26 ก.พ. 2021 เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#กองทุนดีที่อยากแนะนำ Ep.2
หยุดยาว 3 วันนี่มันรู้สึกดีจริงๆเลยว่ามั้ยครับบบบ (หาววววว~~~) ถึงแม้จะเป็นวันหยุดพักผ่อนของเพื่อนๆหลายๆคน เพื่อนๆก็อย่าลืมหาหนังสืออ่าน อ่านบทความดีๆ มีประโยชน์ด้วยนะครับ ( บทความดีๆในที่นี้แนะนำของ Daily Stock by Po เลยครับ 5555 อิอิ )
โอเคครับก็ทักทายกันมายาวแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
กองทุนที่จะมาแนะนำในวันนี้นะครับคือกองทุน ดัชนีของประเทศไทยครับนั่นก็คือ กองทุน SCBSET ของธนาคาร SCB หรือไทยพานิชย์ นั่นเองครับ~~)
นโยบายการลงทุน : กองทุนนี้เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหลักทรัพย์อื่นๆที่มีผลในการคำนวณดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กลยุทธ์การลงทุน : มุ่งให้ผลประกอบการเคลื่อไหวตามดัชนี (Passive management)
สัดส่วนการลงทุน : โดยกองทุนนี้มีสัดส่วนการลงทุนใน 5 อันดับแรกตามรูปข้างล่าง (แต่ละบริษัทคุ้นๆกันหมดเลยใช่ไหมล่ะะะ)
อ้างอิงจาก Fund fact sheet ของทางกองทุน
ผลประกอบการดำเนินการ : อ้างอิง 10 ปีย้อนหลัง มีกำไรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6% ต่อปี (ซึ่งไม่น้อยเลยน้าา ถือว่าใช้ได้เลย)
อ้างอิงข้อมูลจาก Finnomena.com
Maximum Drawdown : การขาดทุนสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่เกือบๆ 35% (ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เยอะมากครับ)
อ้างอิงข้อมูลจาก Finnomena.com
ค่าธรรมเนียมของกองทุน : ค่าธรรมเนียมก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเลือกกองทุนนะครับ โดยในกองทุนนี้มีแค่ค่าธรรมเนียมในการ ขายและสับเปลี่ยนออก คิดแค่ 0.1% ของมูลค่าการซื้อขายเท่านั้นเอง (ถือว่าน้อยมากกกก 1000 บาทเสียแค่ 1 บาทเองง)
*การลงทุนแบบ DCA : DCA ย่อมาจาก Dollar Cost Averaging คือการที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันในทุกๆเดือน หรือทุกๆรอบการลงทุนตามที่เรากำหนดเพื่อเป็นการเฉลี่ยราคาต้นทุนนะครับ (อาจจะรายวัน รายสัปดาห์ก็ได้)
**ข้อดีของ DCA :
1. เป็นการกระจายความเสี่ยงเพราะไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงเราก็จะทำการเข้าซื้อ เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุนทำให้ความผันผวนตรงนี้น้อยลง
2. ได้ฝึกวินัยในการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
3. ทำให้เราไม่ต้องไปนั่งวิตกกังวลเรื่องกราฟราคา ทำให้เรามีกระจิตกระใจในการทำงานอย่างอื่นควบคู่ไปกับการลงทุนนะครับ
**ข้อเสียของ DCA :
1. หากเราลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ดีนั้นมันจะเป็นการเอาเงินไปทิ้งเปล่าๆเลย เพราะเราจะทำการถั่วเฉลี่ยซื้อเรื่อยๆโดยที่สุดท้ายแล้วสินทรัพย์ตัวนั้นมันไม่ได้ไปต่อจะทำให้เราขาดทุนอย่างมหาศาล
2. เห็นผลลัพธ์ช้า เพราะต้องใช้เวลาในการทยอยเข้าซื้อเรื่อยๆทำให้กว่าจะเห็นผลลัพธ์นั้นอาจจะเป็นเวลาหลายปีเลย
***ผลตอบจากการใช้เทคนิคการลงทุนด้วย DCA : เงื่อนไขในการลงทุน
- ลงทุนด้วยเงิน 1000 บาท
- ทุกๆวันที่ 26 ของเดือน
- ระยะเวลา 10 ปี
- ใช้เงินต้นทั้งหมด 120K , มูลค่าตลาด 138K , คิดเป็นกำไร 138K - 120K = 18K รวมๆแล้วได้กำไร 15.75% (บางคนอาจจะคิดว่า โหยใช้เวลา 10 ปี กำไร 10% ไม่ต่างจากฝากธนคารเลยนิที่ตกเดือนละ 1% อะไรงี้ แต่เดี๋ยวรอดูอีกรูปนึงก่อนนะครับ)
อ้างอิงข้อมูลจาก Wealthmagik.com DCA Similator (DCA 10 ปี)
******ผลตอบจากการใช้เทคนิคการลงทุนด้วย DCA : เงื่อนไขในการลงทุน
- ลงทุนด้วยเงิน 1000 บาท
- ทุกๆวันที่ 26 ของเดือน
- ระยะเวลา 20 ปี
- ใช้เงินต้นทั้งหมด 240K , มูลค่าตลาด 580K , คิดเป็นกำไร 580K - 240K = 340K รวมๆแล้วได้กำไร 143.64% (เยอะโคตรเลยย~~)
อ้างอิงข้อมูลจาก Wealthmagik.com DCA Similator (DCA 20 ปี)
จากทั้งสองรูปจะเห็นได้ว่าหากเราลงทุนเป็นระยะเวลาที่นานพอ มันจะทำให้เงินของเรานั้นผ่านทุกทุกสภาพของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะช่วงขาขึ้น ขาลง หรือ Sideway
***ความคิดเห็นส่วนตัว : สำหรับกองทุนนี้ผมก็มองว่าดีอยู่นะครับ ยิ่งเป็นกองที่ลงในบ้านเราเองอาจจะทำให้หลายๆคนสบายใจ เพราะรู้จักธุรกิจของบ้านเราดีทำให้ไม่ต้องกังวลและสบายใจในการลงทุน
-คะแนนผลประกอบการ : 9/10 (เพราะถือว่าไม่น้อยไม่มากถือว่าดี)
-คะแนนความเสี่ยง : 4/10 (น้อยครับเพราะลงในดัชนี อย่างที่บอกในโพสอันเก่าครับหากกองดัชนีเจ๊งนั่นหมายถึงเศรษฐกิจของประเทศนั้นล่มสลายไปด้วย)
#WelathMagix.com #Finnomena.com #SCBSET #SCTFUND

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา