Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
19 มี.ค. 2021 เวลา 04:40 • นิยาย เรื่องสั้น
2.28. ล่อปลาขึ้นจากน้ำ
เกียวชวน เจ้าพ่อการค้า - โลซก ศิษย์เอก - จงฮิว ผู้นำสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน
หลังจากโจโฉกลับจากการศึกเมืองชีจิ๋วได้สักระยะหนึ่งแล้ว ปกติ สมควรรีบเข้าเฝ้าต่อองค์ฮ่องเต้ในเร็ววัน หากแต่โจโฉ ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน มหาอุปราช และเจ้าพระยาปราบอุดร กลับแจ้งลาป่วยการเมือง พักผ่อนต่ออีกหลายวัน คล้ายต้องการรวบรวมข้อมูลอันใดก่อน เพราะโจโฉได้รับข่าวคราวที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบมาพากลบางประการเสียแล้ว นอกเหนือไปจากเรื่องราวยุ่งเหยิงของซัวบุ้นกี
จากการที่โจโฉ และสี่เทวะที่รั้งตำแหน่งทางทหารออกไปประจำการณ์ตามชายแดน และทำสงครามมานานหลายปีนั้น ฟากฝั่งขุนนางสายบุ๋นที่อยู่ในการกำกับของฮกอ้วน สมุหนายก ได้มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างมากมาย ขงหยง อองลอง ผู้มีชื่อในเจ็ดบัณฑิตเจี้ยนอาน ได้กลายเป็นขุนนางสำคัญระดับต้นๆ
กล่าวคือ ขงหยงเป็นเสนาบดีฝ่ายการศึกษา และทำหน้าที่พระราชครูให้กับองค์รัชทายาทเล่าสือ และอองลอง ได้รั้งตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายราชพิธีมานานแล้ว รวมทั้งเหล่าลูกศิษย์ในสังกัดสายขงจื้อก็ล้วนได้ดีกันทั่วหน้า
ทางฝั่งนายทหารสายบู๊ แม้ว่า ตำแหน่งระดับบนจะตกเป็นของสี่เทวะห้าพยัคฆ์จนหมดสิ้น แต่งานระดับรองของแต่ละกรมกองกลับเป็นการจัดการปรับเปลี่ยนของกษัตริย์เหี้ยนเต้เอง โดยผ่านการดูแลของกุนซือคนสำคัญ ซุนฮก แต่เพียงผู้เดียว
จริงอยู่ที่เหล่าสี่เทวะจะมีคนถูกสลับสับเปลี่ยนกันมากำกับที่เมืองหลวงอีกทอดหนึ่ง ด้วยความไว้วางใจที่เป็นญาติสนิทสกุลเดียวกัน แต่เรื่องการดูแลจัดการล้วนเป็นฝั่งกุนซือหลักทั้งสิ้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว นับจากที่จบสิ้นศึกกัวต๋อ กาเซี่ยง สุมาอี้ ติดตามโจโฉปราบปรามกลุ่มเดนตายสกุลอ้วนต่อไป ตันกุ๋นเองก็คล้ายมีภารกิจลับ ต้องเดินทางไกลอยู่เนืองๆ การงานประจำทั้งหลายจึงตกอยู่กับซุนฮกเสียเป็นส่วนใหญ่
ตั้งแต่เริ่มต้นหนทางสู่ความยิ่งใหญ่ โจโฉเชื่อใจต่อกุยแก ซุนฮก กาเซี่ยง เหนือกว่าตันกุ๋น สุมาอี้ อยู่ขั้นหนึ่งเสมอมา ดังนั้น การที่มันมอบหมายให้ซุนฮกเป็นกุนซือหลักในการกำกับเมืองหลวง จึงเป็นการแสดงออกที่โจ่งแจ้งที่สุดแล้ว หากแต่ซุนฮกกลับปล่อยปละละเลยให้ฝ่ายอื่นเสริมสร้างบารมีขึ้นมาได้ขนาดนี้ จึงเป็นที่น่าสงสัยใจนัก หรือว่า กุนซือค้างคาวอาจจะเริ่มปันใจให้กับขุมกำลังอื่นไปแล้ว
หากแต่สายข่าวกลับมีรายงานลับเข้ามาในเรื่องนี้ ที่ทำให้โจโฉต้องเริ่มทบทวนปัญหานี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เรื่องราวอาจจะมีความซับซ้อนยิ่งกว่าที่ควรจะเป็นเสียแล้ว การที่ ซุนฮกเป็นญาติสนิทร่วมสกุลกับซุนเกี๋ยน จึงกลับมาเป็นประเด็นให้มันต้องขบคิดอีกครั้งหนึ่งแล้ว
…
ภายในห้องนอนส่วนตัว ซุนฮกกำลังจมดิ่งในความคิด ยืนมองวัตถุสิ่งหนึ่งที่คลุมปิดอยู่บนแผ่นป้ายไม้เพื่อระลึกถึงคนตาย บนแผ่นป้ายย่อมจารึกชื่อภรรยาผู้ล่วงลับ วัตถุนั้นเป็นผ้าปักสีแดงที่มีลวดลายค้างคาวสีทอง สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายก่อนตาย เหตุการณ์ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ซุนฮกไม่เคยลืมเลือนความแค้นที่โจโฉเป็นผู้ก่อเหตุเอาไว้ในครั้งนั้น
หลังจากสมรภูมิกัวต๋อจบสิ้น โจโฉจัดสรรกุนซือหลักให้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่สำคัญ กาเซี่ยง สุมาอี้ เน้นงานสงครามโดยรอบ ตันกุ๋น เน้นงานก่อสร้างและภารกิจลับ คงมีแต่ตัวมันที่ได้อยู่โยงดูแลเมืองหลวง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ชี้เป็นชี้ตายให้กับขุมกำลังแห่งนี้ แสดงถึงการยอมรับว่า ซุนฮกคือ ตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจโจโฉแล้ว
แต่นั่นก็หมายถึงโอกาสที่มันในฐานะคนของสำนักหุบเขาปีศาจที่จะยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของแผ่นดินฮั่นแทนที่พวกสกุลโจเช่นกัน ดังนั้น หากแม้นมันวางแผนเตรียมการ และลงมือในยามที่สงครามสกุลโจ-สกุลอ้วน จบสิ้นลงพอดี ย่อมจะหมายถึงการเข้ายึดอำนาจกุมแผ่นดินฮั่นในยามที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เพียงมันประสานแผนการให้พวกพ้องเครือข่ายที่เชื่อมโยงให้มาดำเนินการตามเวลาที่นัดหมาย ผู้ที่กุมอำนาจก็สมควรจะเปลี่ยนมือจากคนสกุลโจมาเป็นคนสกุลซุนโดยง่ายดาย
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ซุนฮกต้องลงมือเชื่อมกระชับความสัมพันธ์กับพวกฮกอ้วนและเหล่าเจ็ดบัณฑิต เพราะมันสืบทราบมาแล้วว่า เบื้องหลังของบุคคลสายบุ๋นกลุ่มนี้ก็คือ กษัตริย์เหี้ยนเต้ ที่ต้องการโค่นล้มทรราชย์โจโฉเช่นกัน และช่วงเวลาเดียวกัน โจโฉเองก็ล้ำเส้นหักหน้าฮ่องเต้อยู่ที่ดินแดนทางเหนือหลายครั้งหลายครา น่าจะจับเป็นประเด็นสาเหตุในการจุดชนวนแตกหักได้ไม่ยาก
ห่วงประสานลูกโซ่กำลังจะถูกกระชับเชื่อมโยงเข้ามาหากันอย่างแน่นหนา สัญญาณเริ่มต้นได้ถูกส่งออกไปแล้ว หากกับดักบ่วงใยได้ขับเคลื่อนต่อไปเช่นนี้อีกเพียงครึ่งเดือนข้างหน้า โจโฉก็จะถูกกำจัดออกจากหมากกระดานการเมืองแล้ว
เพียงแต่มันต้องเสแสร้งกระทำเรื่องราวอย่างหนึ่งที่นอกเหนือความคาดหมายผู้คน เพื่อจัดการกับกุนซือหลักข้างกายของโจโฉ เป็นกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ เป้าหมายที่มันหวั่นเกรงในสติปัญญาพลิกแพลงเป็นที่สุด
ดังนั้น ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คนทั้งหลายจึงมักเห็นซุนฮกไปเยือนโรงเตี๊ยมสราญรมย์ กินเหล้าเล่นพนันกับพวกคหบดีหรือขุนนางนายทหาร จนราวกับโดนปีศาจเข้าสิง ผิดกับภาพลักษณ์เดิมที่เคยเป็นมาในช่วงแรกเข้ากลุ่ม
พฤติกรรมเหลวแหลกเช่นนี้ ผู้อื่นอาจไม่ล่วงรู้ แต่โจโฉผู้เป็นคนคุ้นเคยกันมานานนับสิบปี ย่อมรับรู้ว่า ซุนฮกกำลังย้อนรอยกลับไปเป็นเหมือนอดีตที่เสเพลในวัยหนุ่ม คนมากระแวงอย่างโจโฉย่อมสนใจใคร่รู้ว่า อะไรกันที่ทำให้กุนซือค้างคาวทำตัวตกต่ำลงไปเช่นนี้ และถึงกับทำตัวเย็นชากับมันผู้เป็นเจ้านายที่แท้จริง
…
สงครามเย็นระหว่างโจโฉกับคนสำคัญในเมืองหลวงจึงก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในเมื่อโจโฉกลับจากสงครามภายนอกแรมปี กลับรีรอไม่ยอมเข้าพบฮ่องเต้ และไม่เรียกหาซุนฮกไปพูดคุย อ้างแต่ว่าล้มป่วยอยู่ครึ่งเดือน จึงกลายเป็นเหล่าขุนนางนายทหาร และคหบดีคนสำคัญในเมืองหลวงที่อดทนรอคอยไม่ไหว ต้องทะยอยกันไปเยี่ยมเยียนรายงานตัวต่อเจ้าพระยาปราบอุดรเป็นทิวแถว ทำให้เกิดภาพการเลือกข้างเลือกฝั่งอยู่กลายๆอยู่หลายวันติดต่อกัน
ในที่สุด คนสำคัญอย่างฮกอ้วน สมุหนายก ขงหยง พระราชครู อองลอง ขุนนางราชพิธี และซุนฮก กุนซือเจ้าปัญหา ก็พากันมาเยือนจวนที่พักของโจโฉอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยมี สือฮิว เจ้ากรมอาลักษณ์ อัญเชิญพระราชโองการของกษัตริย์เหี้ยนเต้มาประกาศให้ด้วยตนเอง
โจโฉไม่รู้ท่าที จึงได้แต่แสร้งป่วยกระเสาะกระแสะ ออกมาคุกเข่ารับพระราชโองการ ร่วมกับลูกน้องคนสนิททั้งหลายในสังกัด มิได้กลัวเกรงว่า คนสายวิชาการจะทำกระไรพวกตนเองได้ซึ่งหน้า
เนื้อความในพระราชโองการ พอสรุปได้่ว่า “โจโฉกลับจากสงครามยาวนาน สุขภาพร่างกายเริ่มอ่อนล้าทรุดโทรม ไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งหน้าที่มากมายเกินไป จึงสมควรให้ลดทอนภาระลงบ้าง ฮ่องเต้จึงสั่งการให้ริบคืนตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ และจะทรงบริหารแผ่นดินราชวงศ์ฮั่นต่อไปด้วยพระองค์เอง”
จังหวะก้าวสำคัญเช่นนี้ ย่อมทำให้โจโฉไม่อาจโต้แย้งได้ อำนาจเบ็ดเสร็จในมือได้ถูกยื้อแย่งกลับไปแล้วบางส่วน และยังไม่เชื่อเลยว่า แผนการครั้งนี้จะมีกุนซือคู่ใจยืนหยัดอยู่ในฝั่งตรงข้ามด้วย จึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจไปชั่วคราว
หากแต่ซุนฮกกลับลอบขยิบตาส่งสัญญาณให้เป็นนัย หรือว่ากุนซือค้างคาวพบเห็นเรื่องราวอันใดใหญ่โต จนกระทั่งต้องเสแสร้งเปลี่ยนท่าทีไปเช่นนี้ โจโฉครุ่นคิดขึ้นในใจ แต่ก็ทำได้เพียงดำเนินการไปตามสถานการณ์ไปพลางก่อน
สุดท้ายเมื่ออำลากันตามธรรมเนียม ซุนฮกถึงกับลอบทิ้งแผ่นกระดาษไว้ให้ เป็นคำว่า “ปีศาจ” โจโฉจิตใจมากระแวง กลับเข้าใจในทันทีว่า ซุนฮกต้องการบ่งชี้ไปถึงบุคคลใดที่มีปัญหา ยิ่งทำให้โจโฉวิตกกังวล ไม่อาจไว้ใจผู้ใด
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้คนต่างวิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ จอมทรราชย์โจโฉกลับมิได้ร้ายกาจอย่างที่คาดคิด พอมีกระแสรับสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่ประการใด ข่าวเลวร้ายนี้ จึงกลายเป็นคุณประโยชน์ต่อโจโฉ ช่วยลดทอนกระแสต่อต้านทรราชย์ที่ถูกปั้นแต่งสะสมขึ้นมายาวนานไประดับหนึ่งแล้ว
…
ย้อนกลับมาที่คำสั่งลับของสุมาเต๊กโชตัวปลอมที่มีต่อสุมาอี้ นั่นคือ การร่วมมือกับตันกุ๋น กำจัดซุนฮก เพื่อยึดกุมทิศทางความคิดของโจโฉให้ได้โดยเร็ว สุมาเต๊กโชประเมินว่า ซุนฮกน่าจะมีเบื้องหลังเชื่อมโยงกับขุมกำลังอื่น มักจะมีความคิดสวนทางกุนซือคนอื่นๆ ล่าสุด ได้ยินว่า ถึงกับสมคบกับพวกเจ็ดบัณฑิตกระทำการบางอย่างเป็นความลับอยู่ จึงสมควรที่จะรีบกำจัดเสียก่อน
และงานนี้ หากตันกุ๋นให้ความร่วมมือด้วยก็แล้วไป แต่ถ้าตันกุ๋นมีทีท่าผิดปกติไป จะได้ถือเหตุจัดการเสียด้วยในคราวเดียวกันนี้เลย ปฏิบัติการใต้ดินเพื่อกำจัดซุนฮกจึงเริ่มต้นขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว
และหลังจากที่สุมาอี้ เต่าสมถะแห่งทายาทมังกร ได้ศึกษาชีวิตประจำวันของซุนฮกที่ดูผิดปกติไปนั้น กลับได้พบเบาะแสสำคัญเข้าประการหนึ่ง เป็นเรื่องของสถานที่ประจำที่ซุนฮกมักจะไปแทบทุกวันในช่วงเวลานี้ เป็นโรงเตี๊ยมสราญรมย์
…
โรงเตี๊ยมสราญรมย์ กลางเมืองฮูโต๋ นับเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ และโด่งดังไม่แพ้โรงเตี๊ยมสุขสำราญที่เมืองลกเอี๋ยง จึงไม่แปลกที่เห็นขุนนางนายทหาร และคหบดีทั่วไปมาใช้บริการบ่อยครั้งจนชินตา แน่นอน หนึ่งในนั้นก็คือ ซุนฮก กุนซือค้างคาว ที่ปรึกษาชื่อดังของโจโฉ
วันนี้ ซุนฮกนั่งดื่มกินอยู่ตามลำพังในห้องประจำได้สักพักหนึ่ง แล้วจึงค่อยกดกลไกลับให้ผนังด้านข้างเปิดออก เพื่อเข้าสู่ห้องลับที่เชื่อมโยงไปยังห้องรับรองอื่นๆ คล้ายดั่งค้างคาวบินเข้าสู่โพรงถ้ำมืดด้วยความคุ้นเคย
ที่แท้ โรงเตี๊ยมสราญรมย์ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยพวกตระกูลซุน เพื่อเก็บเกี่ยวข่าวสารข้อมูล เช่นเดียวกันกับที่เคยทำกันในโรงเตี๊ยมสุขสำราญในอดีต โดยมีซุนฮกควบคุมอยู่เบื้องหลังเช่นเคย มันอาศัยเปลือกนอกร่ำสุราเล่นการพนัน แต่กลับปลีกตัวหลบเข้ามาพบปะบุคคลสำคัญในห้องอื่น หรือลอบเก็บเกี่ยวข้อมูลในห้องลับเป็นประจำนั่นเอง
ในห้องรับรองต่างๆ วันนี้ กลับเต็มไปด้วยขุนศึกและกุนซือคุ้นหน้าทั้งนั้น ตัวหลักของขุมกำลังกุนจิ๋วเดิมถูกเรียกตัวกลับมาเกือบทั้งหมด เพื่อพูดคุยปรึกษากับนายใหญ่ในทิศทางการเมืองที่กำลังรุ่มร้อนนั่นเอง เห็นสี่ขุนพลเทวะนั่งดื่มกินกับนางคณิกา ส่งเสียงดังอื้ออึงอยู่ในห้องแรก ขณะที่อีกสองห้องถัดไปเป็น กุนซือหลักอย่าง สุมาอี้ ตันกุ๋น และกาเซี่ยง นั่งจิบสุราถกปัญหาบ้านเมืองอยู่เบาๆ โดยมี เตียวเลี้ยว เตียวคับ คอยให้ข้อมูลเพิ่มเติมในภาคสนาม
ห้องรับรองที่คั่นกลาง เริ่มแรกนั้นยังว่างอยู่ แต่แล้ว กลับมีพ่อค้าคหบดีจากสหพันธ์การค้าหมาป่าเงินและราชทูตต่างแดนทะยอยเข้ามาชุมนุมกันหลายคน เหมือนดั่งนัดพบทางธุรกิจกับบุคคลสำคัญ และแล้ว บุคคลที่ก้าวเข้ามา กลับเป็นคนที่มันคาดไม่ถึง เป็น เจ้าพ่อการค้าแดนใต้ เกียวชวน โดยมีขุนพลอุยกาย กำเหลง องครักษ์เล่งโฉ ติดตามมาราวกับเป็นผู้คุ้มกันชั่วคราว
"เฒ่าเกียวไปกินดีเสือดีหมีมาจากที่ใด จึงหาญกล้าลอบมายังเมืองหลวงในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้” ซุนฮกขบคิดด้วยความกังวลใจ
…
ที่แท้ สภาพการเมืองที่ยังมีปัญหาแย่งชิงอำนาจกันระหว่างเจ้านครที่เหลืออยู่ ทำให้สภาวะการค้าทั่วไปลำบากฝืดเคือง ส่วนกิจการการค้าบนเส้นทางทะเลทรายใหญ่ที่เชื่อมโยงไปถึงเผ่าพันธุ์รุ่งเรืองแดนไกลโพ้น และเคยเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญใหักับแผ่นดินฮั่น ก็ลดน้อยถอยลงด้วยปัญหาโรคระบาดที่ดินแดนหลัวหม่าปลายทาง และการปล้นชิงจากกองโจรลึกลับระหว่างเดินทางข้ามทะเลทราย สหพันธ์การค้าจึงควรริเริ่มเปิดเส้นทางการค้าที่ปลอดภัยจากภัยการเมืองและปัญหาอื่นๆขึ้นอีกครั้ง
เกียวชวนต้องการมาประชุมด้วยตนเอง ร่วมกับพ่อค้าใหญ่ในเมืองหลวงและราชทูตต่างแดน เพื่อผสานผลประโยชน์ทางการค้าให้กับสองสหพันธ์การค้า อาศัยแรงเศรษฐกิจผลักดันนโยบายการค้าระหว่างประเทศ เพราะจำนวนผู้คนและตลาดค้าขายยิ่งกว้าง ย่อมเป็นประโยชน์ต่อกิจการและหน่วยงานปกครองท้องถิ่นนั้นๆ แต่ก็หวั่นเกรงต่อภยันอันตรายทางการเมืองในเมืองหลวงอยู่บ้าง
อุยกาย เสาหลักสายบู๊ เมื่อได้ทราบเรื่อง จึงเสนอตัวที่จะนำพามันมาพร้อมกับกำเหลง เล่งโฉ สองขุนพลมากฝีมือ จึงทำให้มันหาญกล้าได้เช่นนี้ โดยมันไม่รู้ตัวเลยว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อแผนการใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เกียวชวนกับจงฮิวและเหล่าพ่อค้าคหบดี รวมทั้งราชทูตต่างแดนใช้เวลาพูดคุยกันไม่นาน ก็สามารถบรรลุข้อตกลงได้เรียบร้อย สมกับเป็นผู้ชำนาญการ ทุกคนคล้ายเพียงต้องการคำยืนยันรับรองจากปากของผู้มีอำนาจเต็ม ซึ่งก็คือเจ้าสัวใหญ่เกียวชวน ผู้เป็นเจ้าของเงินตัวจริง
ขณะที่เริ่มอำลาและแยกย้ายกันกลับ พลัน โจหอง โจหยิน เดินเมาโซเซเข้ามาหลังจากกลับจากการเข้าห้องน้ำ ด้วยสำคัญผิดว่าเป็นห้องรับรองของตน แต่แล้ว กลับพบเห็นว่าเป็นขุนพล อุยกาย กำเหลง ที่เคยมาปล้นค่าย ยืนประกบเกียวชวนที่นั่งอยู่กลางโต๊ะจัดเลี้ยง สองขุนพลเอกถึงกับสร่างเมาในทันที และส่งเสียงร้องเรียกแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยนให้เข้ามาช่วย
ฝ่ายอุยกาย กำเหลง เล่งโฉ เห็นเหตุการณ์ จึงรีบเข้าปะทะกับสี่เทวะในทันที จนผู้คนในห้องรับรองแตกกระเจิงกันไป การต่อสู้เพียงสามต่อสี่ยังพอทำเนา หากแต่ เตียวเลี้ยว เตียวคับในห้องด้านข้างยังเข้ามาช่วยอีกแรง ทำให้พวกกังตั๋งตกเป็นรอง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลตื้นลึกแล้ว
ทันใดนั้น กองไฟขนาดใหญ่ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมาจากห้องด้านข้าง และลามเลียเข้ามา จนควันไฟหนาทึบลอยคละคลุ้งไปทั่ว เหตุการณ์ต่อยตีจึงยิ่งชุลมุนวุ่นวายขึ้นไปกว่าเดิม กลุ่มคนทั้งหลายที่เดิมยืนห่างๆรอดูการต่อสู้ กลับรีบเผ่นหนีด้วยความกลัวตาย
ซุนฮก ผู้ยอมเสี่ยงจุดไฟเผาร้านด้วยตนเอง จึงเปิดกลไกนำเกียวชวน กำเหลง หลบหนีออกไปทางลับได้ แต่ภายใต้ความชุลมุนวุ่นวาย เล่งโฉพลาดท่า ถูกสังหารในที่นั้น ส่วนอุยกายกลับหายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ได้ ฝ่ายโจโฉทั้งหลาย จึงรีบหนีออกจากโรงเตี๊ยมสราญรมย์ที่ถูกเพลิงร้ายเผาผลาญลุกลามไปทั่วบริเวณ
...
ซุนฮกนำเกียวชวนและกำเหลงหนีไปทางลับลัดเลาะจนออกมาสู่นอกเมืองได้สำเร็จ จึงรีบบอกให้ทั้งสองมุ่งหน้ากลับกังตั๋งโดยเร็ว ก่อนที่จะมีมาตรการตรวจค้น แต่เพียงทั้งสองไปพ้นสายตา สุมาอี้ ตันกุ๋น กาเซี่ยง เตียวเลี้ยว และเตียวคับ ก็มาถึงตัวกุนซือค้างคาวเสียแล้ว
“ท่านซุนฮก ยินยอมให้จับแต่โดยดี พวกเราเห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้นแล้ว” ตันกุ๋นกล่าว พลางส่งสัญญาณให้เตียวเลี้ยว เตียวคับลงมือจับกุมกุนซืออันดับหนึ่งเอาไว้
“หวังว่าทางท่านโจโฉกับขุนพลจตุรเทพสามารถจัดการด้านนั้นได้สำเร็จ” คำกล่าวของสุมาอี้ที่มีต่อตันกุ๋น กาเซี่ยง ยิ่งทำให้จิตใจของซุนฮกตกวูบ ฤาทั้งหมดเป็นกับดักที่ถูกวางไว้จัดการพวกตนเสียแล้ว
...
โจโฉ โจผี เคาทู ซิหลง กับสี่เทวะที่ตามมาสมทบ และกองทหารห้าร้อยคน ซุ่มรออยู่ ชายป่านอกเมืองตามแผนการจับปลาใหญ่ เมื่อเกียวชวน และกำเหลงผ่านมาถึง จึงออกมาล้อมทั้งสองเอาไว้ กำเหลง ขุนพลโจรสลัด พยายามต่อสู้อย่างห้าวหาญ แต่ยากจะต้านทานค่ายกลสี่เทวะที่กลุ้มรุมกันเข้ามาจนบาดเจ็บไม่น้อย
แต่แล้ว อุยกายกลับปรากฏตัว ตรงเข้ามาช่วยเกียวชวน และกำเหลงที่อยู่ในวงล้อม ทำให้โจโฉนึกเอะใจในท่าทีนั้น เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า อุยกายเป็นสายลับในฝ่ายของเขา หากไม่มีเหตุผลสำคัญ คงไม่ปรากฎกายมาขัดขวางแผนการเช่นนี้
ทันใดนั้น เสียงเป่าเขาสัตว์ดังก้องกังวาน กองทัพทหารเดินเท้าราวสองพันคนที่นำโดยจิวยี่ โลซก กับ ไทสูจู้ จิวท่าย ก็ปรากฏขึ้น และเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ในรูปแบบที่ไม่แตกต่างไปจากกองทัพเกลียวคลื่นของมันเอง แสดงว่ากองทหารพิเศษพวกนี้ได้รับการฝึกฝนยุทธวิธีสำคัญนี้มาอย่างเชี่ยวชาญแล้ว
โจโฉเห็นว่าจำนวนคนมีน้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม จึงรีบสั่งการให้หนีกลับเข้าเมืองโดยเร็ว พร้อมทั้งสะกดความคิดถึงนางเกี้ยวทั้งสอง บุตรสาวของเฒ่าเกียวเอาไว้ในใจ ลอบเสียดายที่จับตัวเฒ่าเกียวไม่ได้ ไม่เช่นนั้น นางไต้เกี้ยวเสียวเกี้ยวคงต้องรีบหาทาง มาขอพบกับมันแน่นอน
...
ขณะที่เดินทางกลับบนเรือโดยสารใหญ่ จิวยี่ เกียวชวนสองฝ่ายได้พูดคุยกัน จึงสรุปได้ว่า ซุนกวนเผอิญไปเยือนเกียวชวนในที่พัก พอทราบว่าเกิดความเคลื่อนไหวเช่นนี้ขึ้น จึงรีบปรึกษากับจิวยี่ โลซก เพื่อให้นำกำลังทหารติดตามมารอช่วยเหลืออยู่ภายนอกด้วยเส้นทางลับที่เคยตระเตรียมไว้ แต่ก็ไม่กล้าถึงกับตามเข้าไปในเมืองหลวงของฝ่ายโจโฉให้เกิดเป็นศึกยืดเยื้อกับกองทัพประจำเมือง
ทางลับที่ว่าก็คือเส้นทางเดินเรือตามแม่น้ำฮวงโหที่ไหลผ่านเมืองหลวงฮูโต๋นั่นเอง พวกกังตั๋งอาศัยเรือเร็วลอบแล่นอ้อมทะเลเข้ามาทางปากแม่น้ำใหญ่ ถึงกับมาทันเหตุการณ์กับพวกเกียวชวนที่ล่วงหน้ามาก่อนหลายวัน
ดังนั้น ความสูญเสียจึงมีเพียงข้อตกลงทางการค้า และโรงเตี๊ยมสราญรมย์ รังสืบข้อมูลกลางเมืองหลวงที่ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน พร้อมทั้งขุนพลองครักษ์เล่งโฉเท่านั้น ซึ่งที่จริงก็หนักหนาสาหัสมากแล้ว อีกทั้ง รูปแบบการเดินทัพแบบเกลียวคลื่นที่อุตส่าห์ลอบเรียนรู้มาจากฝ่ายโจโฉ และเส้นทางลับทางน้ำในการรุกเข้าตีเมืองหลวงในครั้งนี้ ก็ไม่อาจปิดบังเป็นความได้เปรียบทางการศึกได้อีกต่อไปแล้ว
ที่จริง สิ่งที่ฝ่ายซุนกวนสูญเสียมากยิ่งกว่า แต่ยังไม่รับรู้ในทันที ก็คือ การสูญเสียซุนฮก ห่วงประสานที่เป็นผู้ร่างแผนไต่บันไดเมฆ และกำลังเตรียมการณ์ครั้งใหญ่ เพื่อการรุกฆาตใส่คู่แค้นโจโฉ ต้นเหตุผู้ที่ทำให้เมียและลูกตายเมื่อหลายปีก่อน
ภายหลัง จิวยี่ โลซกถึงกับประเมินว่า ความสูญเสียครั้งนี้ ทำให้ตระกูลซุนลดความได้เปรียบที่เคยมีเหนือกว่าฝ่ายอื่นๆ จากฝ่ายรุกกลายเป็นฝ่ายรับไปในทันที เพราะเมื่อเสียซุนฮกไป ฝ่ายตระกูลม้าของม้าเฉียวก็ไม่สามารถติดต่อเชื่อมโยงมาได้อีกเหมือนแต่เดิม เพราะห่วงประสานสำคัญอย่างซุนฮกที่ขาดหายไปนี่เอง
ส่วนอุยกายก็โล่งอก เพราะมันได้รับคำสั่งจากสุมาอี้ให้ดำเนินแผนล่อเกียวชวนมา เมืองหลวงเอง พอดีที่เกียวชวนเล่าความให้ฟัง จึงสวมรอยรับอาสา และมันก็คือผู้ที่ลอบแทงเล่งโฉจากด้านหลังในขณะที่ชุลมุนด้วยควันไฟ จนทำให้เล่งโฉพลาดท่า ถูกสี่เทวะรุมสังหาร และตนเองก็รีบหลบหนีออกมาก่อนตามที่นัดหมายไว้ เพื่อเสแสร้งปั้นเรื่องให้กลับไปกังตั๋ง อีกครั้ง
หากแต่บังเอิญมาพบกันกองกำลังกังตั๋งที่แฝงตัวรอช่วยเหลือแก้ไขอยู่ มันจึงรอดูท่าที และสร้างภาพด้วยการเข้าไปช่วยเหลือกำเหลงไว้ทันเวลา สถานะสายสืบของมันจึงยังปลอดภัย แม้อาจจะโดนตำหนิในเรื่องการเป็นต้นคิดให้เกียวชวนมาร่วมประชุมที่นี่บ้างก็ตาม
จากความสูญเสียในครั้งนี้ ทำให้ซุนกวนแต่งตั้งหนุ่มน้อยเล่งทอง ลูกชายวัยสิบหกปีของเล่งโฉ ขึ้นมาสืบตำแหน่งสายองครักษ์แทนบิดา โดยมอบหมายให้อยู่ศึกษางานเพิ่มเติมกับขุนพลใหญ่จิวยี่โดยตรง
หากแต่เล่งทองหนุ่มน้อยยังคงมีความแค้นเคืองใจต่อเจ้าสัวเกียวชวน ขุนพลอุยกาย และขุนพลกำเหลง ที่พาให้บิดาไปตายเปล่านอกสนามรบ เพื่อสนธิสัญญาทางการค้า เพียงแต่อดกลั้นไว้ในใจ ไม่อาจทำอะไรได้ในเพลานี้
...
โจโฉกลับมาพักผ่อนที่จวนที่พักด้วยความรู้สึกสับสนใจระหว่างความยินดีกับความเสียดาย ยินดีที่แผนการที่ซุนฮกหวังจะโค่นล้มตนเองถูกทำลายไปได้สำเร็จ แต่เสียดายที่ต้องสูญเสียกุนซือหลักที่เคยไว้วางใจที่สุดไปอีกคนหนึ่ง
มันนั่งเงียบซึมเซาอยู่ตามลำพังในห้องหนังสือจนถึงมืดค่ำไม่ทันรู้ตัว จนกระทั่งพ่อบ้านใหญ่ต้องนำน้ำชามาให้ดื่มกิน
“ขอบใจมากนะเทียลิด ครั้งนี้ เจ้าทำได้ดีแล้ว” โจโฉเอ่ยคำด้วยท่าทีที่ไม่คุ้นเคยนักต่อพ่อบ้านเทียลิดที่กำลังค้อมกายลงอย่างนอบน้อมตามปกติ
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย