12 มี.ค. 2021 เวลา 02:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Classic : คนแรกของของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
'ยามใด ตะวันสาดแสงส่องผืนทะเล ยามนั้น…ผมคิดถึงคุณ'
'ยามใด จันทรายอแสงผ่านวสันตฤดู ยามนั้น…ผมคิดถึงคุณ'
"นอกจากรักคุณแล้ว ผมไม่เก่งอะไรเลย"
2
ใช่ค่ะประโยคนี้มาจากภาพยนต์เรื่องนี้ค่ะ
ประโยคคลาสสิคที่พระเอกบอกรักนางเอก ออกจะเลี่ยนๆ แต่ก็คลาสสิคสมชื่อภาพยนต์ ว่ามั้ยคะ
1
ถือได้ว่าหนังรักเกาหลีเรื่องนี้เป็นหนังคลาสสิคอีกเรื่องของเกาหลีที่คลาสสิคสมกับชื่อเรื่องเลยค่ะ
เป็นหนึ่งในหนังรักที่อยู่ในดวงใจ ดูกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ
มีทั้งความน่ารัก เศร้า ผิดหวัง สมหวัง สมกับนิยามของเกาหลีเค้า
มาดูกันดีกว่าว่าเรื่องราวที่ว่าคลาสสิคนั้นจะเป็นยังไง
The Classic คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
The Classic : คนแรกของหัวใจคนสุดท้ายของชีวิต ถือเป็นตำนานหนังรักขึ้นหิ้งแนวโรมานซ์ดรามา
ผลงานของควักแจยอง นักเขียน/ผู้กำกับซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงมาจากเรื่อง My Sassy Girl ปี 2001 (ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม)
หนังเล่าถึงรักแรกพบที่อยู่ในหัวใจของชายหญิงคู่หนึ่งไปตลอดชีวิต  แม้ว่าจะไม่สามารถครองคู่กันได้ แต่ความรักนั้นก็กลายเป็นความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดผ่านไปสู่รุ่นลูก ที่บังเอิญได้พบกับความรักที่มีเรื่องราวคล้ายกับรุ่นพ่อแม่ หนังจะเล่าชีวิตรักของทั้ง 2 รุ่น สลับกันไปมาตลอดเรื่อง
จีฮเย (รับบทโดย ซนเยจิน) และเพื่อนสาว ซูคยอง เป็นนักศึกษาในชมรมละครเวทีของมหาวิทยาลัย  ต่างก็หลงรักหนุ่มในชมรมที่ทั้งเก่ง ทั้งหล่อแถมมีสเน่ห์สุดๆ คือ  ซังมิน (รับบทโดย โจอินซอง) 
จีฮเยนั้นได้แต่แอบชอบอยู่ในใจไม่กล้าแสดงออก แต่ซูคยองนั้นแสดงออกชัดเจนและเดินหน้าจีบหนุ่มที่ตนเองหลงไหลแบบออกนอกหน้าเลยก็ว่าได้  แถมยังมักไหว้วานจีฮเยเขียนอีเมล์รักให้แทนด้วย  เพราะไม่รู้ว่าจีฮเยก็แอบชอบซังมินเช่นกัน  จีฮเยจึงได้แต่คอยหลบหน้า และหลีกทางให้เพื่อนได้สมหวัง
รุ่นลูก: จีฮเย (รับบทโดย ซนเยจิน) ซังมิน (รับบทโดย โจอินซอง)
วันหนึ่งขณะที่จีฮเยกำลังเก็บจัดหนังสือเก่าๆในบ้านให้เข้าที่เข้าทางนั้น ทำให้เธอได้พบกล่องไม้เก่าเก็บจดหมายรักของพ่อที่เขียนถึงแม่ แว๊บแรกก็ชวนอมยิ้มเอ็นดูกับสำนวนหวานเลี่ยนๆตามยุคของพ่อ  และสะดุดตาที่ในนั้นมีจดหมายส่งจากใครที่เธอไม่รู้จักชื่อ จุนโฮ ปะปนอยู่ด้วย  แต่จากไดอารี่ของแม่ที่เก็บอยู่ด้วยกัน ทำให้เธอได้รับรู้เรื่องราวชีวิตรักของแม่ที่มีทั้งความหวานซาบซึ้งและการเผชิญหน้ากับอุปสรรคของความรักอย่างอดทนแม้จะเจ็บปวด
จดหมายรัก
เรื่องราวในปี 1968  จึงถูกเล่าขึ้น
ณ ชนบทแห่งหนึ่ง แม่ของจีฮเยคือ  จูฮี (รับบทโดย ซนเยจิน)  (เพราะเธอเล่น 2 บท ให้สังเกตเบื้องต้นว่าในช่วงแรกๆ ถ้าเยจินถักเปียจะเป็นจูฮีค่ะ) เด็กสาวจากเมืองซูวอน (ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ในยุคนั้นตั้งอยู่ใกล้ๆกรุงโซล อยู่ในเขตจังหวัดคยองกี) เธอเป็นลูกสาวของ สส. เธอเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมปู่ ระหว่างทางได้เจอกับกลุ่มเด็กหนุ่มกำลังเล่นสนุกอยู่ริมลำธารข้างทาง เด็กกลุ่มนี้ได้ส่งเสียงโบกมือทักทายเธอ และหนึ่งในนั้น คือ จุนโฮ (รับบทโดย โจซึงอู) ความอยากรู้อยากเห็นของสาวเมืองต่อชีวิตชนบท จึงชักชวนขอเจ้าถิ่นสักคนที่พายเรือเป็น พาเธอเที่ยวชมอีกฟากของแม่น้ำ จุนโฮจึงสมอ้างว่าพายเรือเป็น (ทั้งๆที่ตนเองพายเรือไม่คล่องเลย) และพร้อมเป็นไกด์พาเที่ยวเอง เรื่องก็เลยกลายเป็นทริปพายเรือวนในแม่น้ำ แต่ก็ถึงที่หมายได้ในที่สุด ได้เที่ยวเล่นบ้านร้างลึกลับของอีกฟากแม่น้ำอย่างสนุกสนาน
รุ่นพ่อแม่: จูฮี (รับบทโดย ซนเยจิน) จุนโฮ (รับบทโดย โจซึงอู)
วันนั้น ฝนตกหนักทำให้เรือที่พายมาลอยออกไปกลางแม่น้ำ ทำให้ทั้งสองคนกลับบ้านไม่ได้  จึงต้องค้างคืนติดฝนที่เพิงทุ่งเดียวดายกลางทุ่งนา
กระท่อมปลายนา
เช้ารุ่งขึ้นเมื่อฝนหยุดตก ปู่และบ่าวไพร่ ได้ออกตามหาหลานสาวและรีบพาตัวกลับบ้าน แม้ว่าจุนโฮจะมาจากเมืองซูวอนเช่นกัน แต่ก็เป็นแค่เด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดาที่เทียบชั้นไม่ได้เลยกับครอบครัวจูฮีที่เป็นถึงครอบครัว สส. จึงถูกรังเกียจและกีดกัน ก่อนจากกัน จูฮีได้แอบมอบสร้อยคอไว้ให้จุนโฮเป็นที่ระลึกถึงกัน
เพื่อนรักของจุนโฮ คือ แทซู (รับบทโดย อีกีอู) เป็นลูกชายของพ่อค้าใหญ่ของเมือง แทซูเป็นเด็กซื่อๆ
เกรียนๆ ที่มักไหว้วานจุนโฮเขียนจดหมายรักสวยหรูให้คู่หมั้นของเขาที่พ่อได้เตรียมการไว้ให้ ซึ่งสาวคู่หมั้นนั้นก็คือ จีฮู นั่นเอง! โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนรักตนนั้นแอบชอบอยู่กับคู่หมั้นของตน
ความรักแอบซ่อนปิดบังของจีฮูกับจุนฮาก็ยังดำเนินต่อไป ยามกายต้องห่าง ใจก็ยังเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายรัก เมื่อแทซูได้รับรู้ความจริงและยินดีจะเป็นคนถอยให้เพื่อนรัก  แต่พ่อของแทซูรู้เรื่องเข้า จึงโกรธจนทำโทษเฆี่ยนตีแทซูด้วยเข็มขัด ทำให้แทซูที่น่าสงสารคิดฆ่าตัวตาย จุนโฮจึงตัดสินใจยุติเรื่องราวความรักวุ่นวายครั้งนี้เพื่อแทซู เขาคืนสร้อยคอให้จีฮู  และหนีไปเป็นทหารเข้ารบในสงคราม แทซูและจีฮูได้ตามไปทันส่งจุนโฮ และจีฮูก็ยังมอบสร้อยคอเส้นเดิมไว้กับจุนโฮเพื่อหวังให้เขามีชีวิตรอดกลับมา
แม้ว่าในที่สุดจุนโฮได้กลับมาจริง แต่ก็เป็นการกลับมาพร้อมกับสิ่งที่ยังความเจ็บปวดมากมายให้หัวใจของจีฮูจนยากจะแก้ไขใดกลับคืนได้
ฉากพระเอกตาบอดเพราะโดนระเบิดในสงคราม
เรื่องราวความเสียสละของชายคนรักของแม่  ทางเลือกของเขาที่ทำให้ชีวิตแม่จำต้องเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางหัวใจรักที่ปรารถนา  จึงเป็นบทเรียนมีค่าที่ทำให้จีฮเยฉุกคิดและตัดสินใจเรื่องความรักของเธอด้วยมุมมองใหม่  ทันทีที่เธอพบว่า ซังมิน มีใจให้เธอ มิใช่ซูคยอง เธอจึงพาตัวเองออกจากการเป็นคนรักเงา ความรักที่เธอจะต้องรีบคว้ามันไว้มิให้หลุดมือ
และยังมีเบื้องหลังชีวิตปลายทางของ จีฮู จุนโฮ แทซู ที่ผูกเชื่อมโยงมาสู่ จีฮเยกับซังมิน ประหนึ่งเป็นชะตาฟ้ากำหนด ในเมื่อรุ่นพ่อแม่ไม่สมหวังในความรัก ฟ้าเลยกำหนดให้รุ่นลูกได้กลับมาเจอและรักกันอีกครั้ง และสิ่งที่ร้อยเรียงความรักและเรื่องราวของรุ่นพ่อแม่และลูกให้มาบรรจบกันนั้นอาจเป็นสร้อยคอสื่อรักจากรุ่นพ่อแม่ที่ตกทอดมาถึงรุ่นลูกก็เป็นได้
สร้อยแทนใจ
ยกตัวอย่างฉากที่ประทับในเรื่องซึ่งมีหลายฉากมากๆ
จุนโฮใช้สัญญาณกระพริบหลอดไฟที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านจูฮี มันพ้องกับสื่อรักของเขาทั้งคู่ที่เป็นหิ่งห้อยเรืองแสง
ฉากจีฮเยกับซังมินวิ่งฝ่าสายฝนใต้เสื้อคลุมตัวเดียวร่วมกัน
วิ่งฝ่าฝน
ฉากที่จีฮเยเดินเข้า Exhibition hall หน้าโรงละคร จังหวะที่เดินไป ขนานกันไปกับคนแบกงานโครงสร้างเดินสวนคั่นกลางกับ การเดินคู่ของซังมินและซูคยองที่อยู่อีกด้าน
กิมมิคเรื่องร่มของซังมินและการย้อนกลับมาเฉลยเรื่องราว ก็ดูน่ารัก ผูกร้อยเรื่องราวได้น่าสนใจ และแปลกใหม่มากในยุคของหนังเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ฉากเฉลยเรื่องร่ม
เพลงประกอบภาพยนต์ยังมีความคลาสสิคสมชื่อค่ะ
ภาพยนต์เรื่องนี้นักแสเงถ่ายทอดเรื่องราวไว้ดีมาก แม้ว่าผ่านมานานกว่า 10 แต่ก็ยังอยากกลับไปดูอีกครั้ง
ใครสนใจลองหาดูมากันได้นะคะ รับรองว่าจะประทับใจและยิ้มไปกับเรื่องราวความรักของพวกเขาอย่างแน่นอน
"ฝากกดไลค์ กดแชร์ และฝากติดตามเพจแม่หมอขอเล่าด้วยนะคะ"
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
โฆษณา