Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Movie Trivia
•
ติดตาม
16 มี.ค. 2021 เวลา 12:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Aquaman (2018) – มหากาพย์ลิเกใต้สมุทร
มีไม่บ่อยครั้ง ที่การดัดแปลงเรื่อง ๆ นึงจะทำได้เกินความคาดหวังของแฟน ๆ ที่ติดตามเรื่องนั้นอยู่ โดยเฉพาะจากการหยิบเอาคอมมิคเรื่องใดเรื่องนึงมาสร้าง คนมักจะรอว่า ผู้สร้างจะสามารถถ่ายทอดความเป็นมนุษย์และความเก่งกาจให้เท่ากับฮีโร่คนนั้นอยู่บนหน้ากระดาษได้หรือไม่ แต่หนึ่งในฮีโร่ที่ผู้คนไม่หวังและไม่คิดว่ามันจะออกมาเท่หรือเก่งกาจจนน่าเชื่อถือได้เลย นั่นก็คือ Aquaman
Aquaman เล่าเรื่องของ อาเธอร์ เคอร์รี่ หลังวีรกรรมการช่วยโลกทำให้ผู้คนรู้จักเขาในฐานะอควาแมนและทำหน้าที่ผดุงสันติบนน่านน้ำ ขณะเดียวกันเขาคือลูกครึ่งมนุษย์และราชินีแอตแลนน่า ซึ่งอาณาจักรแอตแลนติสใต้ทะเลที่วิวัฒนาการทั้งเทคโนโลยีพุ่งพรวด คิงออร์ม น้องชายในสายเลือดของอาเธอร์ เตรียมประกาศสงครามบนพื้นโลก เมร่า คู่หมั้นของคิงออร์ม จึงขึ้นมาช่วยเหลืออาเธอร์ เพื่อทำภารกิจในการกลับไปเป็นราชาเจ้าสมุทร ก่อนที่สงครามจะอุบัติ
แม้ด้วยเวลาของหนังที่ยาวถึง 143 นาที แต่หนังก็ถูกแบ่งออกเป็นสามองค์อย่างชัดเจน โดยใช้เวลาองค์แรกเพื่อแนะนำตัวละครและโลกแวดล้อมในเรื่อง ก่อนที่หนังจะพาอาเธอร์เข้าไปสู่ภารกิจและรู้จักกับอาณาจักรใต้สมุทรในองค์สอง ภายใต้แนวหนังที่มีกลิ่นอายแทบไม่ต่างจากหนังผจญภัยเลย พร้อมสอดแทรกทั้งฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่และมุกตลกแทรกแสนจะแพรวพราว
ส่วนที่ดีมากที่ต้องชมอย่างแรกเลยคือ เทคนิคการเชื่อมฉากในบางช่วงที่ดูสร้างสรรค์และ seamless มาก ๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าตัวผู้สร้างมีวิธีคิดในการใช้ภาพเชื่อมเข้าหาที่ฉากนึงได้ดีมาก ๆ แถมมันยังเป็นอีกหนึ่งจุดดีที่ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับตัวหนัง แม้หนังจะมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม อีกส่วนนึงก็คือ ฉากแอ็คชั่นที่เราคิดว่ามันแปลกและแตกต่างจากหนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ใน DC พอสมควร ทั้งการใส่ความเป็นสมรภูมิ รวมถึงฉากต่อสู้ประมือที่มีสเกลใหญ่พอจะเทียบเท่า ซ็อด และ ซูเปอร์แมนใน Man of Steel ได้เลย
นอกจากนี้หนังยังใส่อารมณ์ขันเข้าไปอย่างพอเหมาะโดยไม่เสียมู้ดของเรื่อง อีกทั้งยังหยอดความโรแมนติคแบบเล็ก ๆ ลงไปได้โดยไม่น้ำเน่าเกินไป แถมเรื่องราวก็ยังไต่ระดับความใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไปถึงไคลแมกซ์ของเรื่องที่สมการรอคอย อีกทั้งวิสัยทัศน์การนำเสนอด้านภาพก็น่าประทับใจมาก ๆ ทั้งฉากต่อสู้, ฉากแสดงความยิ่งใหญ่ของแอตแลนติส รวมถึง หุบเหวลึกอย่าง The Trench ก็ทำได้น่าสะพรึง
กระนั้นเอง หนังมีจุดด้อยอยู่บ้าง ทั้งการจงใจใช้ระเบิดเพื่อสร้างจุดพลิกผันในการเล่าเรื่องที่ดูเยอะจนความจำเป็น รวมถึงการใส่ดนตรีประกอบที่ดูไม่เข้ากันมาก ๆ อยู่ (พลอยให้นึกถึง Furious 7 ที่วานเคยกำกับ) แถมด้วยความที่เรื่องราวเล่าตามสูตรสำเร็จด้วย ทำให้เรื่องบางส่วนดูเชย พร้อมด้วยบทสนทนาบางอันก็ดูเช๊ยเชย แต่ด้วยความสนุกที่มันมอบให้ มันก็พอจะมองข้ามไปได้อยู่นะ
สรุปแล้ว Aquaman คือหนังฮีโร่ที่มาพร้อมกรอบหุ้มด้วยแนวหนังแบบผจญภัยเต็มอิ่มจุใจ 2 ชั่วโมงครึ่ง ฉาบด้วยฉากแอ็คชั่นที่ระเบิดระเบ้อและไต่ระดับไปจนถึงไคลแมกซ์ได้สมการรอคอย แถมมีการเบรคด้วยการใส่มุกให้ผ่อนคลายได้โดยไม่เสียบรรยากาศ กระนั้นเอง ตัวหนังที่มาตามสูตร, การจงใจใส่จุดพลิกผันเพื่อเดินเรื่องต่อ รวมถึงรสนิยมการใส่ดนตรีที่ไม่เข้ากับเรื่อง ก็อาจจะมองข้ามได้ ด้วยความสนุกที่หนังมอบให้เรา
3.5 / 5
Aquaman (2018)
Directed by James Wan
Screenplay by David Leslie Johnson-McGoldrick & Will Beall
Story by Geoff Johns, James Wan & Will Beall
Based on "Aquaman" by Mort Weisinger & Paul Norris
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Movie Trivia | DC Review
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย