7 มี.ค. 2021 เวลา 18:26 • ปรัชญา
เครียดโว้ยเครียด เครียดจัง เครียดๆๆๆ หากพูดถึงคำนี้ เป็นคำที่ไม่พึงไม่ประสงค์ของใครหลายๆคนแน่ๆ ไม่อยากมี ไม่อยากประสบ ไม่อยากพบเจอ แต่บางอย่างยิ่งหนียิ่งเจอ เกลียดอะไรย่อมได้อย่างนั้นจริงๆครับ งั้น เรามาเปลี่ยนจากการหลีกเลี่ยงหรือการจมปลัก มาเป็น การรู้เท่าทันกันดีกว่าครับ
1
ความเครียดเป็นภาวะคุกคามของร่ายกาย เกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตัวเอง เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยและดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น การหายใจที่เร็วขึ้น ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ร่างกายตอบสนองเพื่อให้พร้อมเผชิญหน้ากับภัยอันตรายต่างๆที่จะเข้ามา ซึ่งที่กล่าวมานั้น หมายถึงในอดีตที่มนุษย์จะต้องเผชิญกับอันตรายทั้งสัตว์ โจร หรือ ภัยอันตรายอื่นๆ
ปัจจุบัน ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด ต่างจากในอดีตเล็กน้อย เพราะความเครียดนั้น เกิดจากความกลัว ซึ่งมีหลักการคล้ายๆกันกับกลไกของร่างกายที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองปลอดภัยและดำรงชีพอยู่ได้ นั่นคือ สร้างความกลัวให้กับตนเอง เพื่อไม่ให้เผชิญกับอันตราย เพื่อให้ดำเนินชีวิตแบบปกติราบรื่น แต่บางครั้ง ความกลัวนั้น ใช้ไม่ได้กับทุกสถานการณ์ ความกลัวทำให้เราไม่กล้าออกมาจาก comfort zone ของตนเอง ไม่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความผิดหวัง หรือกลัวที่จะผิดพลาด ซึ่งแทนที่จะรู้สึกดีที่ตนเองปลอดภัย กลับเกิดความรู้สึกเครียดจากการรู้สึกไม่เห็นคุณค่าของตนเอง หรือคุณค่าของการมีชีวิตแทน รู้สึกเสียใจหรือผิดหวังมากเกินไป หรือรับไม่ได้จากความผิดหวังเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีภูมิคุ้มกัน
หรือกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดหรือคิดไปเองว่าอาจจะเกิด เช่น กลัวว่าผลการสอบจะออกมาไม่ดี กลัวว่าเพื่อนจะไม่ชอบในการทีเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป กลัวคนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนงี่เง่า เป็นต้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ การย้ำคิดถึงสิ่งที่ทำผิดพลาด สิ่งที่เป็นลบกับอารมณ์และจิตใจของตนเอง คนส่วนใหญ่จะคิดถึงแต่ความผิดพลาดซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ และมักจะมีคำพูดที่ใช้พูดกับตัวเองอยู่เสมอ ว่า ถ้าวันนั้นเรา....... ถ้าตอนนั้นเรา ...... ถ้าย้อนเวลากลับไป ......... จะเห็นได้มีคำว่า ถ้า และการย้อนอดีต ในการแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น ซึ่งอาจจะทำได้ครับ หากมีไทม์แมชชีนนะครับ ฮ่าๆๆ แต่ไม่ใช่ในปัจจุบันนี้ครับ หรือการคิดลบกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เช่น เราเป็นคนที่ไม่เอาไหน เราเป็นคนที่มีแต่ความผิดพลาด เรามันไม่ดี การย้ำคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดและสิ่งที่เป็นลบกับตนเอง จะทำให้เราไม่เห็นคุณค่าตนเอง นำไปสู่ความเครียด
แล้วเราจะรู้ทันความเครียดได้อย่างไร
เริ่มจากการรับรู้ถึงความคิดก่อนครับ
ตระหนักให้ได้ว่าตอนนี้สมองของเรากำลังย้ำคิดเรื่องอะไรอยู่ หรือสมองของเรากำลังกลัวอะไรอยู่ หรือสมองของเรากำลังเครียดอยู่กับเรื่องอะไร ลองใช้สมาธิอยู่กับตนเอง พิจารณาความคิดตัวเอง ตระหนักให้เห็นความเครียดนั้น เราต้องเห็นความเครียดนั้นไม่ใช่จมอยูกับความเครียดนั้นครับ เครียดให้รู้ว่าเครียด ไม่ใช่เครียดแล้วก็เครียดต่อ แล้วก็คิดวนไปถึงอดีตที่ผ่านมาครับ
ต่อมาเมื่อรู้ว่าเรากำลังครุ่นคิด ครุ่นเครียดกับอะไรแล้ว เริ่มปล่อยวางเรื่องนั้นลงครับ ไม่ต้องไปคิดถึงมัน ตัดมันทิ้งซะ วางมันลงแล้วตัวเราจะเบาลง ปล่อยวาง อดีตเราไม่สามารถแก้ไขมันได้ แต่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ซึ่งจะส่งผลไปถึงอนาคต หรือใช้คำว่า ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ครับ ช่างมันซะ ช่างมันไปบ้าง ไม่ต้องเก็บเอามาคิดให้มันหนักตัว สิ่งที่เราควรคิดและควรให้ความสำคัญที่สุดคือ ตัวเองครับ save ตัวเองให้ได้มากที่สุด จะทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เห็นถึงความสำคัญของการใช้ชีวิต ทำให้ความเครียดนั้นลดลงหายไปเอง เราเองก็จะมีความสุขมากขึ้นด้วยครับ
5
ทำผิดก็ทำใหม่ได้ครับ ไม่เป็นไร เอาใหม่ ให้กำลังใจตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ไม่มีใครไม่เคยเครียด หรืออาจจะมีบ้าง คือคนที่ไม่ลองลงมือทำอะไรเลย อยู่กับตนเองใน comfort zone แต่หากเราไม่ใช่คนประเภทนั้น ผมอยากให้ภูมิใจและให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอนะครับ
1
เพียงแค่รู้ทันและปล่อยวาง จากคำที่ดูเหมือนใหญ่และหนักสำหรับทุกคน ก็เล็กและเบาลงได้ครับ
ขอบคุณทุกๆคนที่มาเยี่ยมชมกันนะครับ
โฆษณา