Marketing 5.0
By Philip Kotler, Hermawan Kartajaya, Iwan Setiawan
#What I Get
ปัจจุบันหลักการทางการตลาดได้เดินทางมาถึง เวอร์ชั่น 5.0 แล้ว
จากการเริ่มต้นด้วย Product-Driven Marketing (1.0) ที่เน้นที่ตัวผลิตภัณฑ์
สู่ Customer-Oriented Marketing (2.0) ที่ตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า
เข้าสู่ Human-Centric Marketing (3.0) ที่มองลูกค้าเป็นมนุษย์ และเติมเต็มคุณค่าของลูกค้าด้วยคุณค่าของแบรนด์
หลักการทางการตลาดพื้นฐานในยุค 3.0 คือ 4Ps ที่มาจากการสร้างคุณค่าจาก
1. Product ผลิตภัณฑ์
2. Price ราคา
3. Place สถานที่
4. Promotion โปรโมชั่น
และเมื่อเทคโนโลยีดิจิตอลได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก
จึงเข้าสู่ยุค Marketing 4.0 : Moving From Traditional to Digital
ที่เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำการตลาดมากขึ้น และลูกค้ามีเส้นทางการสร้างปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ที่ต่างไปจากเดิม
จึงก่อให้เกิด 5As เพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience)
1. Aware การรับรู้
2. Appeal ความดึงดูดใจ
3. Ask การสอบถาม
4. Act การลงมือซื้อสินค้า
5. Advocate การแนะนำบอกต่อ
โดยจุดมุ่งหมายคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งช่องทางปกติและช่องทางดิจิตอล
Marketing 5.0 เป็นการใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อสร้างคุณค่า ติดต่อสื่อสาร ส่งมอบ และเพิ่มคุณค่า ประสบการณ์ของลูกค้า
ด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่าง AI (ปัญญาประดิษฐ์), NLP (การวิเคราะห์ภาษา) , AR , VR , IoT (Internet of Thing) และ Blockchain
โดยเทคโนโลยีต่างจะช่วยพัฒนาให้เราทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากหลักการ 5 ข้อต่อไปนี้
1. การตัดสินใจที่ดีขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลจาก Big Data
2. การคาดเดาผลลัพธ์ของแผนทางการตลาดด้วย Model ทางการตลาดที่ดีขึ้น
3. การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าทั้งในโลกจริงและโลกดิจิตอล ผ่านเซนเซอร์และ IoT อย่างไร้รอยต่อ
4. การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงานเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
5. การเพิ่มความเร็วของปฏิบัติการทางการตลาดด้วย Agile Marketing
โดยการสร้างแผนการตลาดแบบ Marketing 5.0 จะประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 ข้อต่อไปนี้
1. Data-Driven Marketing โดยการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ทั้งจากข้อมูลภายในและข้อมูลภายนอก
และสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อช่วยให้ทำการตัดสินใจทางการตลาดได้ผลดีที่สุด
2. Agile Marketing โดยการสร้างทีมมีความคล่องตัวในการทำงาน
เพื่อระดมความคิด ออกแบบ พัฒนา ทบสอบสินค้าและแคมเปญได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งช่วยให้รองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที
3. Predictive Marketing โดยการใช้ Machine Learning เพื่อสร้างโมเดลสำหรับการวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการตลาด
โดยเราจะสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่แม่นยำได้
และสามารถทดสอบแนวทางการตลาดได้หลากหลายขึ้น
4. Contextual Marketing โดยการใช้ข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคลในการวิเคราะห์ลูกค้าแต่ละคน
เป็นการใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และข้อมูลจากฐานข้อมูลลูกค้า
เพื่อเสนอสิ่งที่ตรงใจลูกค้าเฉพาะบุคคลมากขึ้นได้แบบ real-time
5. Augmented Marketing โดยการใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการทำงานของพนักงานขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยการใช้ Chatbots เพื่อสร้างการตอบสนองที่รวดเร็วและลดภาระงานการตอบคำถามเดิมๆ
หรือการให้ข้อมูลลูกค้าแก่พนักงานขายเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ภายในหนังสือยังได้กล่าวถือ ความท้าทายของการทำการตลาดในยุคปัจจุบันที่เกิดจาก
ความแตกต่างของช่วงอายุ (Generation Gap)
ที่คนแต่ละช่วงอายุมีรูปแบบการติดต่อกับแบรนด์ที่แตกต่างกัน
การกระจายรายได้แบบแยกขั้ว ( Prosperity Polarization)
โดยที่สินค้าจะนำเสนอในทางด้าน ราคาสูงและมีคุณค่า กับ ทางด้านปริมาณและราคาประหยัด สินค้ากลุ่มปานกลางจะหายไป
#How I Feel
หนังสือในตระกูล Marketing X.X ยังคงเป็นหนังสือที่มีเนื้อหานำหน้าวงการการตลาดมาตลอดทุกเล่มอย่างแท้จริง
เนื้อหาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของการตลาดแต่ละยุคสมัยได้อย่างเข้าใจง่าย
มีการชี้จุดสำคัญของการทำการตลาดได้อย่างเด่นชัด พร้อมด้วยแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติจริง
และได้รับความรู้ทางการตลาดที่สดใหม่ที่อ่านแล้วต้องว้าวไปทั้งเล่ม
#Who Should Read
• ผู้ประกอบการ
• ผู้ที่มีความสนใจการตลาด
• ผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเทคโนโยลีเพื่อการตลาด
• ทุกคนที่ทำงานทางการตลาด (ย้ำ!! ทุกคนเลยครับ)
Review by Another Book
WEEKLY BOOK REVIEW ทุกวัน พฤหัส 20.30 ครับผม
ถ้ามีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนไหนเพิ่มเติม หรือมีข้อติชม
คอมเมนท์ไว้ที่ด้านล่างได้เลยนะครับ
จะรีบเข้ามาตอบให้นะครับผม
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
