24 ก.พ. 2021 เวลา 04:55 • หนังสือ
#9 เล่ม 2 บทที่ 3 หน้า 59 ~ 69
...
G : สิ่งที่ฉันจะบอกเธอตรงนี้และในย่อหน้าถัดๆไป อาจยากยิ่งสำหรับบางคนที่จะเข้าใจและยอมรับ เพราะมันจะหักล้างหลายสิ่งที่ยึดถือกันว่าเป็นความจริงในระบบคิดปัจจุบันของพวกเธอ
แต่หากจะให้การพูดคุยนี้เป็นประโยชน์ต่อเธอล่ะก็ ฉันคงไม่อาจปล่อยเธอให้ใช้ชีวิตอยู่กับประดิษฐกรรมทางความคิดพวกนั้นต่อไปได้
ฉะนั้นใน`เล่ม 2`นี้ เราจำต้องพูดคุยกันถึงบางแนวคิดพวกนี้กันอย่างตรงๆ คงต้องสะเทือนกันไปอีกสักพัก
เธอพร้อมหรือยัง❓
...
...
...
N : คิดว่าพร้อมครับ ขอบคุณที่เตือนกันก่อน มีอะไรน่าหนักใจหรือยากแก่การเข้าใจหรือยากที่จะยอมรับในสิ่งที่พระองค์กำลังจะบอกผมหรือครับ❓
G : ฉันจะบอกกับเธอว่า : `ไม่มี` "แอปเปิลเน่า" หรอก 🔸จะมีก็แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเธอที่มีต่อสิ่งต่างๆเท่านั้น🔸
✴️ ผู้คนมีรูปแบบที่แตกต่างกันในการมองโลก ✴️
ฉันจะบอกกับเธอว่า : 🔸ไม่มีใครทำอะไรที่ไม่เหมาะสม เมื่อดูจากรูปแบบในการมองโลกของพวกเขา🔸
N : ถ้าอย่างนั้น "รูปแบบ" (การมองโลก) ของพวกเขาก็คงห่วยแตกน่าดู `ผม`รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และหากว่ามีบางคนที่ไม่รู้ นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมกลายเป็นคนปัญญาอ่อนเพราะรู้เสียเมื่อไหร่ พวกนั้นต่างหากที่ปัญญาอ่อน❗ (ที่ไม่รู้)
G : ฉันเสียใจที่ต้องบอกว่าทัศนคติแบบนี้นี่ล่ะที่ทำให้เกิดสงคราม
N : ผมรู้ครับ ผมรู้ ผมเจตนาพูดออกไปแบบนั้นเอง ผมแค่เอาคำพูดที่เคยได้ยินหลายคนพูดมาพูดซ้ำอีกที แต่ทีนี้ผมจะตอบคำถามคนที่พูดแบบนี้ยังไงดีครับ❓ ผมควรจะตอบแบบไหนดี❓
G : เธอสามารถบอกพวกเขาได้ว่า...แนวคิดเรื่อง "ถูก" และ "ผิด" นั้นเปลี่ยนแปลงได้ (และเปลี่ยนอยู่ตลอด) ครั้งแล้วครั้งเล่า `แตกต่างกัน`ไปตามแต่ละวัฒนธรรม แต่ละช่วงเวลา แต่ละความเชื่อ แต่ละสถานที่...แม้กระทั่งแต่ละครอบครัว และแต่ละบุคคล
เธอสามารถชี้ให้พวกเขาเห็นได้ว่า...สิ่งซึ่งหลายคนเห็นว่า "ถูก" ในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น เผาคนที่ถูกตัดสินว่าเป็นแม่มดทั้งเป็น) กลับถูกมองว่าเป็นเรื่อง "ผิด" ในปัจจุบัน
เธอยังบอกพวกเขาได้อีกว่า...นิยามของ "ถูก" และ "ผิด" ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเพียงเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับสถานที่อีกด้วย เธออาจขอให้พวกเขาสังเกตว่ากิจกรรมบางอย่างบนโลก (เช่น โสเภนี) อาจผิดกฎหมายในที่หนึ่ง ทว่าถัดไปเพียงแค่ไม่กี่ไมล์กลับกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
ฉะนั้นไม่ว่าใครที่ถูกตัดสินว่าทำ "ผิด" ก็ไม่ใช่เพราะเราพิจารณาจาก "สิ่งที่เขาได้ทำลงไปจริงๆ" หรอก หากแต่ดูจากว่าเขา "ทำมันที่ไหน" เท่านั้นเอง
ตอนนี้ฉันจะบอกสิ่งที่เคยพูดเอาไว้ในเล่ม 1 อีกครั้ง ซึ่งฉันรู้ดีว่ามันยากมากเหลือเกินสำหรับใครบางคนที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง
ฮิตเลอร์ได้ขึ้นสวรรค์
N : ผมไม่แน่ใจว่าคนทั่วไปจะพร้อมสำหรับเรื่องนี้นะครับ
G : จุดมุ่งหมายของหนังสือเล่มนี้และของทุกเล่มในไตรภาคที่เรากำลังทำกันอยู่นี้ ก็เพื่อสร้างความพร้อม...ความพร้อมสำหรับกระบวนทัศน์ใหม่ ความเข้าใจใหม่ มุมมองที่กว้างไกลขึ้น และแนวคิดที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
N : คือว่า...ผมคงต้องขอถามคำถามที่ผมรู้ว่าคนมากมายกำลังคิดอยู่และต้องการที่จะถามตรงนี้ก็คือ เป็นไปได้ยังไงที่คนอย่างฮิตเลอร์ได้ขึ้นสวรรค์❓
ทุกศาสนาบนโลกใบนี้...ผมคิดว่าน่าจะทุกศาสนาเลยได้ประกาศว่าเขาถูกตัดสินโทษและถูกส่งตรงไปนรก
G : ข้อแรก ฮิตเลอร์ไม่สามารถไปนรกได้ เพราะ "ไม่มีนรก" ฉะนั้นจึงเหลืออยู่เพียงที่เดียวที่สามารถไปได้
แต่ก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาอีก เพราะปัญหาจริงๆก็คือ สิ่งที่ฮิตเลอร์ได้ทำลงไปนั้น "ผิด" หรือเปล่า❓
ทว่าฉันได้บอกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า ไม่มี "ผิด" หรือ "ถูก" ในจักรวาลนี้
🔸สิ่งๆหนึ่งไม่ได้ผิดหรือถูกในตัวมันเอง
🔸สิ่งต่างๆเพียง`เป็น`ของมันอย่างนั้นเอง
ตอนนี้ความคิดของเธอที่ว่าฮิตเลอร์คือมารร้ายนั้นมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสั่งให้ฆ่าคนเป็นล้านๆ ถูกไหม❓
N : ถูกอย่างยิ่งครับ
G : แล้วถ้าฉันจะบอกเธอว่า...สิ่งที่เธอเรียกว่า "ความตาย" นั้น คือ 🔸สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกๆคน🔸 ...เธอจะว่ายังไง❓
N : ผมคิดว่าผมคงรับได้ยาก
G : เธอคิดว่าชีวิตบนโลกนั้นดีกว่าชีวิตในสรวงสวรรค์อย่างนั้นหรือ❓
ฉันจะบอกเธออย่างนี้ว่า...เมื่อห้วงขณะแห่งความตายมาถึง เธอจะได้ตระหนักถึงอิสระภาพอย่างที่สุด ความสงบอย่างที่สุด ปิติสุขอย่างที่สุด และความรักที่มากที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รู้จัก
1
ฉะนั้นเราจึงควรลงโทษหมาป่าที่โยนกระต่ายเข้าไปในพุ่มไม้หนามอย่างนั้นหรือ❓★
★จาก Uncle Rumus ของ Joel Chandler Harris (1848 - 1908) รวมเรื่องเล่าพื้นเมืองแฝงคติสอนใจของชาว แอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งใช้ "กระต่าย" กับ "หมาป่า" เป็นตัวละครหลักเรื่องหนึ่งมีชื่อว่า The Briar-Patch มีใจความคร่าวๆดังนี้...
ครั้งหนึ่งเจ้ากระต่ายถูกหมาป่าจับตัวมาเพื่อลงโทษด้วยการจะทำเนื้อกระต่ายย่าง กระต่ายจึงคิดหาทางรอดด้วยการบอกหมาป่าว่า : “ถูกย่างยังดีกว่าถูกโยนลงไปในพุ่มไม้หนาม เทียบกันแล้วการถูกโยนลงไปในนั้นโหดร้ายกว่าการต้องถูกย่างหลายร้อยหลายพันเท่า”
พอหมาป่าเกิดเปลี่ยนใจไม่ย่างกระต่ายเพราะอยู่ใกล้ไฟร้อนๆไม่ค่อยได้ก็เลยคิดจะเอากระต่ายไปแขวนคอแทน กระต่ายเลยพูดขึ้นว่า : “ตายเพราะถูกแขวนคอช่างโหดร้ายนัก แต่ก็ยังดีกว่าต้องถูกโยนลงไปในพุ่มไม้หนามเป็นไหนๆ”
จากนั้นหมาป่าก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีเชือก จึงเปลี่ยนใจจะจับกระต่ายกดน้ำแทน คราวนี้กระต่ายทำท่าจะร้องไห้และโอดครวญว่า : “ฉันอยู่ในน้ำไม่ได้และต้องขาดใจตายแน่นอน ช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่ก็ยังดีกว่าถูกโยนลงไปในพุ่มไม้แหลมเป็นไหนๆ”
จากนั้นหมาป่าก็เปลี่ยนใจอีกเพราะขี้เกียจต้องเอากระต่ายไปกดน้ำ ทีนี้จะเอามีดที่มีอยู่แล่เนื้อเจ้ากระต่ายเสียเลย กระต่ายรู้ดังนั้นก็พูดออกมาว่า : “ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ถึงแม้จะน่าสยองและต้องเจ็บปวดเหลือทน แต่ก็ยังดีกว่าต้องถูกจับโยนลงไปในพุ่มไม้แหลมเป็นไหนๆ”
หมาป่าได้ฟังที่กระต่ายพูดมาทั้งหมดจึงเชื่อหมดใจว่าการถูกจับโยนลงไปในพุ่มไม้หนามคือสิ่งเลวร้ายที่สุดสำหรับกระต่าย มันจึงจับเจ้ากระต่ายขึ้นมาแล้วก็โยนข้ามฝั่งถนนลงไปในหย่อมพุ่มไม้หนาม ดูอยู่สักพักมันก็เห็นกระต่ายโบกไม้โบกมือและตะโกนกลับมาว่า : “ฉันเกิดและโตมากับพุ่มหนามแบบนี้”
~ ผู้แปล ~
★เราควรลงโทษคนที่ช่วยเหลือคนอื่นอย่างนั้นหรือ? แม้ว่าเขาจะไม่คิดอย่างนั้นก็ตาม เพราะยังไงความจริงก็คือความจริงอยู่ดี
—แอดมิน—
N : พระองค์กำลังละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า...ไม่ว่าชีวิตหลังความตายจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ชีวิตของคนเราก็ไม่สมควรจะต้องจบลงโดยที่เจ้าตัวเองไม่ได้สมัครใจ
เรามาอยู่ที่นี่เพื่อมาทำบางสิ่งให้สำเร็จ เพื่อมามีประสบการณ์ เพื่อมาเรียนรู้บางอย่าง และมันไม่ถูกต้องที่ชีวิตต้องมาจบลงอย่างกระทันหันด้วยน้ำมือของไอ้พวกวายร้ายบ้าๆที่มีแนวคิดบ้าๆ
G : อย่างแรกเลยนะ 🔸เธอไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้อะไรทั้งนั้น🔸 (กลับไปอ่านเล่ม 1 อีกรอบ❗)
ชีวิตไม่ใช่โรงเรียน 🔸และจุดมุ่งหมายของเธอที่นี่ไม่ใช่การเรียนรู้แต่คือการจำให้ได้อีกครั้ง🔸
และในประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น บ่อยครั้งชีวิตมักจะ "จบลงอย่างกระทันหัน" ด้วยสาเหตุร้อยแปดพันประการ...เฮอร์ริเคน แผ่นดินไหว...
N : มันไม่เหมือนกันนะครับ เพราะพระองค์กำลังพูดถึงการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า (Act of god)
G : "ทุกๆเหตุการณ์" คือการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า (an Act of god)
เธอเห็นว่าเหตุการณ์ใดๆจะสามารถเกิดขึ้นได้หรือ ถ้าฉันไม่ต้องการให้เกิด❓
เธอคิดว่าเธอจะทำสิ่งง่ายๆอย่างการกระดิกนิ้วได้หรือ ถ้าฉันไม่ยอมให้เธอทำ❓
เธอจะทำอะไร`ไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว`ถ้าฉันขัดขวางเธอ
เรากลับมาพิจารณาแนวคิด "ที่ผิดพลาด" เกี่ยวกับเรื่องของความตายกันต่อ ถ้าชีวิตต้องจบลงอย่างกระทันหันด้วยโรคภัยไข้เจ็บถือเป็นเรื่อง "ผิด" ด้วยหรือเปล่า❓
N : "ผิด" ไม่ใช่คำที่ใช้กับเรื่องนี้ได้นะครับ สิ่งเหล่านี้คือเหตุการณ์ตามธรรมชาติ เป็นคนละเรื่องกับการที่มนุษย์อย่างฮิตเลอร์ไปฆ่าผู้คน
G : แล้วอุบัติเหตุล่ะ❓
อุบัติเหตุอย่างโง่ๆน่ะ❓
N : ก็เหมือนกันนั่นแหละครับ มันเป็นเรื่องของความโชคร้าย เป็นโศกนาฏกรรม และนั่นก็เป็นเจตจำนงของพระเจ้า เราไม่สามารถมองเข้าไปในจิตใจของพระเจ้าและหาคำตอบได้ว่าทำไมสิ่งต่างๆเหล่านั้นถึงได้เกิดขึ้น และก็ไม่สมควรที่จะทำอย่างนั้นด้วย
เพราะเจตจำนงของพระเจ้าไม่อาจเข้าใจและเป็นไปไม่ได้ที่จะทำความเข้าใจ
การพยายามไขความลี้ลับของพระเจ้าคือความทะยานอยากในความรู้ที่เกินตัว "มันเป็นบาป"
G : เธอรู้ได้ยังไง❓
N : เพราะถ้าพระเจ้าต้องการให้เราเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้เราก็คงเข้าใจไปแล้ว
การที่เรายังไม่เข้าใจหรือไม่สามารถทำความเข้าใจ คือหลักฐานยืนยันว่านั่นเป็นเจตจำนงของพระเจ้าที่ให้เป็นอย่างนั้น
G : เข้าใจล่ะ การที่เธอ "ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น" คือหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจตจำนงของพระเจ้า
ส่วน "การเกิดขึ้นของสิ่งต่างๆ" ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจตจำนงของพระเจ้า อืม...น่าคิดจริงๆ
N : ผมคงอธิบายเรื่องนี้ออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมรู้ว่าผมเชื่ออะไรก็แล้วกันครับ
G : เธอเชื่อในเจตจำนงของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงฤทธานุภาพสูงสุดไหม❓
N : เชื่อครับ
G : เว้นแต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับฮิลเลอร์อย่างนั้นใช่ไหม❓ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้น`ไม่`เกี่ยวอะไรกับเจตจำนงของพระผู้เป็นเจ้า❓
N : ไม่เกี่ยวครับ
G : ไม่เกี่ยวได้ยังไง❓
N : ฮิลเลอร์ละเมิดเจตจำนงของพระผู้เป็นเจ้า
G : ถ้าเจตจำนงของฉันเป็นสิ่งซึ่งทรงฤทธานุภาพสูงสุด แล้วเธอคิดว่าฮิลเลอร์ละเมิดมันได้ยังไง❓
N : ก็เพราะพระองค์อนุญาต
G : ถ้าฉัน`อนุญาต`ฮิตเลอร์ให้ทำได้ แสดงว่านั่นเป็นเจตจำนงของฉันให้เขาสามารถทำได้
N : ฟังดูเหมือนอย่างนั้น...แต่`เหตุผล`ที่น่าจะเป็นไปได้ของพระองค์คืออะไรล่ะครับ❓ ไม่เห็นมีเลย
เจตจำนงของพระองค์คือให้ฮิตเลอร์มีทางเลือกอิสระ และมันก็เป็นเจตจำนงของ`เขาเอง`ที่ทำลงไปอย่างนั้น
G : เธอเข้ามาใกล้มากแล้ว ใกล้มากๆ
✴️ และใช่ เธอพูดถูก มันคือเจตจำนงของฉันที่ให้ฮิตเลอร์ (และพวกเธอทุกคน) มีทางเลือกอิสระ
✴️ และมันไม่ใช่เจตจำนงของฉันที่เธอจะต้องมาโดนลงโทษหนักขึ้นๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุด หากเธอไม่ยอมเลือกตามที่ฉันต้องการให้เธอเลือก
✴️ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะเป็นทางเลือกอิสระไปได้ยังไงถ้าฉันได้เลือกให้เธอไว้ก่อนแล้ว❓
✴️ เธอจะมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่อยากทำได้อย่างแท้จริงหรือ หากเธอรู้ว่าจะต้องถูกลงทัณฑ์เกินกว่าที่จะพรรณนาถ้าเธอไม่ทำในสิ่งที่ฉันต้องการให้เธอทำ นั่นมันเป็นทางเลือกแบบไหนกัน❓
N : มันไม่ใช่เรื่องของการลงทัณฑ์ครับ มันเป็นเพียงแค่กฎของธรรมชาติ เป็นแค่เรื่องของผลสืบเนื่อง
G : เห็นได้ชัดเลยว่าเธอได้ถูกปลูกฝังระบบของความเชื่อมาเป็นอย่างดีที่ทำให้เธอยึดถือว่าฉันเป็นดั่งพระเจ้าจอมอาฆาต โดยไม่ให้ฉันต้องรับผิดชอบอะไรเลยน่ะ
แล้วใครเป็นคนสร้างกฎของธรรมชาติที่ว่านี้❓
และถ้าเราตกลงกันได้ว่า `ฉัน`เป็นคนสร้างทุกสิ่งนี้ขึ้นมาเอง แล้วทำไมฉันถึงต้องสร้างกฎเหล่านั้นขึ้นมาพร้อมให้อำนาจแก่เธอที่จะฝ่าฝืนมันได้ด้วย❓
ถ้าฉันไม่อยากให้เธอได้รับผลจากกฎเหล่านั้น (หากฉันมีเจตจำนงที่จะให้สิ่งมีชีวิตอันงดงามของฉันไม่ควรต้องทนทุกข์) ทำไมฉันถึงต้องสร้าง "ความเป็นไปได้" ที่เธอสามารถเป็นอย่างนั้นได้ขึ้นมาด้วย❓
อีกอย่างนะ ทำไมฉันถึงต้องเฝ้าล่อลวงเธอวันแล้ววันเล่าให้ละเมิดกฎที่ฉันวางเอาไว้ด้วย❓
N : พระองค์ไม่ได้ล่อลวงพวกเรา แต่เป็นมารต่างหากที่ทำ
G : นั่นไง เอาอีกล่ะ ให้ฉันไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีกล่ะ
เธอไม่เห็นหรือว่าวิธีเดียวที่จะทำให้ความเชื่อทางศาสนาของพวกเธอสมเหตุสมผลขึ้นมาได้ก็คือ 🔸ต้องทำให้ฉันเป็นผู้ไร้ซึ่งพลังอำนาจ🔸
เธอเข้าใจไหมว่าวิธีเดียวที่จะทำให้แนวคิดของพวกเธอฟังขึ้นก็คือต้องทำให้แนวคิดของฉันเป็นฝ่าย`ฟังไม่ขึ้น`
ถามจริงๆเถอะ เธอรู้สึกสบายใจหรือกับแนวคิดเรื่องพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งมวลแต่ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้น่ะ❓
N : ผมไม่ได้บอกว่าพระองค์ไม่สามารถควบคุมมารร้ายได้ พระองค์สามารถควบคุมทุกอย่างได้อยู่แล้ว ก็พระองค์คือพระเจ้า❗
เพียงแต่พระองค์เลือกที่จะไม่ทำ พระองค์อนุญาตให้มารสามารถล่อลวงเราหรือหาทางเอาชนะจิตวิญญาณของเราได้
G : ฉันจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร❓
🔸ฉันจะทำอย่างนั้นไปทำไมถ้าฉันต้องการให้เธอกลับมาหาฉัน🔸
N : เพราะพระองค์ต้องการให้เราเลือกกลับไปหาพระองค์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น
พระองค์สร้างสวรรค์และนรกขึ้นมาเพื่อให้เรามีทางเลือก เราถึงเลือกทำอะไรต่างๆได้แทนที่จะเดินไปตามทางเดียวที่มี
G : จริงๆก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าทำไมเธอถึงได้มีวิธีคิดแบบนี้ เพราะฉันทำให้เป็นอย่างนั้นในโลกของเธอ เธอก็เลยคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นใน "โลกของฉัน" ด้วย
ในโลกความจริงของเธอ "ดีไม่สามารถดำรงอยู่ได้ถ้าไม่มีเลว" ดังนั้นเธอก็เลยเชื่อว่าในโลกความจริงของฉันก็ต้องเป็นอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน
✴️ แต่ฉันจะบอกเธอว่า : ไม่มี "เลว" ในที่ที่ฉันอยู่หรอก และก็ไม่มีมารด้วย
✴️ มีเพียงสภาวะแห่งความเป็นทั้งหมดและเป็นหนึ่งเดียวกัน
✴️ มีเพียงการตระหนักรู้และการมีประสบการณ์ถึงภาวะนั้น
โลกของฉันคือโลกแห่งความสัมบูรณ์ (โลกแห่งปรมัตถ์) ที่ซึ่งสิ่งๆหนึ่งดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีสัมพันธ์กับสิ่งอื่น แต่จะเป็นอิสระจากกัน★
★หมายความว่าไม่ขึ้นกับสิ่งอื่น —แอดมิน—
ในโลกของฉัน...
♥️ รักเท่านั้นคือทั้งหมดที่มี ♥️
N : และมันไม่มี 'ผลสืบเนื่อง'★ จากทุกๆสิ่งที่เราคิด พูด หรือ ทำ บนโลกนี้หรือครับ❓
★ผลสืบเนื่อง หรือ วิบากกรรม (ผลลัพธ์ของการกระทำ) ในคำของพุทธ —แอดมิน—
G : โอ...มีแน่นอน มองไปรอบๆตัวสิ
N : ผมหมายถึงหลังจากที่ตายไปแล้วน่ะครับ
G : ไม่มี "ความตาย" หรอก ชีวิตดำเนินสืบไปชั่วนิรันดร์ ชีวิตจะดำรงอยู่เสมอ
🌟เธอเพียงแค่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้น🌟
N : ก็ได้ครับ เอาตามที่พระองค์ว่าก็ได้ หลังจากที่เรา "เปลี่ยนรูป" ไปแล้ว
G : หลังจากที่เธอเปลี่ยนรูปไปแล้ว 'ผลสืบเนื่อง' จะหยุดการให้ผล (สิ้นสุดลง)
✨มีเพียงสภาวะแห่งการรู้เท่านั้น✨
ผลสืบเนื่องทั้งหลายคือองค์ประกอบแห่งโลกสัมพัทธ์ (โลกแห่งความเป็นคู่) มันไม่มีที่ให้อยู่ในความสัมบูรณ์ เพราะมันต้องขึ้นอยู่กับ "เวลา" ที่เป็นเส้นตรง และเหตุการณ์ต่างๆที่เรียงไปตามลำดับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในโลกแห่งปรมัตถ์ (โลกแห่งความสัมบูรณ์)
1
ณ ที่แห่งนั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกนอกจากความสงบ ความสุข และความรัก
ณ ที่แห่งนั้น ในที่สุดเธอก็จะได้รู้ข่าวดีว่า : "มาร" ที่เธอเชื่อว่ามีอยู่นั้นมิได้มีอยู่ และเธอนั้นเป็นคนที่เธอคิดว่าเธอเป็นอยู่เสมอมา นั่นคือ "ความดีงามและความรัก"
ความคิดของเธอที่ว่าเธออาจเป็นสิ่งอื่นนั้นมาจากโลกภายนอกที่วิกลจริต ทำให้เธอแสดงออกอย่างวิกลจริตตามไปด้วย โลกภายนอกที่ตัดสินและกล่าวประนาม มีแต่คนที่คอยตัดสินเธอ "เธอก็เลยเอาการตัดสินเหล่านั้นมาตัดสินตัวเอง"
✴️ ตอนนี้เธอต้องการให้พระเจ้าตัดสินเธอแต่ฉันจะไม่ทำหรอก
✴️ เพราะไม่อาจเข้าใจในพระเจ้าผู้จะไม่ทำอย่างที่มนุษย์ทำ "เธอจึงหลงทาง"
✴️ ความเชื่อทางศาสนาทั้งหลาย คือความมุมานะพยายามของพวกเธอที่จะค้นพบตัวเองอีกครั้ง
N : พระองค์บอกว่าความเชื่อทางศาสนาของพวกเรานั้นวิกลจริต แต่จะมีความเชื่อแบบไหนกันครับที่จะได้ผลถ้าปราศจากระบบของการให้รางวัลและการลงโทษ❓
G : ทุกสิ่งๆขึ้นอยู่กับว่า พวกเธอเข้าใจว่าอะไรคือเป้าหมายของชีวิต สิ่งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของความเชื่อทางศาสนา
หากพวกเธอเชื่อว่าชีวิตเป็นดั่งบททดสอบ คือการทดลอง คือช่วงเวลาแห่งการต่อสู้เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองนั้น "มีค่า" แนวคิดทางศาสนาของพวกเธอจะเริ่มฟังดูมีเหตุผล
หากพวกเธอเชื่อว่าชีวิตเป็นดั่ง "โอกาส" เป็นกระบวนการที่พวกเธอได้ค้นพบ (จดจำได้) ว่าพวกเธอนั้นมีค่าอยู่แล้ว (และมีมาโดยตลอด) เมื่อนั้นแนวคิดทางศาสนาของพวกเธอจะเริ่มฟังดูเพี้ยนๆ
หากพวกเธอเชื่อว่าพระเจ้าคือผู้เปี่ยมไปด้วยอัตตาที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ การสักการะบูชา การสำนึกในบุญคุณ และความชอบพอ (และจะใช้วิธีการฆ่าเพื่อให้ได้มันมา) แนวคิดทางศาสนาของพวกเธอก็จะเริ่มฟังดูเข้าเค้าขึ้นมา
หากพวกเธอเชื่อว่าพระเจ้านั้นปราศจากอัตตาและไม่เรียกร้องสิ่งใด ทว่าเป็น`ต้นกำเนิด`ของทุกสรรพสิ่ง เป็นแหล่งของปัญญาทั้งหมดและความรักทั้งมวล เมื่อนั้นแนวคิดทางศาสนาของพวกเธอจะพังทลายลง
หากพวกเธอเชื่อว่าพระเจ้าคือพระเจ้าจอมอาฆาต เจ้าคิดเจ้าแค้น อิจฉาริษยาในรักของเขา และชอบเดือดดาลด้วยความโกรธ เมื่อนั้นแนวคิดทางศาสนาของพวกเธอจะสมบูรณ์แบบ
1
หากพวกเธอเชื่อว่าพระเจ้าคือ พระเจ้าแห่งสันติ ร่าเริงเบิกบานในรักของนาง และหลงไหลในความปิติยินดี เมื่อนั้นแนวคิดทางศาสนาของพวกเธอก็จะไร้ประโยชน์
ฉันจะบอกกับเธอว่า : "เป้าหมายของชีวิตนั้นมิใช่การทำให้พระเจ้าพอใจ"
✴️ เป้าหมายของชีวิตคือการได้รู้ว่าเธอคือใครและสร้างสรรค์ตัวตนนั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ✴️
เมื่อเธอได้ทำดังนั้น เธอได้ "เอาใจ" พระเจ้า และได้สรรเสริญ`นาง`ไปในคราวเดียวกัน
N : ทำไมพระองค์ชอบพูดคำว่า "นาง" อยู่เรื่อยเลยครับ❓ พระองค์เป็นผู้หญิงหรือไง❓
G : ฉันไม่ใช่ทั้ง "ผู้ชาย" และ "ผู้หญิง" ที่บางทีฉันใช้สรรพนามของเพศหญิงก็เพื่อจะเขย่าเธอให้ออกจากความคิดอันคับแคบจำกัดเท่านั้นแหละ
✴️ หากเธอคิดว่าพระเจ้าเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเมื่อนั้นเธอก็จะคิดว่าสิ่งอื่นๆไม่ใช่พระเจ้า และนั่นคือ 💢ความผิดพลาดอย่างมหันต์💢
🔸ฮิลเลอร์ได้ขึ้นสวรรค์ก็เพราะ `ไม่มีนรก`
🔸ฉะนั้นจึงไม่มีที่อื่นให้เขาไป
การกระทำของฮิตเลอร์คือสิ่งที่พวกเธอเรียกกันว่าความผิดพลาด (เป็นการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่วิวัฒนาการ) และความผิดพลาดก็มิอาจแก้ได้ด้วยการลงทัณฑ์ #แต่ด้วยการให้โอกาสเพื่อแก้ไขและเติบโต
ความผิดพลาดที่ฮิลเลอร์ได้ทำลงไป ไม่ได้ทำร้ายหรือก่อความเสียหายให้แก่ผู้ที่ต้องตายด้วยน้ำมือของเขาเลย วิญญาณเหล่านั้นได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของร่างกาย เฉกเช่นผีเสื้อที่ชำแรกออกมาจากดักแด้
ผู้คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง (คนที่ยังอยู่) ต่างเศร้าโศกเสียใจกับการตาย เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความเบิกบานที่วิญญาณเหล่านั้นได้รับ ✨ไม่มีใครที่เคยผ่านประสบการณ์แห่งความตายมาแล้วจะโศกเศร้าเสียใจให้กับการตายของผู้ใดอีก✨
ที่เธอบอกว่าคนเหล่านั้นตายก่อนเวลาอันควร (ฉะนั้นจึง "ไม่ถูกต้อง") สื่อเป็นนัยว่า...บางสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้ในจักรวาลนี้ แต่หากดูจากว่าฉันคือใครและเป็นอะไรแล้ว เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาลล้วนเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ พระเจ้าไม่เคยทำสิ่งผิดพลาดมายาวนานชั่วนิรันดร์แล้ว
เมื่อไหร่ที่เธอเห็นความหมดจดสมบูรณ์ในทุกสิ่ง มิใช่เพียงแค่ในสิ่งที่เธอเห็นพ้อง แต่ยังในสิ่งที่เธอไม่ยอมรับ (โดยเฉพาะสิ่งนี้)
🔸เมื่อนั้นเธอได้เข้าถึงความเป็นคุรุแล้ว🔸
...
...
...
คำอธิบายเรื่อง นรก ที่พระองค์พูดเอาไว้ในเล่มแรก อ่านทบทวนได้ตามลิ้งค์ครับ
—แอดมิน—

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา