14 มี.ค. 2021 เวลา 14:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⛔️[WARNING]⛔️ Hyperinflation คือสิ่งที่ Michael Burry เตือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นและทำให้ฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐแตกได้ในไม่ช้านี้ !
3
อย่างที่ทางเพจได้รายงานไปว่า Michael Burry เพิ่งประกาศขอหายตัวไปจากโลกนี้ไปซักพักเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ออกมาเตือนนักลงทุนทุกคนว่า...."#ฟองสบู่ตลาดหุ้นลูกใหญ่กำลังจะแตกในไม่ช้านี้"
4
หลังจากนั้นก็ได้ลบข้อความทวีตทั้งหมดของเขาและหายตัวไป
2
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Burry เตือนเรื่องฟองสบู่จะแตกแล้วหายตัวไป เมื่อปี 2008 ทาง Burry ก็เป็นนักลงทุนคนแรกที่มองเห็นว่าฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐจะแตกและได้ทำการ Short Sell ไว้และหายตัวไป...
2
จนสุดท้ายฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์ก็แตกจริงๆ และ Burry ก็สามารถทำกำไรได้มหาศาลจน Hollywood ต้องนำมาทำมาเป็นหนังเรื่อง "The Big Short"
9
📌 แล้วสิ่งที่ Burry เตือนไว้ครั้งนี้คืออะไร ?
1
"เตรียมตัวรับมือกับอัตราเงินเฟ้อไว้ให้ดี การกลับมาเปิดเมืองใหม่หลังการฉีดวัคซีน และเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากมายจะทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง คุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้รัฐบาลต้องใช้เงิน 3 เหรียญอัดฉีกเข้าระบบเพียงเพื่อจะสร้างให้ GDP โตขึ้น 1 เหรียญ แบบนี้มันอยู่ไม่รอดหรอก" ทาง Burry ได้ทวีตออกมาเตือนนักลงทุนทุกคน
4
ทาง Burry พยายามจะเตือนว่าสหรัฐกำลังอาจต้องเผชิญกับ #Hyperinflation ที่คล้ายกับมหาอำนาจอย่างเยอรมันเคยต้องเผชิญในปี 1920
2
📌 เงินเฟ้อรุนแรงในเยอรมันช่วงปี 1920
3
Burry อธิบายว่าในช่วงปี 1920 นั้น ฐัฐบาลเยอรมันเชื่อว่าด้วยแสนยานุภาพของกองทัพและเทคโนโลยีของพวกเขา จะทำให้เขาชนะสงครามได้ในเวลาสั้นๆ และประเทศจะต้องร่ำรวยขึ้น จากการเป็นผู้ชนะสงคราม
2
ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมนี้ แทนที่จะหาเงินมาผลิตอาวุธด้วยการเก็บภาษีหรือออกพันธบัตร (ตามปกติ) ทางรัฐบาลกลับตัดสินใจที่จะ #พิมพ์เงิน ออกมาเป็นจำนวนมาก และพอมีเงินออกมาเยอะโดยไม่มีทรัพย์สินอะไรมาเป็นหลักประกัน และสุดประเทศไม่ได้ร่ำรวยขึ้นจริงๆ เพราะพวกเขาพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก
3
ในช่วงก่อนสงครามนั้น ค่าเงินเยอรมันมีค่าอยู่ที่ 4.2 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐในช่วงปี 1914 แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 1920 ค่าเงินเยอรมันกลับอ่อนค่าอย่างหนักจนเหลือ 90 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐ
9
และด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี ยังส่งผลให้พวกเขาต้องจ่ายหนี้ค่าเสียหายของสงครามอีกมหาศาลให้ต่างชาติ แต่ค่าเงินตัวเองกลับด้อยค่าลงก็ยิ่งไม่มีเงินมาจ่ายและทำให้เศรษฐกิจในประเทศก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ
2
ในช่วงนั้นรัฐบาลพยายามขึ้นภาษีให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าก่อให้เกิดการประท้วง และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงก็ส่งผลให้ประชาชนส่วนมากเกิดความไม่พอใจ ทางรัฐบาลก็ไม่รู้จะทำยังไงดี #ก็ยังคงพิมพ์เงินออกมาเรื่อยๆ เพื่อจ่ายให้แรงงานพอใจ ให้พวกเขาเลิกประท้วงและกลับไปทำงานอีกครั้ง จนสุดท้ายค่าเงินเยอรมันเฟ้ออย่างหนักไปจนถึงขั้น 50,000 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐ
4
สถานการณ์ยังคงแย่ลงเรื่อยๆจนถึงขั้นมีการบันทึกไว้ว่าเงินเยอรมันได้เคยเฟ้อจนถึงจุดต่ำสุดที่เงิน 1 เหรียญสหรัฐเคยมีค่าสูงถึง 4,200,000,000,000 มาร์ค (สี่ล้านสองแสนล้านมาร์ค) เลยทีเดียว
6
และนี่ก็คือหนึ่งในวิกฤตเงินเฟ้อที่ร้ายแรงที่สุดในโลก หรือ Hyperinflation ที่เกิดขึ้นกับเยอรมนี
1
📌 Burry เตือนว่าสหรัฐกำลังอยู่ในเหตุการณ์คล้ายกัน
1
1️⃣ Burry เทียบว่าตอนนี้รัฐบาลสหรัฐยังไม่ขึ้นภาษีประชาชนได้อย่างสมดุล (คนรวยยังโดนภาษีมากพอ)
2️⃣ สหรัฐได้เผชิญกับสงครามรุนแรงเช่นเดียวกัน อาจจะไม่ใช่สงครามโลกแต่เป็นสงครามกับไวรัสโควิดซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปไม่น้อย
3
3️⃣ รัฐบาลสหรัฐยังเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยการพิมพ์เงินออกมาแทนการเก็บภาษี
โดยหากรัฐบาลสหรัฐสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากการกระตุ้นได้จริง #เงินที่รัฐบาลเก็บกลับมาได้จากภาษีก็จะมีมากไปตามกัน เคสนี้ก็อาจจะไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
แต่จากข้อมูลของ Burry นั้นพบว่าเงินทุกๆ 3 เหรียญที่รัฐบาลนั้นใส่เข้าไปในระบบกลับทำให้เกิด GDP ที่โตขึ้นเพียง 1 เหรียญเท่านั้น ! ทำให้รัฐบาลสหรัฐคงไม่น่าจะสามารถหาเงินคืนมาจ่ายหนี้ได้พอ และสุดท้ายหากสหรัฐยังเลือกที่จะ #พิมพ์เงินเพิ่มต่อไปอย่างไม่รู้จบ ก็จะได้พบจุดจบเดียวกับทางเยอรมันแน่ๆ นี่คือสิ่งที่ Burry ได้เตือนไว้
4
และแน่นอนว่าค่าเงินเฟ้อหนักนี้ก็จะทำให้ฟองสบู่สหรัฐแตกแน่ๆ เมื่อคนต่างพาแห่กันถอนเงินออกไป
4
📌 Hyperinflation นั้นน่ากลัวมาก
1
Hyperinflation คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลนั้นพังทลาย #เงินจะด้อยค่าอย่างรวดเร็วมากจนไม่มีใครอยากได้เงินนั้นแล้ว เมื่อใครได้รับเงินไปก็จะรีบเปลี่ยนเงินไปถือเป็นสินทรัพย์อื่นๆให้เร็วที่สุด และจะส่งผลให้ราคาสินค้าจึงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
2
นอกจากเคสของเยอรมันแล้ว มันยังได้เกิดขึ้นกับประเทศซิมบับเวเมื่อปี 2008 และกับเวเนซุเอลาในปี 2019 ที่เงินเฟ้อหนักจนถึงขั้น ไข่ 1 ฟองที่เคยขาย 5 บาท อาจจะมีค่ามากกว่าเงิน 1 ล้านบาทในสกุลนั้นๆ เพราะไม่มีใครยอมขายมันออกไป ทุกคนจะแห่ทิ้งเงินสด เพราะไม่มีใครเชื่อมั่นว่าเงินจะมีค่าใช้แลกเปลี่ยนสินทรัพย์อะไรได้อีกแล้ว
9
📌 นี่สิ่งที่ Burry ทำนายไว้ว่าอาจจะเกิดขึ้นกับสหรัฐ
1
ตอนนี้ตลาดกำลังกลัวเรื่องค่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งสูง แต่ก็ไม่มีใครที่มองว่าจะย้ำแย่ถึงขนาดขั้นที่ Burry มองไว้
เราคงต้องมาติดตามกันอย่างใกล้ชิดจริงๆ ว่ามุมมองของ Burry ในครั้งนี้จะแหลมคมเหมือนในครั้งปี 2008 ที่ฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์สหรัฐแตกอีกครั้งหรือไม่ ? เพราะครั้งก่อนเขาก็ได้หายตัวไปนานถึง 1-2 ปี ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกออกมาจริงๆ
ตอนนี้นักลงทุนคงต้องฝากความหวังไว้กับฝีมือของ FED และกระทรวงการคลังสหรัฐ สำหรับความสามารถในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
📌 Burry ยังได้กล่าวต่ออีกว่าจดหมายจาก Warren Buffet ถึงผู้ถือหุ้น berkshire hathaway ในปี 1980 นั้นได้ช่วยทำให้เขาเข้าใจวิธีการลงทุนในช่วงค่าเงินเฟ้อสูงได้เป็นอย่างดี
นักลงทุนท่านใดสนใจอยากให้แอดเล่าถึงจดหมายนี้ให้ฟัง รบกวนช่วยกันกด Like และ Share ให้แอดด้วยนะครับ หากข้อมูลนี้มีประโยชน์และมีคนรอติดตามกันเยอะทางแอดจะมาเขียนให้แน่ๆ 😊
1
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา