Suicide Squad (2016) – ทีมเดนตายวายร้ายสายสมร
ในปกติแล้ว ทุก ๆ ปีจะมีหนังที่ผมรอคอยอยู่เสมอ เป็นหนังที่ดูมีกลิ่นและสไตล์ที่ทำให้ผมสนใจ แล้วอยากหาโอกาสไปดูทันทีที่มันเข้าโรง เฉกเช่น หนังแบบ Mad Max: Fury Road และ Interstellar หรืออย่าง Tenet (แล้วก็มักจะลงเอยด้วยการกลับไปซ้ำสักรอบสองรอบ) ซึ่งในช่วงปี 2016 หนังที่ผมกาหัวจั่วไว้พร้อมไปดูทันที ก็หนีไม่พ้น Suicide Squad
ตั้งแต่ตัวอย่าง Comic Con อันแรกที่ออกมา Suicide Squad สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นจากตัวอย่างหนังฮีโร่ในช่วงนั้นอย่างไม่เห็นฝุ่น นับตั้งแต่โทนซีเรียสและเพลงประกอบ I’m started a Joke ที่ถูกสอดแทรกเข้ามาอย่างถูกจังหวะ ทำให้ส่วนตัวผมเทใจรอคอยหนังเรื่องนี้มากกว่า BvS เสียอีก และการประชาสัมพันธ์ก่อนหนังจะได้ฉายก็ยิ่งทำให้เห็นความฉูดฉาดมากยิ่งขึ้นจากตัวหนังเรื่องนี้ ทำให้ผู้คนเริ่มคาดหวังว่า Suicide Squad จะเป็นไฟที่มาเติมเชื้อเพลิงให้จักรวาลแห่งนี้ หลังความผิดหวังต่อปรากฎการณ์ใน BvS
Suicide Squad เหล่าเรื่องของทีมวายร้ายที่ถูกจับคุมพฤติกรรมในคุกเบลล์รีฟ อย่าง เดดช็อต ทหารรับจ้างสุดแม่น, ฮาร์ลีย์ ควินน์ หวานใจนายโจ๊กเกอร์, เอล ดิอาโบล หนุ่มผู้ใช้ไฟ, คิลเลอร์ คร็อก มนุษย์ผู้มีรูปโฉมเป็นสัตว์เลื้อยคลาน รวมถึง กัปตันบูมเมอแรง ผู้ที่ใช้บูมเมอแรงเป็นอาวุธ โดยหลังจากเหตุการณ์ใน Batman v Superman รัฐบาลได้เห็นถึงวิกฤตที่อาจตามมาจากเหตุดังกล่าว รัฐจึงให้อำนาจแก่อแมนด้า วอลเลอร์ตั้งทีมพิฆาตเดนตายที่รวบรวมสุดยอดวายร้ายเพื่อไปยับยั้งเหตุร้ายที่อาจตามมา นำทีมโดยพลทหารอย่าง ริค แฟล็ก
หนังนำเสนอตามสเต็ปของการแนะนำตัวละครในองค์แรกที่หนังจะแนะนำตัวละครแต่ละตัวไปอย่างมีสไตล์มาก ๆ ก่อนจะรวบรวมทีมไปสู่การต่อสู้ในองค์ถัดไป หนังดำเนินไปเป็นเส้นตรงอาจมีตัดสลับเพื่อเล่าภูมิหลังของตัวละครบ้างเล็กน้อย แต่ก็จะวกกลับมาเพื่อดำเนินเรื่องราวต่อ พร้อมทั้งแทรกฉากแอ็คชั่นประปราย รวมถึงฉากแสดงงานเทคนิคพิเศษเต็มไปหมด (โดยเฉพาะในส่วนของ เอนชานเทรสส์) และการประชันบทบาทของทีมนักแสดงที่รับบทเป็นวายร้ายแต่ละตัวที่ไม่มีใครยอมใครเลย
เรารู้สึกชื่นชมการแคสติ้งที่สามารถคัดเลือกนักแสดงมารับบทได้อย่างสมบทบาทแทบทุกตัว นับตั้งแต่ วิล สมิธ ที่รับบท เดดช็อต ได้อย่างน่าจดจำ เป็นมือปืนปากดีแต่มีฝีมือและยังโชว์ charisma ได้อย่างดีเยี่ยม ด้านต่อมาก็คือ มาร์โก้ ร็อบบี้ ในบท ฮาร์ลีย์ ควินน์ จนแทบจะหลุดมาจากคอมมิคได้อย่างหยิกมาอย่างเต็มพิกัดและน่าจะเป็นหนึ่งในภาพจำของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างง่าย ๆ อีกคนที่จะลืมไปไม่ได้ก็คือ วิโอล่า เดวิส ที่รับบทเป็นคนกุมอำนาจทีมพิฆาตนี้ ก็สามารถแสดงพลังอำนาจได้อย่างแสบสันต์ไม่แพ้วายร้ายตัวอื่น
…และเราคงต้องชมทีมโปรโมทด้วย ที่ทำหน้าที่สร้างภาพลักษณ์หนังได้ดีขนาดนี้
เนื่องจากไปดูด้วยความคาดหวังและได้เห็นกระแสตอบรับแง่ลบล่วงหน้าทำให้เราบั่นทอนความคาดหวังลงไปเยอะเหมือนกัน แต่เมื่อได้ดูก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดีที่ส่วนแย่ของหนังมีมากกว่าส่วนที่ดี ส่วนแย่แรก ๆ ที่เรารู้สึกคือการตัดต่อของหนังโดยรวมที่เรารู้สึกไม่ปะติดปะต่อจากความไม่ลื่นไหลในการเล่าเรื่อง ที่จู่ ๆ ก็ตัดสลับอีกเหตุการณ์มาใส่แบบไร้ความประนีประนอม เหมือนอยากจะเล่าก็ใส่มา มีหลายครั้งที่การตัดต่อพาลให้เรารู้สึกอารมณ์เสียต่อตัวหนังไปเลยเหมือนกัน
ส่วนต่อมาคงเป็นด้านบทที่เกลี่ยความเด่นได้ไม่ดีพอ แม้จะดูจบมานานแล้วและจำตัวละครได้ทุกตัวแต่เราไม่อาจจำช่วงเวลาโดดเด่นของตัวละครรองแต่ละตัวไม่ได้เลย อาจเพราะบทส่งให้ตัวหลักโดดเด่นเพียงไม่กี่ตัว นอกจากนี้ความไม่ชัดเจนของบทที่เส้นเรื่องดูไม่มีทิศทางแน่นอน ยิ่งบวกกับการตัดต่อที่สับสนทำให้อารมณ์เสียยิ่งเท่าทวีคูณ (แถมมีซีนให้พูดถึงในระดับเดียวกับ BvS ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เรารู้สึกเสียดายไม่น้อย เพราะหนังมีศักยภาพที่จะหล่อหลอมให้เป็น Guardians of the Galaxy ได้ง่าย ๆ แต่หนังกลับฉาบฉวยรีบเล่ามากเกินไปทำให้เราไม่อาจอินกับเรื่องราวได้ทั้งหมด แถมตัวละครบางตัวไม่มีภูมิให้เราอินมากพอ นอกจากนี้ฉากแอ็คชั่นที่เน้นขายดีไซน์ให้ออกมาดี ก็ไม่ได้ขายความสนุกเสียเท่าไหร่
…น่าเสียดายจริงๆ
สรุปแล้ว Suicide Squad ยังไม่อาจเป็นไฟที่จุดประกายความหวังจักรวาล DC อีกครั้ง หนังแม้มีศักยภาพคล้าย GOTG แต่หนังก็ไปไม่ถึง ทั้งการตัดต่อที่สับสน บทที่ไม่ชัดเจน เกลี่ยความโดดเด่นไม่เท่ากันแถมยังรีบเล่าหลายเรื่องในเวลาอันสั้น อาจทำให้คนดูไม่มีอารมณ์ต่อตัวละครหลายตัวในเรื่องได้ ยังดีที่หนังมีการออกแบบตัวละครและการแสดงของทีมนักแสดงที่ดีมากยังพอที่จะพยุงความน่าสนใจของหนังให้มีมากขึ้นมาได้
แต่ก็นั่นล่ะ… เรายังรู้สึกน่าเสียดายอยู่ดี…
3 / 5
Suicide Squad (2016)
Written & Directed by David Ayer
Based on "Suicide Squad" by Steve Anglehart
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
