฎิบัติ สมัยนี้เหตุคือการปฏิบัติบูชานี้มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเอาแค่อามิสบูชา หรือถ้าบูชาก็บูชาในระดับโลกียะไปก่อน ไม่ใช่ระดับโลกุตระ โลกียะก็คือระดับที่ยังต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่เรื่อยๆ ส่วนระดับโลกุตระนี้เป็นระดับที่จะไม่กลับมาเกิด ถ้าจะกลับมาเกิดก็ไม่เกิน ๗ ชาติ ถ้าอยู่ในขั้นแรกของการบรรลุโลกุตระธรรม คือขั้นโสดาบัน ถ้าบรรลุขั้นที่สองของขั้นโลกุตระธรรม ก็คือพระสกิทาคามี ก็จะกลับมาเกิดเพียงชาติเดียว ถ้าบรรลุขั้นที่สามของโลกุตระธรรม คือพระอนาคามี ก็จะไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป แต่ยังต้องไปเกิดเป็นพรหมอยู่ และก็จะไปบรรลุไปถึงพระนิพพานได้ในสวรรค์ชั้นพรหมต่อไป ส่วนใหญ่จะไม่ปฏิบัติบูชากัน ส่วนใหญ่จะไม่ชอบถือศีล ๘ กัน ไม่เข้าวัดกัน ไม่ไปปลีกวิเวกกัน ไม่ไปภาวนา ไม่ไปเจริญศีล สมาธิ ปัญญากัน ส่วนใหญ่ชอบทำบุญกัน รักษาศีล ๕ บ้าง ไม่รักษาศีลบ้าง บางคนก็รักษาได้ บางคนก็รักษาไม่ได้ ถ้ารักษาไม่ได้ก็มีโอกาสที่จะต้องไปเกิดในอบายถ้าไปทำบาปมากกว่าไปทำบุญ แต่ถ้ายังทำบุญมากกว่าทำบาปอยู่ การที่จะไปเกิดอบายก็รอไว้ก่อน โดนคาดโทษไว้ก่อน เวลาใดทำบาปมากกว่าบุญเวลานั้นก็จะต้องไปรับผลบาปทันที แต่ถ้าทำบุญตลอดเวลา รักษาศีล ๕ ได้ตลอดเวลา ไม่ทำบาปเลย ตายไปกี่ครั้งก็จะไม่ไปเกิดในอบาย จะไปเกิดในสวรรค์ แต่ยังต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ เพราะเป็นงานโลกียะระดับที่ยังจะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป แต่อย่างน้อยก็ได้เวียนว่ายตายเกิดในภพที่ดี คือได้ไปสวรรค์ชั้นต่างๆ เวลาตายไปแล้วเกิดเป็นมนุษย์ก็จะกลับมาเป็นมนุษย์ที่มีบุญบารมี มีวาสนา มีฐานะการเงินการทองที่ดี รูปร่างหน้าตาสวยงาม อาการ ๓๒ มีสติปัญญามีอะไรต่างๆ ที่ดี เพราะอาศัยการทำบุญการรักษาศีลนี้ แต่ถ้าไม่ทำบุญไม่ได้รักษาศีลหรือทำบาปมากกว่าการทำบุญ ก็ต้องไปเกิดในอบาย เวลาที่บาปมันมีมากกว่าบุญ และเวลาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะกลับมาเกิดแบบเป็นคนอาภัพวาสนา ไม่มีบุญไม่มีบารมี รูปร่างหน้าตาก็ไม่สวยงาม สติปัญญาไม่ฉลาด อาการอาจจะไม่ครบ ๓๒ มีโรคภัยเบียดเบียน อายุสั้น ยากจนอย่างนี้ เป็นผลที่เกิดจากการทำบาปกัน อย่างน้อยถ้าเราปฏิบัติบูชาในระดับนี้ ก็ขอให้เรารักษาศีล ๕ กันไว้ให้ดี แล้วหมั่นทำบุญกันเป็นปกติ อย่างชาวบ้านนี้เขามีโอกาสได้ทำบุญกันทุกวัน เพราะจะมีพระมาบิณฑบาต ชาวบ้านก็จะได้ใส่บาตรทุกวัน อย่างน้อยเขาก็ได้ทำบุญ แต่เรื่องศีลนี้เขาก็ต้องรักษา ถ้าเขาไม่รักษา บุญที่ทำจากการใส่บาตร บุญที่ทำจากการทำทานนี้ยังไม่สามารถยับยั้งให้ไปเกิดในอบายได้ถ้าบาปนี้มันมีกำลังมากกว่าบุญ แต่ถ้าบุญยังมีกำลังมากกว่าก็ยังดึงไว้ก่อนได้ คาดโทษไว้ก่อนยังไม่ต้องไปใช้ผลบาป แต่ผลบาปยังมีอยู่รอเวลาที่บุญนี้มันมีกำลังน้อยกว่าบาป บุญมีกำลังน้อยกว่าบาปเมื่อไหร่ บาปก็จะดึงไปเกิดในอบายทันที ไปเป็นเดรัจฉานบ้าง ไปเป็นเปรตบ้าง ไปเป็นอสุรกายบ้าง ไปตกนรกบ้าง
ดังนั้น ขอให้พวกเราจงเห็นความสำคัญของการปฏิบัติบูชากัน จะบูชาระดับโลกียะบูชาก็ได้ หรือจะบูชาระดับโลกุตระบูชาได้ยิ่งดี เพราะเราจะได้ไม่ต้องกลับมาเกิด มาแก่ มาเจ็บ มาตาย กันอีกต่อไป เราจะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เราจะได้ไปรับความสุขของพระนิพพานที่เป็นความสุขเต็มร้อย เป็นความสุขที่ถาวรไม่มีวันหมด เป็นความสุขที่ไม่มีความทุกข์เลย ความสุขที่พวกเรามีกันอยู่ในขณะนี้เป็นความสุขที่มีความทุกข์ตามมาเสมอ สุขได้ไม่กี่วันเดี๋ยวความทุกข์มาอีกแล้ว พอไปหาความสุขใหม่มาเดี๋ยวความทุกข์ใหม่ก็ตามมาอีกแล้ว มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ปฎิบัติธรรมระดับโลกุตระธรรมกัน ก็คือปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา นี่คือเรื่องของการปฏิบัติบูชา ที่จะทำให้เราได้มีความสุขและมีความเจริญ และได้บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
1 บันทึก
4
21
1
4
21
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย