25 ก.พ. 2021 เวลา 13:30 • กีฬา
การพัฒนาเยาวชนไทย จากกุนซือต่างชาติที่ประสบความเร็จมากที่สุด "อเล็กซานเดร์ กาม่า"
#ChangsuekOutField
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย นอกจากจะต้องมีนักเตะที่พร้อมทำผลงานดีในสนามกับสตาฟฟ์ในทีมที่ช่วยทำงานเบื้องหลัง รวมถึงเหล่าสปอนเซอร์ที่คอยหนุนหลังแล้ว ก็ต้องมีหัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดฝีมือที่ทำหน้าที่เฮดโค้ชสั่งการอยู่ข้างสนาม
ซึ่งโค้ชชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในไทย ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อเล็กซานเดร์ กาม่า หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวบราซิลเลี่ยนแห่งทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ชายวัย 53 ปีคนนี้กวาดแชมป์ในเมืองไทยไป 12 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นไทยลีก (2) เอฟเอ คัพ (3) หรือ ลีกคัพ (2) และอีกหลายรายการ เขายังไม่หยุดที่จะอยากเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
โดยการกลับมาทำงานที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครั้งนี้ กาม่าไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องของการทำผลงานในสนาม แต่เขามองไปถึงการให้โอกาสกับนักเตะเยาวชนในสโมสรเป็นสำคัญด้วย
วันนี้เราได้โอกาสพูดคุยกับ กาม่า เกี่ยวกับหลายประเด็นที่เขาต้องการจะเล่าให้แฟนบอลไทยได้รับรู้ เขาจะพูดถึงการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างไร ติดตามกันต่อเลยครับ
🔹 ช่วงที่ลีกหยุดไปเป็นอย่างไรบ้าง ?
💬 การซ้อมของทีมกำลังดีครับ นักเตะทุกคนกลับมาฟิตซ้อมและมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ส่วนตัวแล้วผมก็แอบรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ลีกต้องมาหยุดในช่วงที่ทีมของผมกำลังทำผลงานได้ดี เราชนะติดต่อกันหลายนัดและผู้เล่นทุกคนอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง แต่ผมก็เข้าใจครับว่าสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดไป ก็ไม่เป็นไรครับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะทำผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่องและเราจะสู้ต่อไปพร้อมกันทุกคนครับ
🔹 ปี 2021 เข้าสู่ปีที่ 8 ของการมาทำหน้าที่เป็นเฮดโค้ชในประเทศไทยของคุณ เพราะอะไรคุณถึงตัดสินใจที่จะทำงานที่เมืองไทยต่อ ?
💬 เป็นคำถามที่ดีครับ จริงแล้วๆตอนที่ผมเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยตอนแรกในปี 2014 ผมก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าผมจะอยู่ที่เมืองไทยยาวนานถึง 8 ปีครับ (หัวเราะ) แต่คุณต้องเข้าใจว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่วัดกันด้วยผลงานในสนาม การที่ผมสามารถคว้าแชมป์ได้หลายรายการ และ มีความสุขกับการได้พัฒนาฟอร์มการเล่นของนักเตะที่นี่ เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ผมตัดสินใจอยู่ทำงานที่ไทยต่อครับ
ส่วนเรื่องชีวิตนอกสนาม ผมมีความสุขกับการได้อยู่เมืองไทยครับ เป็นประเทศที่อยู่สบายและครอบครัวผมตอนมาเยี่ยมผมที่นี่ก็ชอบมากๆด้วยครับ
🔹 คุณได้ร่วมงานกับนักเตะไทยหลายคน ไม่ว่าจะเป็นที่ บุรีรัมย์ เชียงราย เมืองทอง หรือ กับทีมชาติชุด U-23 ในภาพรวมแล้ว คุณคิดว่านักเตะไทยมีคุณภาพในด้านไหนบ้าง ?
💬 ผมต้องบอกก่อนว่านักฟุตบอลไทยมีพัฒนาการณ์ที่ดีมากๆ ถ้ามองย้อนกลับไปในปี 2014 ที่ผมเพิ่งเข้ามาคุมทีม ผมมองว่าหลักๆแล้วนักเตะไทยที่มีคุณภาพต้องมี 3 สิ่งนี้ครับ
อย่างแรกคือเรื่องของจิตใจที่พร้อมที่จะสู้และพร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญและเห็นได้ชัดในนักบอลไทยยุคใหม่ ทุกๆคนอยากที่จะเก่งครับ นักฟุตบอลทุกคนต้องการที่จะโชว์ฟอร์มออกมาให้ดีที่สุด แต่ถ้าคุณไม่มีใจที่สู้และคอยผลักดันตัวเองให้เก่งขึ้น ก็จะไม่สามารถเติมเต็มศักยภาพที่แท้จริงได้ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและผมบอกนักบอลเสมอว่า ผมพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาฟอร์มการเล่นในสนามของคุณ แต่คุณเองก็ต้องมีจิตใจที่พร้อมที่จะรับฟังและพัฒนาตัวเอง
อีกข้อหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับนักฟุตบอลไทยก็คือเรื่องของคุณภาพในสนามครับ ตั้งแต่ผมมาที่นี่ผมเห็นได้ชัดเลยว่านักเตะไทยมีความคล่องตัวและเล่นกับบอลได้ดี การมีเทคนิคที่ดีช่วยให้ฟุตบอลในแบบที่ผมต้องการทำได้ง่ายขึ้น ทุกทีมที่ผมได้คุมล้วนแล้วมีแต่นักฟุตบอลไทยที่ไปกับบอลได้ดี ครองบอลเก่ง และสามารถออกบอลได้แม่น มันทำให้ผมทำงานง่ายขึ้นด้วยครับ
ท้ายที่สุดผมชอบความเป็นมืออาชีพของนักเตะรุ่นใหม่ครับ ผมเห็นได้ชัดในการกลับมาเป็นเฮดโค้ชของทีมครั้งนี้ว่านักเตะทุกๆคนมีความกระหายในการเล่นและต้องการที่จะทำผลงานให้ดี การแข่งขันในทีมเป็นเรื่องดีครับ และผมก็มั่นใจว่านักบอลไทยในยุคใหม่มีทัศนคติที่ดีในจุดนี้ครับ
🔹 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตอนนี้ นักเตะดาวรุ่งอย่าง สุภโชค ศุภณัฏฐ์ กับ ศุภชัย ได้รับความสนใจจากแฟนบอลไทย สำหรับคุณแล้ว คุณได้ช่วยพัฒนาทั้ง 3 คนนี้อย่างไรบ้างครับ ?
💬 นักเตะทั้ง 3 คนเป็นความหวังและเป็นสายเลือดใหม่ ไม่ใช่แค่ของทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ของวงการฟุตบอลไทยครับ
คนแรก สุภโชค สารชาติ เป็นนักเตะที่ครบเครื่อง เล่นตัวริมเส้นได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นกองหน้าตัวต่ำก็ได้ เขามีความเร็วและส่งบอลได้แม่นอีกด้วย เขาพร้อมทุกอย่างครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเคยทำงานที่บุรีรัมย์ รอบแรกช่วงปี 2014-2016 ผมเรียกเขามาซ้อมกับทีมชุดใหญ่หลายครั้งครับ เขากำลังเป็นนักเตะที่เพิ่งได้รับโอกาสขึ้นทีมชุดใหญ่ ณ ตอนนั้น กาลเวลาผ่านไป ผมได้กลับมาเป็นเฮดโค้ชที่นี่อีกครั้ง ผมก็รู้สึกภูมิใจในตัว สุภโชค ที่ไม่หยุดพัฒนาและกำลังเป็นนักเตะสำคัญของทีมคนหนึ่งครับ
คนต่อไปคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา คนนี้ผมเคยร่วมงานตอนผมคุมทีมชาติไทยชุด U-23 ครับ ผมเรียกเขามาในทีมและเขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก ผมจำได้ว่าเขายิงได้ในเกมที่ผมส่งเขาลงเล่น ซึ่งในวัยเพียง 18 ปีเขาเป็นนักบอลที่มีทักษะยอดเยี่ยมมาก ผมต้องการที่จะให้โอกาสเขาลงเล่นบ่อยๆเพราะเขาเป็นดาวรุ่งที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการพัฒนาให้กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์
คนสุดท้าย ศุภชัย ใจเด็ด เป็นกองหน้าที่ผมมองว่าจะเป็นอนาคตเบอร์ 9 ตัวหลักของทีมชาติไทยครับ เด็กคนนี้เขามีครบทุกอย่าง ทั้งร่างกาย ทั้งสกิลการเล่น และ จิตใจที่แข็งแกร่ง ผมดูเขาเล่นตั้งแต่เขาอยู่ทีมโอสถสภา ผมกลับมาครั้งนี้ก็ดีใจมากที่เขามาอยู่บุรีรัมย์ ผมต้องการที่จะช่วยเขาพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ครับ ผมก็บอกเขาเสมอว่าเขามีดีพอที่จะเป็นอนาคตของทีมชาติไทยในตำแหน่งกองหน้า แต่เขาต้องห้ามหยุดซ้อมและต้องมีทัศนคติที่ดีต่อไป แล้วทุกอย่างจะออกมาดีเองครับ
🔹 คุณมองเป้าหมายของคุณอย่างไรกับการกลับมาคุม บุรีรัมย์ ในครั้งนี้ ?
💬 ทุกสโมสรที่ผมไป ผมต้องการชนะทุกเกมครับ ตอนที่ผมมาร่วมทีม บุรีรัมย์ ครั้งนี้ เราอยู่ในอันดับที่ 9 ตอนนี้เราขึ้นมาอยู่หัวตาราง แต่สำหรับผม แค่นี้ยังไม่พอครับ ผมจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ ผมต้องการที่จะพาทีมเก็บชัยชนะในทุกเกม เราต้องทำงานหนัก ผมเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสในแมตช์อยู่แล้ว ส่วนเรื่องอันดับ เดี๋ยวมาดูกันอีกทีครับว่าจบฤดูกาลแล้วเราจะไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่กัน
 
🔹 ฝากอะไรถึงแฟนบอลไทย และ บุรีรัมย์ ?
💬 ผมต้องขอบคุณแฟนๆทุกคนที่คอยสนับสนุนและเชียร์ผมตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่เมืองไทย โดยเฉพาะแฟนบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผมต้องขอบคุณพวกคุณมากๆ ที่ต้อนรับผมกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครัง ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาอยู่กับทีมที่ผมเริ่มต้นอาชีพการคุมทีมในเมืองไทย ผมหวังว่าการมาของผมครั้งนี้จะช่วยยกระดับผลงานของทีมต่อไป
โฆษณา