ปี 2550 หลังจากที่ผมกลับจากการทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมในตอนนั้นมีชั้นยศพันตรี ตำแหน่งรองผู้บังคับกองพัน และกำลังจะย้ายไปทำงานฝ่ายเสนาธิการของอีกหน่วยหนึ่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในชั้นยศพันโท ซึ่งมีเงินเดือนที่ได้รับเพียง 2 หมื่นต้นๆเท่านั้น
ผมกลับมาพร้อมกับหนี้ก้อนหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการกู้เงินธนาคารไปซ้อรถยนต์ 1 คัน และมีเงินกู้ออมทรัพย์ของกองทัพบกอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้มีรายได้เหลือหมื่นต้นๆเท่านั้น
ภาระที่ยังมีก็ดูแลลูกบุญธรรมอีกสองคน คือ นาย กับ ต้น ซึ่งนายได้สอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบแล้ว ส่วนต้นเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ส่วนลูกสาวของผมนั้น แม่ลออได้เป็นผู้ทำหน้าที่ส่งเงินให้แทนผมทุกเดือนๆละ 4000 บาท
เงินที่เหลือแต่ละเดือนจึงมีไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพมากนัก รถยนต์ก็ขาดส่งงวดเว้นงวด เจ้าหนี้คอยติดตามอย่างต่อเนื่อง จนผมรู้สึกเครียดอย่างมาก
ผมจึงคิดว่า เราจะต้องหาธุรกิจอะไรทำสักอย่าง เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง โดยผมเดินทางกลับไปจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพบกับอดีตลูกน้อง(จ่าแขก) ที่ทำธุรกิจ รปภ.มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ผมเป็นผู้หมวดลาดตระเวน กองพลทหารราบที่ 3
จ่าแขกพบผมครั้งแรก หลังจากไม่ได้พบกันมากว่า 5 ปี ก็เข้ามากอดและดีใจมากที่ผมมาเยี่ยมที่บ้าน เราถามสารทุกข์สุขดิบกันสักพัก ก่อนที่ผมจะเริ่มเรื่องว่าสนใจทำธุรกิจ รปภ.
เมื่อจ่าแขกทราบความประสงค์ของผม ก็กุลีกุจอไปเอาเอกสารที่ตนเองมีมาให้ผมดู ซึ่งเป็นเอกสารการทำธุรกิจของจ่าแขกทั้งหมด นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของผม ผู้ซึ่งหลังชนฝา ต้องวิ่งไปข้างหน้าด้วยความบ้าบิ่นเท่านั้น