14 มี.ค. 2021 เวลา 12:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Batman v Superman: Dawn of Justice (2016) – ง้างหมัดอัดน้ำหนัก
ณ เวลาที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย จักรวาล Marvel ก็ถือไพ่นำไปเกือบ 3 เฟส ในตอนนั้น DC Comics พยายามตามติด ๆ ด้วยการวางโครงการหนังมากมายเพื่อเตรียมเข้าฉาย หลังเริ่มต้นด้วยการรีบูตบุรุษเหล็กซูเปอร์แมนได้อลังการถล่มโลก พร้อมกระแสและความสนใจที่ได้จากแฟนคอมมิค ทำให้ DC เดินเครื่องปูทางจักรวาลต่อทันทีด้วยการสร้างภาคต่อและเป็นหนึ่งในหนังที่แฟน ๆ คอมมิคอยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดเรื่องนึง อย่าง Batman v Superman ภายใต้การคุมบังเหียนโดย แซ็ค สไนเดอร์ เจ้าเดิม
BvS เล่าเรื่องราวหลังเหตุการณ์ใน Man of Steel เป็นเวลา 18 เดือน หลังจากที่เมืองเมโทรโพลิศพังพินาศย่อยยับจากการสู้กันระหว่างซ็อดและซูเปอร์แมน ทำให้คนในเมืองต่างตั้งคำถามถึงการมีตัวตนของซูเปอร์แมนว่าจะเป็นผลดีหรือเป็นภัย ทางเดียวกัน เล็กซ์ ลูเธอร์ เจ้าของบริษัทเล็กซ์คอร์ปก็พยายามหาทางเข้าถึงร่างของซ็อดและแร่คริปโตไนท์เพื่อใช้ต่อกรกับบุรุษเหล็ก โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องความสงบในเมือง ในขณะเดียวกันมหาเศรษฐีอย่าง บรูซ เวย์น ที่ทำหน้าที่สวมผ้าคลุมเป็นแบทแมนในเมืองก็อทแธมมาอย่างยาวนานก็เล็งเห็นซูเปอร์แมนเป็นภัยและหาทางที่จะกำจัดลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หนังดำเนินเรื่องอย่างจริงจังเป็นเส้นตรงแต่ตัดสลับเหตุการณ์ของแต่ละฝั่งมาเล่าสับกันไป เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมของเหตุการณ์จากทั้งตัวละครฝั่งซูเปอร์แมน, แบทแมน และ เล็กซ์ ลูเธอร์ โดยที่น้ำหนักการเล่าจะเน้นหนักไปที่แบทแมนเสียมาก เพื่อให้เราเข้าถึงบุคลิกของบรูซ เวย์นในฉบับนี้ ก่อนที่จะผูกเรื่องราวเข้าสู่ความบาดหมางระหว่าง Batman v Superman นั้นมีความเป็นมาอย่างไรและพาเราไปพบกับฉากแอ็คชั่นระเบิดระเบ้อมากมายในเรื่อง
ส่วนที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือความเอกเทศของเรื่องราวที่แตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel โดยสิ้นเชิง ทั้งเนื้อหาความจริงจังและฉากแอ็คชั่นที่อัดหนักหน่วงไม่ยอมใคร นอกจากนี้งานด้านภาพที่ลด contrast ลงจาก Man of Steel ก็ทำให้เราได้เชยชมความอลังการของฉากวินาศสันตะโรต้นเรื่องมากขึ้น อีกทั้งฉากแอ็คชั่นที่ดีไซน์ออกมาได้น่าพอใจ โดยเฉพาะในส่วนของแบทแมนที่เน้นท่วงท่าเตะต่อยก็ทำได้อย่างสนุกไม่น้อย นอกจากนี้การแสดงของ เบน เอฟเฟล็ค ก็แสดงเป็น Batman ในช่วงกรำศึกได้น่าจดจำ ส่วน กัล กาด็อท ก็ปรากฎกายในโฉม Wonder Woman ได้น่าประทับใจ
กระนั้นเอง ข้อเสียหนัก ๆ ก็คือ หนังเสียเวลาในการเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยที่ทำให้เราไม่สามารถอินไปกับมันได้เท่าที่ควร ทั้งการปูเส้นเรื่องต่อแยกย่อยออกไปมากมายจนเกือบจะเข้าใจยาก แม้เราจะสามารถเห็นถึงความสมเหตุสมผลบางประการของมันก็ตาม เพียงแต่เขายังเล่าอย่างขาดการเอาใจไปพอสมควร แล้วยิ่งแต่ละเรื่องที่เล่ามันเกี่ยวโยงกันหมด เปรียบดั่งแหที่แต่ละปมก็ถักร้อยเรียงไว้อย่างไม่เรียบร้อยไม่แข็งแรง ครั้นจะจับคนดูอย่างเราไว้ มันก็พังทลายเอาคนดูไม่อยู่ได้จนจบเรื่อง แล้วยิ่งมาเจอหมัดฮุก “มาร์ธา” อีก ก็ยิ่งทำให้จุดพลิกผันนี้เป็นมีมที่ให้ล้อไปได้อีกหลายทศวรรษเลย
นอกจากนี้การกำกับของพี่แซ็ค ที่ถึงแม้จะมีวิสัยทัศน์ด้านภาพที่ดีงามพระรามสี่ แต่ก็ไม่อาจช่วยหรือคุมการเล่าเรื่องเอาไว้ให้อยู่หมัด ขณะที่ Man of Steel ที่มีเรื่องราวหนักแน่นน่าสนใจกว่าแต่ด้วยความซับซ้อนที่น้อยกว่าทำให้อย่างพอเอาตัวรอดไปได้ กลับกันใน BvS ซึ่งแตกเส้นเรื่องออกมามากมาย ครั้นจะรวบกลับมาได้ก็เสียเวลาไปพอสมควร ถึงแม้จะมีฉากแอ็คชั่นบ้าพลังมากมายประเคนเข้ามาก็ตาม
สรุปแล้ว Batman v Superman อาจจะไม่ใช่ “มวยคู่เอก” ที่ทั่วโลกต่างรอคอยเสียเท่าไหร่ และอาจเป็นบทเรียนสำหรับ DC ที่ดีด้วยซ้ำในการเล่าเรื่องว่า ในเวลาที่มีอันน้อยนิดภายใต้ 150 นาที คุณควรเล่าอย่างใส่ใจไม่ใช่มีอะไรก็ยัดไปแบบฉุกมือเปิบในหนังเรื่องเดียว ถึงแม้สูตรในการเล่าที่จริงจัง วิพากษ์วิจารณ์ตัวฮีโร่ในหนังจะน่าสนใจจนมีรสชาติที่ต่างจากหนังฮีโร่มาร์เวลก็ตาม แต่ก็ควรจะเล่าแต่ละเรื่องอย่างพิธีพิถันน่าจะดีกว่า กระนั้นตัวหนังก็ยังมีฉากแอ็คชั่นที่ดีงามบ้าพลังตามเคย งานด้านภาพ-โปรดักชั่นคุณภาพสมราคา ส่วนทีมนักแสดงอย่าง เบน เอฟเฟล็ค-กัล กาด็อท ก็รับบททำหน้าที่ฮีโร่ได้ดีจนน่าพอใจ ภาพรวม แม้ว่าเราจะได้ฟินกับเหล่า Trinity และฉากต่อสู้ที่มีไม่น้อย แต่ถ้าเป็นจุดขาย “มวยคู่เอก” ที่เขาขายมาแต่แรก ก็บอกได้เลยว่า สอบตกแบบไม่น่าจะเป็น
3 / 5
Batman v Superman : Dawn of Justice (2016)
Directed by Zack Snyder
Written by Chris Terrio & David S. Goyer
Based on Characters from DC Comics
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา