22 มี.ค. 2021 เวลา 02:09 • สุขภาพ
อย่าได้ดมผ้าห่มตากแดด เพราะคุณอาจสูดซากเจ้าพวกนี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว!
4
สูดเข้าไปเต็มปอดกันเลยทีเดียว
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านการดมหมอน ผ้าห่ม ฟูก หรือพวกเครื่องนอนต่าง ๆ ที่ตากแดดนอกบ้านกันมาบ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะนะ (ส่วนผมนี่ฟอดใหญ่แทบทุกรอบ) จะด้วยต้องการทดสอบว่าที่เราตากไปน่ะมันใช้ได้หรือยัง หรืออะไรก็ตาม
1
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่า “กลิ่นหอมแดด” น่ะมันช่างฟินซะเหลือเกินว่าไหมครับทุกท่าน!
อย่าหาทำ!
แต่จากการศึกษากันมาอย่างจริงจัง ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเผยว่า ที่เราดมกันน่ะมันไม่ใช่กลิ่นหอมที่มาจากแสงแดดอย่างที่เข้าใจกันหรอกนะ แต่มันคือ “กลิ่นซาก” ที่อยู่ในฟูก ผ้าห่มหรือพวกเครื่องนอนต่างหากล่ะ!
2
ว่าแต่มันคือกลิ่นซากอะไรกันนะ!?
ที่เราคิดว่าเป็นกลิ่นของแสงแดด ที่ช่างหอมชื่นใจนั้น แท้จริงแล้วมันเกิดจาก “ซากตัวไรฝุ่น” ต่างหากล่ะครับ!
4
“ไรฝุ่น” (Dust Mites) หรือ “ไรฝุ่นบ้าน” (House Dust Mites) คือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ สีขาวคล้ายฝุ่น ขนาดราว ๆ 0.3 มิลลิเมตร มี 8 ขา เคลื่อนที่รวดเร็วปะปนอยู่ในฝุ่น ยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พวกมันชื่นชอบบริเวณที่มีแสงน้อย โปรดปรานความอับชื้น และเกลียดชังความแห้งแล้ง
ขนลุก!
พวกมันแฝงตัวอยู่เนียน ๆ ตามที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ตุ๊กตา เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ และดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการกินเศษขี้ไคล ขี้รังแคหรือสารอินทรีย์ที่ปนอยู่ในฝุ่น ไรฝุ่นขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วในที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ และที่ที่มีอุณหภูมิ และความชื้นเหมาะสม (อุณหภูมิ 25 องศา ความชื้น 70-80%)
1
อยู่นี่นะ!
หลังการผสมพันธุ์ได้ 3-4 วัน ตัวเมียจะตกไข่วันละ 3 ครั้ง ครั้งละฟอง จากระยะตกไข่จนเจริญเติบโตเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และพวกมันจะผสมพันธุ์แล้ววางไข่อีกเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ โดยแต่ละตัวนั้นจะมีอายุขัยประมาณ 2 เดือน
2
ระหว่างการดำรงชีวิตพวกมันจะถ่ายมูล หลั่งสารเมือกระหว่างตกไข่ และลอกคราบเพื่อการเติบโต ซึ่งสิ่งที่มากับไรฝุ่นล้วนเป็นสารก่อภูมิแพ้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทางผิวหนัง หรือว่าทางเดินหายใจ
หนึ่งในอาการแพ้ทางผิวหนัง
ถึงแม้ว่าไรฝุ่นจะมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เราก็สามารถกำจัดไรฝุ่น และมูลของไรฝุ่นเหล่านี้ได้ไม่ยาก ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ครับ
1. หมั่นดูแลทำความสะอาดบ้าน และกำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ
ง่าย ๆ โดยการดูดฝุ่น ปัดกวาด เช็ด ถู นี่แหละครับ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นจนกลายเป็นที่อาศัยของไรฝุ่นนั่นเอง
3
ดูดฝุ่นซะบ้างนะ
ส่วนถ้าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นขอแนะนำวิธีนี้ครับ ให้เรานำเบกกิ้งโซดา มาโรยลงบนฟูกเพื่อขจัดกลิ่น จากนั้นค่อยใช้มือตบฟูกเบา ๆ เพื่อให้เบกกิ้งโซดาค่อย ๆ ซึมเข้าภายใน จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที รอให้กลิ่นอับเหม็นของฟูกหมดไปสักพัก แล้วค่อยนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดบนฟูกให้สะอาด กล่าวคือดูดทั้งเบกกิ้งโซดา และตัวไรฝุ่นไปด้วยในคราวเดียวกันเลย ซึ่งหากเรารู้สึกว่าฟูกยังชื้นอยู่ ก็สามารถทำซ้ำอีกรอบได้ครับ
5
เมื่อเสร็จแล้วก็ใช้แอลกอฮอล์ฉีดพ่นบนผ้าจนเปียก จากนั้นเช็ดถูบริเวณฟูกจนทั่ว จากนั้นรอให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จพิธี
1
2. พยายามเปิดหน้าต่างให้บ้านได้รับแสงแดดจากภายนอกตามโอกาส ทั้งนี้เพื่อให้อากาศถ่ายเท และลดความอับชื้นภายในห้อง เครื่องนอน และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ
3
เปิดประตู-หน้าต่างรับแดดเสียบ้าง
3. หมั่นนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าม่าน ตุ๊กตาขน ฯลฯ ไปทำความสะอาด เพื่อลดความอับชื้น และกำจัดฝุ่นอยู่เสมอ ซึ่งการซักนั้นสามารถกำจัดไรฝุ่น และมูลของมันออกไปได้มากถึง 98%
2
นอกจากน้ำยาซักผ้าแล้ว ถ้าให้ดีเราควรเติมน้ำอบจีนลงไปนิดหนึ่ง แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ก็จะสามารถขจัดไรฝุ่นได้ผลเพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนถ้าตากแดด โดยทั่วไปไรฝุ่นจะตายหลังจากได้รับแสง 10 นาที แนะนำให้ตากแดด 2 อาทิตย์/ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรนำออกมาตากแดดนาน 3 ชั่วโมง สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำก็คือ 11.00 -15.00 น. และต้องใช้ไม้หรืออะไรก็ตามทุบที่ฟูกบ่อย ๆ เพื่อให้ซากไรล่วงตกลงมาด้วยนะครับ
ตากแดดอย่างเหมาะสม
เมื่อนำฟูกตากแดดเสร็จให้หา “หญ้าเฮียเฮียะ”  (Artemisia argyi) มาวางไว้ข้างใต้ฟูก เพราะกลิ่นของหญ้าชนิดนี้สามารถช่วยไล่ไรฝุ่นได้ดีมาก
1
4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน ที่สามารถลดการสะสมของฝุ่น และป้องกันการเข้าไปฝังตัวของไรฝุ่นได้ อาทิหลีกเลี่ยงการใช้พรม ผ้าม่าน โซฟาผ้า หรือตุ๊กตามีขน เป็นต้น
สรุปแล้วไรฝุ่นนั้นถึงจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี ฉะนั้นทางที่ดีอย่าลืมทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เพื่อช่วยกำจัด และป้องกันไรฝุ่น ก่อนจะสะสมหนักจนทำให้เราป่วยได้นะครับ
เพื่อจะได้สุขภาพดี หลับสบายครับผม
ขอบคุณทุกการตอบรับ ไม่ว่าจะเป็นการติดตาม, ไลค์, คอมเมนท์ และแชร์ ทุกกำลังใจสำคัญเสมอ ขอบคุณครับ
1
แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า สวัสดีครับ
1
ขอบคุณที่มา
 

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา