15 มี.ค. 2021 เวลา 15:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⛔️[WARNING]⛔️ Ray Dalio Bubble Indicator ส่งสัญญาณว่า ถึงแม้ราคาหุ้นในสหรัฐโดยรวมจะอยู่ในระดับสูง #แต่ก็ยังไม่อันตรายถึงขั้นฟองสบู่แตก ! อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นบางกลุ่มในตลาดที่กำลังเข้าขั้นอันตราย !
1
คำถามที่นักลงทุนกำลังสงสัยกันมากที่สุดคือ ตลาดหุ้นสหรัฐที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นปีที่ 12 ติดต่อกันแล้วจะลอยอยู่ต่อได้นานขนาดไหน ?
#ปีนี้จะกลายเป็นปีที่ฟองสบู่ตลาดหุ้นแตกหรือไม่ ?
📌 เมื่อเดือนที่แล้วทางเพจได้เขียนแชร์เรื่อง Warren Buffett Indicator ไปแล้ว
"จงกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว แต่จงกลัวในเวลาที่คนอื่นกล้า"
เป็นคำพูดหนึ่งที่วอร์เร็น บัฟเฟตต์คอยย้ำเตือนเหล่านักลงทุนอยู่เสมอ ทำให้ปู่บัฟเฟตต์ได้สร้าง #ดัชนีวัดความกล้าและความกลัวของนักลงทุน ขึ้นมาหนึ่งตัวที่ชื่อว่า "Warren Buffett Indicator"
1
โดยสิ่งที่ปู่บัฟเฟตต์นำมาคำนวนนั้นก็ง่ายมากๆคือนำ มูลค่าตลาดรวม (Market capitalization) และ ผลผลิตรวม (GDP) ของประเทศมาคำนวนหารเทียบกันกลายเป็นสัดส่วน Market-cap-to-GDP ratio นั่นเอง
2
หากอัตราส่วนนี้ออกมาเป็นสัดส่วนที่สูง (สูงกว่า 70%-80%) นั่นก็หมายความว่ามูลค่าราคาหุ้นโดยรวมของตลาดนั้น อาจมีค่าสูงไปแล้วเมื่อเทียบกับผลผลิตจริง (ราคาหุ้นแพงไปแล้ว)
2
และในทางตรงกันข้ามกันหากอัตราส่วนนี้มีสัดส่วนที่ต่ำ (ต่ำกว่า 70%) ก็แปลว่าตลาดหุ้นตอนนั้นอาจราคาถูกไปแล้ว และอาจเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น
1
โดยทางตัวบัฟเฟตต์เองนั้นได้กล่าวไว้ว่าตัวบ่งชี้นี้คงเป็น #ตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในทุกๆสถานการณ์ ในการเข้าซื้อขายหุ้น หากต้องเลือกดูตัวชี้วัดตัวเดียว
"Probably the best single measure of where valuations stand at any given moment." ปู่บัฟเฟตต์กล่าว
📌 และตอนนี้ Warren Buffett Indicator ก็กำลังส่งเสียงเตือนแดงแจ๋
ตอนนี้ Buffett Indicator ได้ขึ้นไปอยู่ระดับ 85% แล้ว ! สื่อได้ว่าราคาหุ้นนั้นแพงไปแล้วในมุมมองของ Buffett
แต่การที่ % สูงนั้นไม่ได้หมายความว่าตลาดจะโดนเทขายลงมาโดยทันที เพราะทาง Buffett ไม่เคยทำดัชนีชี้วัดจังหวะและเวลาของฟองสบู่ที่จะแตกได้ และแรงดันของฟองสบู่รอบนี้มันกลับเยอะกว่ารอบก่อนๆด้วยซ้ำ (บทความเต็มๆแนบในคอมเม้นท์)
📌 แต่วันนี้เราจะลองมาส่อง Bubble Indicator ของอีกหนึ่งนักลงทุนชื่อดังอย่าง Ray Dalio กันดู
Ray Dalio เป็นผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates กองทุนเก็งกำไรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเขาเป็นนักลงทุนระดับต้นๆที่ทั่วโลกนั้นนับถือ และดัชนีที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาชี้วัดว่าสภาพตลาดนั้นอยู่ในสภาวะฟองสบู่หรือไม่นั้นจะซับซ้อนกว่าทางทาง Buffett อยู่หน่อย
1
โดยประกอบไปด้วยปัจจัยดังนี้
1️⃣ ราคาหุ้นสูงเพียงใดเมื่อเทียบกับมาตรฐานดั้งเดิม ? How high are prices relative to traditional measures ?
ข้อนี้เป็นข้อพื้นฐานที่สำคัญอยู่แล้วที่ Ray พยายามจะวัดมูลค่าของหุ้นเมื่อเทียบกับราคาและผลตอบแทนในอดีต
2️⃣ ราคาหุ้นได้รับรู้และทอนมูลค่าจากการที่บริษัทอาจไม่สามารถคงสภาพยั่งยืนไว้แล้วหรือไม่ ? Are prices discounting unsustainable conditions ?
ส่วนมากแล้วบริษัทส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำได้ตามแผนธุรกิจที่วางไว้อยู่เสมอ Ray จะคอยวัดว่าราคาหุ้นที่กำลังซื้อขายอยู่ตอนนี้โดนรับรู้ถึงปัจจัยนี้เข้าไปในราคาหุ้นแล้วมากน้อยแค่ไหน ?
3️⃣ มีผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาในตลาดบ้างไหม ? และมีกี่ราย ? How many new buyers have entered the market ?
หากยังมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเรื่อยๆ ราคาหุ้นโดยรวมก็อาจจะวิ่งขึ้นไปสูงกว่าในอดีตได้ ด้วยเม็ดเงินที่มากขึ้่น โดยในปีที่ผ่านมาเราได้มีผู้เล่นรายย่อยหน้าใหม่มากมายที่ไหลเข้ามาในตลาดทำให้ราคายังสูงอยู่
4️⃣ ความเชื่อมั่นในตลาดของคนกลุ่มใหญ่เป็นอย่างไร ? How broadly bullish is sentiment ?
1
ตลาดโดยรวมมีความมั่นใจกับตลาดมากน้อยแค่ไหน ? บางทีการที่ตลาดมั่นใจกันมากเกินไปจนราคาสูงเกินไปก็อาจจะไม่ส่งผลดีต่อตลาดก็เป็นได้ เพราะเงินจะไกลเข้าตลาดยาเดียวเร็วเกินไป และเวลาไหลออกจะทำให้เกิดการเทขายอย่างรวดเร็ว
 
5️⃣ การซื้อหุ้นตอนนี้มีการใช้หลักประกันในการซื้อเพื่อทำให้ซื้อหุ้นได้ในปริมาณที่สูงขึ้น (Leverage) มากน้อยแค่ไหน ? Are purchases being financed by high leverage ?
ถึงแม้ผู้เล่นในตลาดอาจจะไม่เพิ่มมากขึ้น แต่การที่ตลาดยิ่งมีการใช้เครื่องมืออนุพันธ์หรือวางหลักประกันเพื่อเพิ่มวงเงินในการซื้อขายสามารถทำให้แต่ละผู้เล่นมีกำลังซื้อขายมากขึ้น เราเรียกสิ่งนี้ว่าการ Leverage ซึ่งจะทำให้มีปริมาณซื้อขายในตลาดที่สูงกว่าเม็ดเงินจริงๆ ราคาของหุ้นขาขึ้นก็อาจจะขึ้นได้สูงกว่าความเป็นจริง และเวลาลงก็อาจลงได้เกินความเป็นจริงได้มากไปตามการ Leverage เหล่านั้นนั้น
อย่างที่เราเห็นเป็นตัวอย่างกับหุ้น #Gamestop ที่เริ่มจากการมีการ Short Sell สูงผิดปกติทำให้กดราคาหุ้นลงต่ำเกินควร และเมื่อตลาดเปลี่ยนทิศมันก็จะทำให้ราคาสามารถดีดขึ้นไปสูงเกินควรได้เช่นกัน เพราะเป็นหุ้นที่มีการทำ Leverage สูง
6️⃣ เหล่าผู้ซื้อหุ้นได้ทำการประกันความเสี่ยงเพื่อป้องกันตัวเองจากราคาตลากที่เพิ่มสูงขึ้นไว้แค่ไหน ? Have buyers made exceptionally extended forward purchases to speculate or protect themselves against future price gains ?
เหล่าผู้เล่นในตลาดนั้นได้ทำการซื้อหุ้นเพียงอย่างเดียว หรือบางฝ่ายได้มีการขายสัญญา Futures ล่วงหน้าเพื่อประกันความเสี่ยงของพอร์ตไว้บางส่วนแล้ว เพราะนักลงทุนหลายท่านได้ใช้การซื้อขาย Futures เข้ามาช่วย Hedge ลดทอนความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวมลง หรือนำมาทำการ Spread Trading อย่างที่เราได้เคยเขียนอธิบายไป
Ray จะนำปัจจัยเหล่านี้เข้ามาคำนวนด้วยอยู่เสมอเพื่อดูความรุนแรงของฟองสบู่
📌 สรุปแล้วผลการศึกษาของ Bubble Indicator ของ Ray Dalio ชี้ว่า
1
ภาวะฟองสบู่ปัจจุบันของตลาดโดยรวมนั้นอยู่ที่ร้อยละ 77 (77th Percentile) ถึงแม้จะถือว่าอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังไม่สูงเท่ากับครั้งตลาดฟองสบู่แตกเมื่อดัชนีนั้นดีดขึ้นไปถึงร้อยละ100 (100th Percentile) ที่เคยวัดไว้ในช่วงปี 1920 และปี 1990
อย่างไรก็ตาม Ray บอกว่ามีบริษัท 5% ในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 1,000 แห่งในสหรัฐ ที่กำลังเข้าขั้นฟองสบู่อันตราย #โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเทคเกิดใหม่ (ไม่ใช่หุ้นเทคที่เริ่มมีรายได้เข้ามาแล้ว) ที่กำลังเสี่ยงอย่างหนัก แต่ทาง Ray ก็บอกว่าสภาพตลาดหุ้นเทคโดยรวมนั้นก็ยังไม่แย่เท่ากับสมัยปี 2000 ในวิกฤต Dot-com Bubble
1
อีกหนึ่งตลาดที่น่ากลัวจากการศึกษาของ Ray คือตลาด #IPO และ #SPAC ในสหรัฐ หรือบริษัทที่กำลังเข้ามาเปิดการซื้อขายในตลาดหุ้นนั้นเอง เพราะกำลังมีเงินลงทุนจากรายย่อยไหลเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องระวังภาวะฟองสบู่ไว้ให้ดี (โดยเฉพาะการที่หลายบริษัทเหล่านี้ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เช่นเหล่าบริษัท SPAC)
📌 สรุปได้ว่าทาง Ray Dalio ยังไม่กลัวเรื่องฟองสบู่แตกเท่ากับทาง Warren Buffett Indicator หรือดังคำเตือนของ Michael Burry แต่ก็ให้คอยระวังหากคะแนนรวมของตลาดนั้นขึ้นไปถึงขั้น 100th Percentile
1
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณครับ 😊
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา