12 มี.ค. 2021 เวลา 03:42 • อาหาร
ตอนที่ 10 : วัยเด็กของแม่‬
ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในครัวกับแม่
แม่มีเพียงตำราอาหารเก่า ๆ ปกแข็งเพียงเล่มเดียวที่เก่า เลอะเหนียววางไว้ตรงที่วางแก้วน้ำ
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ทุกครั้งที่แม่ทำอาหารให้เรากิน แม่ไม่เคยเปิดหนังสือเล่มนั้น
แม่จะเปิดมันอ่านเฉพาะตอนที่ว่างจากการทำอาหารให้คนทั้งบ้าน
ยืนอ่านมันในครัว ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่
พลางชี้ไปที่รูปอาหารสวย ๆ ด้านในแล้วเอ่ยว่า “แม่อยากทำอันนี้”
แล้วเมื่อเวลาบรรจบเหมะกับวัตถุดิบที่หาซื้อมาได้ แม่จะลงมือทำอาหารที่แม่ไม่เคยทำ
ถึงแม้มันจะสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างแต่แม่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ
เด็กน้อยแปลกใจเสมอ ว่าแม่รู้ได้อย่างไร ว่าใส่เครื่องปรุงแค่ไหน วัตถุดิบอะไร อันนั้นเข้ากับอันนี้ ถ้าใส่นี่ต้องใส่นั่น ทำไมมันดูอร่อยและง่ายไปเสียทุกอย่างเมื่อผ่านมือแม่
สงสัยมันจะถ่ายทอดกันทางสายเลือด …
ทุกครั้งเวลาที่ไปบ้านแม่ที่อ่างทอง บ้านที่สร้างจากไม้ยกใต้ถุนสูงโปร่ง อยู่ลึกเข้าไปจากถนนโดยมีบ่อเก็บน้ำ และต้นมะม่วงใหญ่เรียงทิวแถวไปตลอดขอบบ่อ ไหปลาร้าของแม่ใหญ่วางกระจุกตัวกันตรงเนินดินก่อนเข้าบ้าน ส่งกลิ่นทักทายทุกครั้งที่เดินผ่าน เด็กน้อยจำได้เท่านี้ และประมาณการเอาว่าต้นมะม่วงเหล่านั้นน่าจะอยู่มาก่อนเขาเกิดเสียด้วยซ้ำ เปลญวนผืนเก่าถูกแขวนไว้ใต้ต้นมะม่วง ปลิวละล้อกับลมเย็น ๆ ที่พัดเอื่อยทั้งวัน รอให้เจ้านายน้อยชาวกรุงของมัน กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง
เด็กน้อยลิงโลดและร่าเริงมากเมื่อได้ไปบ้านนอก บ้านเราเรียกบ้านอ่างทองของแม่ที่ยายหรือแม่ใหญ่พักอาศัยอยู่เป็นประจำว่าบ้านนอกด้วยความชินปาก น้า ๆ ป้า ๆ อา ๆ หลายคนมาอยู่กรุงเทพ แต่ก็จะหาเวลาแวะเวียนไปที่บ้านนอกบ่อยครั้ง เพื่อไปเยี่ยมแม่ใหญ่ของเรานั่นเอง และเกือบทุกครั้งที่เด็กน้อยจะวิ่งเข้าออกสวนมะม่วง เข้าบ้านน้าคนนั้น ไปทะลุบ้านลุงคนนี้ ขึ้นไปดูทีวีบ้านป้าคนนั้น ขอข้าวทานบ้านอาคนนี้ บ้านญาติกันปลูกอยู่ต่อ ๆ กันไปโดยไม่มีรั้วกั้น เหมือนเรามีหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
แอลกอฮอลล์ทำหน้าที่ทูตไมตรีเชื่อมสัมพันธ์ฉันท์มิตรได้อย่างเยี่ยมยอด ไม่ว่าจะก๊กไหน ๆ ทั้งจีน ไทย ลาว พอแสงอาทิตย์เบาลงจากการแผดเผายามเที่ยง วงเหล้าก็ตั้งขึ้นโดยปริยาย เริ่มจากคนไม่กี่คน จากวงเล็กเริ่มขยายใหญ่ขึ้น คนมากขึ้น เหล้ามากขึ้น และกับแกล้มก็มากขึ้น
บรรดาสาวใหญ่ สาวน้อย รวมทั้งแม่เองต่างเข้าประจำที่กันในครัวบ้านใครซักหลัง เพื่อเป็นครัวกลางส่งกับแกล้มไปหล่อเลี้ยงบรรดาขี้เมา เสียงเจี๊ยวจ๊าวในครัวไม่เบาไปจากวงเหล้าแม้แต่น้อย ต่างกันเพียงเสียงในครัวนั้นฟังดูไม่ป้อแป้เท่านั้น สาว ๆ ทุกคนทำอาหารเก่งเรียกว่าฉกาจฉกรรจ์ และหาตัวจับยาก แต่ละคนมีเมนูถนัดถนี่ ที่เมื่อเอ่ยชื่อเมนู ก็ต้องนึกถึงแม่ครัวนั้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เสมือนตำรับอาหารที่มีชีวิต ถ่ายทอดสู่กันโดยรุ่นสู่รุ่น ไร้จารึกอักษร แต่สูตรอาหารเหล่านั้นกลับฝังแน่นในใจไม่ลืมเลือน
แกงเผ็ด ลาบพล่า ยำต้มสารพัดถูกส่งจากครัวไปไม่ขาดสาย บรรดาขี้เหล้าต่างแยกย้ายกันไปยิงนก ตกปลามาตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ แล้ว ได้ปลามาบ้าง กบ งูเห่า หนูนาสารพัด สมุนไพรหอม ๆ ก็ขึ้นรกชัฏอยู่รอบบ้าน กะทะใบบัวถูกยกตั้งไฟราวกับกำลังมีงานบุญ วงศาคณาญาติมากหน้าหลายตาจนจำชื่อกันไม่หวาดไหว ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมานั่งทั้งในวงเหล้าและวงทำกับข้าว เด็กน้อยเห็นแล้วสู้เสียงไม่ไหว จึงปลีกหนีจะไปปีนต้นมะม่วงเล่นเสียให้ชื่นใจดีกว่า
“อย่าเพิ่งกินข้าวนะ เดี๋ยวแม่พาไปกินของอร่อย”
แม่เอ่ยสั้น ๆ หลังจากเห็นเด็กน้อยลงจากบันได เตรียมพุ่งทะยานเข้าสวนมะม่วงของแม่ใหญ่
“อ้าว จะไปเล่นไหนล่ะไอ้หนู” ป้านิดสาวใหญ่ประจำครัว พี่สาวแท้ ๆ ของแม่ร้องถาม
“ไปเล่นที่ต้นมะม่วงจ้ะ เดี๋ยวหนูมา ไปแป๊บเดียว”
“มา ๆ มาเอานี่ไปด้วย เอาไปจิ้มมะม่วงกิน อร่อยนะ เชื่อป้า” ป้านิดรั้งมือเด็กน้อยไว้ เด็กน้อยหลงเชื่อแทบในทันใดด้วยของอร่อย ป้านิดหันไปคว้าเครื่องปรุงสองสามอย่างแล้วลากเด็กน้อยมานั่งบนตัก เพื่อให้ดูการทำเครื่องจิ้มของป้าอย่างใกล้ชิด
“เดี๋ยวป้านิดทำน้ำจิ้มมะม่วงให้ แม่เอ็งน่ะ กินแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แม่ลูกนี่เหมือนกันเปี๊ยบเลย”
กะปิ น้ำตาลปึก และพริกป่น ถูกนำมาบี้ผสมเข้ากันในชามใบน้อย เด็กน้อยเบ้หน้าไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะอร่อยสมคำป้าที่คุยเป็นหนักหนา
“เอ้า เสร็จแล้ว ไปได้ ๆ จะปีนเป็นลิงเป็นค่าง ก็ระวัง ๆ นะไอ้หนู”
เด็กน้อยคว้าชามกะปิของป้า มุ่งหน้าสู่ต้นมะม่วงใหญ่ ปีนขึ้นไปเพียงกิ่งเดียว ก็เจอพวงมะม่วงใบเขื่องห้อยเรียงยั่วเย้าอยู่ชายกิ่ง เด็กน้อยปรี่พุ่งไปเด็ดแบบไม่รอช้า มะม่วงเขียวเสวยลูกยาวผิวมันขลับ เด็กน้อยเอามะม่วงเช็ดเสื้อที่ใส่แล้วกัดลงจมเขี้ยว แทะเอาแตะเนื้อโยนเปลือกทิ้งไว้ใต้ต้น มะม่วงเขียวเสวยของแม่ใหญ่ทั้งมัน หอม หวานน้อย ๆ อมเปรี้ยวนิด ๆ จิ้มกับกะปิเหาะของป้านิดอร่อยจนต้องประหลาดใจ
เด็กน้อยเพลิดเพลินจนตะวันจะลับฟ้าไป เสียงวงเหล้ากับวงแม่ครัวยังอึกทึกครึกโครมไม่ลดลง เด็กน้อยโจนลงจากกิ่งมะม่วงใหญ่ เดินดุ่มไปล้างเท้าที่ชานบานได้ ก่อนเดินขึ้นบ้าน
“ไปเอาน้องมา เดี๋ยวแม่พาไปกินก๋วยเตี๋ยว”
สิ้นคำทักของแม่ เด็กน้อยรุดหน้าไปพาน้องชายซึ่งดูทีวีอยู่บนบ้านแม่ใหญ่ลงมาแทบจะทันที แม่พาเราเดินลัดจากวงแม่ครัวลงไปพื้นที่โล่งหลังบ้าน ลัดเลาะไปจนถึงคลองน้อย ๆ หลังบ้าน เรือถูกล่ามโซ่ไว้ที่ท่า แม่ประคองเรือแล้วให้เราพี่น้องลงไปนั่งรอ ท่าทางคล่องแคล่วของแม่ดูไม่ยากเย็น จนเด็กน้อยนึกในใจว่า วันไหนต้องลองขอแม่พายเรือสักครั้งบ้างแล้ว
แม่พายเรือมาเพียงไม่กี่อึดใจ เราก็มาถึงวัดนางชำ วัดประจำบ้านเรา วัดเก่าแก่ที่เราขับรถผ่านทุกครั้งที่มาบ้านแม่ใหญ่ แม่พาเราสองพี่น้องขึ้นจากเรือ เดินไปที่เพิงร้านอาหารเล็ก ๆ ตู้ก๋วยเตี๋ยวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าร้าน
“แปะจ๊ะ เล็กต้มยำ 2 เล็กธรรมดา 1 จ้ะ”
แม่ร้องสั่งกับอาแปะแก่ ๆ หนวดเคราขาวโพลน ใส่เสื้อผ้าโปร่งตามแบบคนจีนโบราณ อาแปะหันมายิ้มทักทายแม่อย่างเป็นกันเอง ไม่นานนัก ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำของเราก็เดินทางมาถึงโต๊ะ
ชามตราไก่ใบน้อย ด้านในมีน้ำซุปสีอมส้มนวลตา ผักโรยสีเขียวจัด กุ้งแห้งตัวฝอย ๆ สีชมพูแปร๊ด ถั่วลิสงบุบหยาบ ๆ วางอยู่บนเนื้อหมูต้มหั่นชิ้นหนา ๆ ไส้หมูที่แอบอยู่ใต้นั้นโผล่หน้ามาแสดงตัว กลิ่นหอมของซุปกับกลิ่นมะนาวสด ๆ ที่ถูกบีบลงชามเมื่อได้รับการสั่งจากลูกค้า ชวนให้เด็กน้อยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หรือก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจในก๋วยเตี๋ยวของแม่นะ ...
รสเปรี้ยว เผ็ด หวาน มันกลมกล่อมจนเด็กน้อยไม่อาจหยุดใจไว้ได้ทีชามแรก เส้นเหนียวนุ่ม สุกกำลังดี กุ้งแห้งฝอยนอกจากให้สีสะดุดตาแล้ว ยังให้รสเค็มที่ลุ่มลึกมากลงไปอีก หมูต้มธรรมดา ๆ ที่ไม่กระโชกโฮกฮากรสจนเกินไป ไส้หมูนุ่ม ๆ ไร้กลิ่นรบกวน มันพอดีกันไปหมดทั้งหน้าตาและรสชาติ อาแปะพูดคุยกับแม่อย่างอารมณ์ดี เด็กน้อยพอจะจับใจความได้ว่า แม่มากินร้านนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ซึ่งอาแปะก็จำแม่ได้และสนิทกันไปจนถึงแม่ใหญ่ของเราอีกด้วย
ก่อนกลับบ้าน อาแปะยังใจดี ฝากเกาเหลาต้มยำไปให้แม่ใหญ่ของเราอีกหนึ่งถุงโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ แม่ยินดีถือไปให้โดยไม่มีอามิสสินจ้าง อาแปะฝากทักทายแม่ใหญ่ของเรา พร้อมกำชับแม่ว่าอย่าบอกแม่ใหญ่ ว่าแปะไม่คิดเงิน มิฉะนั้นแม่จะโดนบ่นจนหูชาเป็นแน่แท้ ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ได้มีราคาค่างวดใด แต่มีค่ามากมายในความสัมพันธ์
เรือลำน้อย เคลื่อนตัวเอื่อย ๆ ไปตามลำน้ำและการคัดพายของแม่ เด็กหนุ่มนั่งตระกองน้องไว้ในอ้อมกอด เกรงว่าน้องจนซนจนพลัดตกน้ำไป ป่านนี้วงขี้เมาจะเลิกราหรือยังหนอ…
แม่พายเรือพร้อมฮัมเพลงลูกกรุงไปในคอเบา ๆ แม่มีความสุขมากทุกครั้งที่เราได้มาเยี่ยมแม่ใหญ่ และมาพบเจอเหล่าญาติพี่น้อง คืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน ไม่บ่อยครั้งนักที่ป๊าจะยอมค้างคืนที่บ้านแม่ใหญ่ อาจจะเพราะไม่เคยชิน และคนเยอะ
แต่ป๊าอยู่ที่ไหนก็ได้ … ที่มีเหล้าและแม่
และในวันพรุ่งนี้บ่อหน้าบ้านแม่ใหญ่จะมีการวิดปลากัน จึงเป็นเหตุให้เหล่าบรรดาขี้เมาและแม่ครัวนั้นมาบรรจบพบรักกันที่นี่
ขี้เมาจับปลา แม่ครัวทำปลา
แค่คิดก็สนุกแล้ว …
ถ้านับกันจริง ๆ กะปิโหว่ของแม่ น่าจะเป็นเมนูที่ผมทำบ่อยที่สุด และไม่ว่าใครได้ชิมก็ล้วนติดใจกันมานักต่อนักครับ จนวันนี้ผมพัฒนาเป็นกะปิแห้ง ทานคู่กัน หวาน เค็ม อร่อย ลงตัวเลยทีเดียว
โฆษณา