#21 The Brain Club : World ประเพณีแขวนโลงศพบนหน้าผา
โลกเรามีประเพณีการจัดการศพที่แตกต่างกัน ตามแต่ละศาสนา และพื้นที่อยู่อาศัย แทนที่จะนำศพไปฝังในพื้นดินหรือเผา พวกเขากลับเลือกที่จะแขวนโลงศพแบบท้าทายแรงโน้มถ่วงบนที่สูง พวกเขามีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนี้กันแน่ ? วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
เราขอเดินทางไปยังประเทศจีนก่อน ในพื้นที่ธรรมชาติ ที่มีความสวยงามของป่าไม้ แม่น้ำลำธาร และภูเขาสูง มีการพบเห็นประเพณีการแขวนโลงศพในภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศจีน
ในมณฑลเสฉวน ยูนนาน ฝูเจี้ยน และกุ้ยโจว พบการแขวนโลงศพอยู่หลายร้อยจุด โดยเฉพาะในเขตหุบเขาอันห่างไกลในแม่น้ำแยงซี โดยโลงศพที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุมากถึง 3,000 ปี ซึ่งถูกพบในมณฑลฝูเจี้ยน
เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดของการแขวนโลงศพ คือความเชื่อว่า " เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต ในโลกหลังความตาย สถานที่ที่ทุกคนฝันถึงคือสวรรค์ การแขวนโลงศพไว้ในที่สูง สามารถทำให้เดินทางสู่สวรรค์ได้ง่ายมากขึ้น "
นอกเหนือจากเรื่องความเชื่อ การนำศพไปแขวนบนที่สูง สามารถป้องกันพวกโจรขโมยขุดสุสาน ทำให้ศพอยู่นานขึ้น และเป็นการประหยัดพื้นที่ทำสุสาน เพื่อนำไปใช้เป็นพื้นที่สำหรับเพาะปลูกแทน
ในปี 2015 นักโบราณคดีค้นพบโลงศพแขวนเพิ่มจำนวน 131 โลง ซึ่งซ่อนอยู่ในถ้ำริมหน้าผาที่มีความสูง 330 ฟุต คาดว่าจะมีอายุเก่าแก่ราวๆ 1,200 ปี
โลงศพส่วนมากที่พบในจีน คือฝีมือของชาวโบ ชนกลุ่มน้อยที่เคยอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีนเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน ซึ่งต่อมาพวกเขาได้หายสาบสูญไป
นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นเพราะในยุคที่ราชวงศ์หมิงเรืองอำนาจ ได้มีการเข้ายึดครองภูมิภาค และกวาดล้างชาวโบจนสิ้นสูญ
แต่นั่นเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เพราะไม่มีความชัดเจนว่าพวกเขามาจากไหนหรือหายไปไหนกันหมด ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกที่หาคำตอบไม่ได้ แต่ประเพณีการแขวนโลงของพวกเขายังคงเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เหลือให้เราเห็น
แขวนโลงศพในมณฑลเสฉวนประเทศจีน เครดิตภาพ: Alexander P Bell / Shutterstock.com
ในการแขวน ตัวโลงศพอาจถูกวางอยู่บนคานไม้ที่ยื่นออกมาจากผา หรือวางบนคานที่เชื่อมระหว่างรอยแยกแนวตั้งของภูเขา โลงศพที่ถูกแขวนก็มีหลายแบบ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นโลงที่แกะสลักมาจากไม้ท่อนเดียวที่ด้านในกลวง
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป โลงศพที่ต้องรับมือกับแดด ลม ฝน ตลอดเวลาจึงเริ่มชำรุด และร่วงตกไปยังหุบเขาด้านล่าง ทำให้มีโลงศพจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ถึงแม้ประเพณีการแขวนโลงศพโดยส่วนมากจะพบในจีน แต่เรายังสามารถพบได้ในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของเราคือ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ก็มีประเพณีการแขวนโลงศพตามหน้าผา ถ้ำ และแนวโขดหินธรรมชาติเหมือนกัน
การแขวนโลงศพในอินโดนีเซีย นั้นเรียกว่า " การฝังศพแบบแขวน " เป็นประเพณีของชาวโทราจา ในเกาะซูลาเวซี ที่ได้มีการเจาะต้นไม้เพื่อวางสุสาน
ส่วนการแขวนโลงศพในฟิลิปปินส์ เป็นประเพณีของชาว Kankanaey ในเมืองซากาด้า บนเกาะลูซอน
แต่การแขวนโลงศพสำหรับชาว Kankanaey ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถทำได้ มีเพียงคนชั้นสูง และผู้นำของชุมชนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
ช่าวเผ่ามีความกังวลว่าการฝังศพในพื้นดิน นั้นไม่ดี เนื่องจากดินมีน้ำซึมไหลซึม และอับชื้นเสมอ ส่งผลให้ศพเน่าเร็ว สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยหลักที่พวกเขาต้องแขวนโลงบนที่สูง
"แขวนโลงศพ" จากถ้ำในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เครดิตภาพ: Katie Hunt / CNN
● วิธีการของชาว Kankanaey
ผู้สูงอายุจะเจาะโลงศพจากต้นไม้ในท้องถิ่น และเขียนชื่อไว้ที่ด้านข้างโลง ศพจะถูกวางไว้ใน ' เก้าอี้มรณะ ' ที่มัดด้วยใบไม้ และเถาวัลย์ นำผ้าห่มมาคลุมศพ จากนั้นนำศพไปรมควันเพื่อชะลอไม่ให้เน่าเปื่อย เพื่อยื้อเวลาให้บรรดาญาติพี่น้องได้กราบไหว้
ศพจะถูกห่อด้วยใบหวายก่อนนำไปวางในโลงศพ ผู้ชายจะทำการตอกหมุดโลหะเข้าไปในหน้าผาเพื่อแขวนโลง โลงศพจะถูกลากขึ้นป้านผู้ไว้ทุกข์ เพื่อให้ของเหลวจากศพหยดลงบนร่างกาย มีความเชื่อว่าจะทำให้โชคดี
ในปัจจุบันการนำโลงศพไปแขวนบนที่สูงขนาดนี้คือเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่ในสมัยที่เทคโนโลยียังไม่อำนวยมากนัก นับว่าเป็นความพยายามที่น่าพิศวงมากๆ
โลงศพแต่ละโลงก็ไม่ใช่เบาๆ คาดว่าคงมีการสร้างนั้งร้านสำหรับลำเลียง หรือทำการหย่อนโลงศพลงมาจากหน้าผาด้านบน เนื่องจากมีร่องลอยการตัดหน้าผาหินหลาย ๆ จุด
ในปัจจุบันประเพณีนี้ยังไม่ได้หายไปไหนนะครับ แต่มีแค่เฉพาะในเมืองซากาด้าเท่านั้น ที่อื่นไม่เหลือแล้ว จากข้อมูลของคนในพื้นที่บอกว่าการแขวนโลงศพครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2010
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปยังเมืองซากาด้า เพื่อเยี่ยมชมประเพณีการแขวนโลงศพ ซึ่งก็เป็นผลดีกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้พวกเขา
มีเรื่องน่าแปลกคือเคยมีนักท่องเที่ยวแอบหยิบฉวยกระดูกคนตายกลับไปเป็นของที่ระลึก อยากถามว่าไม่กลัวกันบ้างหรืออย่างไร !
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
