แกรมมี่เปิดรายได้ปี 2563 พบว่ามีรายได้กว่า 5,000 ล้าน แต่ขาดทุน 150 ล้านบาท
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2563 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีรายได้ทั้งหมดกว่า 5,032 ล้านบาท แต่กลับมียอดขาดทุนอยู่ที่ 149 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
โดยรายได้ของแกรมมี่แบ่งออกเป็นรายได้จากการขายสินค้า 1,696,545,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,092,833,000 บาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจ Home Shopping 1,539.3 ล้านบาท และธุรกิจ GMMZ 211.8 ล้านบาท, รายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 158,465,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 142,834,000 บาท, รายได้จากการผลิตภาพยนตร์ 210,866,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 382,831,000 บาท, รายได้จากการบริหารและค่าที่ปรึกษา 61,702,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 147,822,000 บาท, รายได้จากธุรกิจโชว์บิซและจัดหาอุปกรณ์ 1,461,221,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,204,542,000 บาท, รายได้จากการให้บริการอื่น 22,242,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 30,576,000 บาท และรายได้ค่าลิขสิทธิ์ 1,360,517,444 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,600,780,000 บาท
ทำให้มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,032,068,563 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 6,634,049,476 บาท ทำให้มียอดขาดทุนอยู่ที่ 149,630,479 บาท จากกำไรในปี 2562 ที่มีอยู่ที่ 374,695,374 บาท
สำหรับส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในการร่วมค้าในระหว่างปีของแกรมมี่ มี 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 216,961,000 บาท มากกว่าปี 2562 ที่ได้ส่วนแบ่งกำไรเพียง 60,980,000 บาท และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 191,855,000 บาท มากกว่าปี 2562 ที่มีส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 70,535,000 บาท ทำให้มีส่วนแบ่งกำไรทั้งหมดอยู่ที่ 408,816,000 บาท
สำหรับงบกำไร(ขาดทุน) ของกลุ่มบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ในปี 2563 มีรายได้อยู่ที่ 3,216 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 635 ล้านบาท มากกว่าปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,782 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 174 สำหรับกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด นั้นไม่มีรายงานในปี 2563 เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2563 บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (การร่วมค้าแห่งหนึ่งของบริษัทฯ) ได้เข้าลงทุนในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัทย่อยซึ่งประกอบธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อวิทยุ โดยมีมูลค่าการลงทุนจำนวน 2,200 ล้านบาท
ในส่วนของส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมในระหว่างปี แบ่งเป็น บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 13,599,000 บาท จากรายได้อยู่ที่ 87 ล้านบาท และขาดทุนอยู่ที่ 54 ล้านบาท และบริษัท นาดาว บางกอก จำกัด ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 8,995,000 บาท จากรายได้ที่อยู่ที่ 315 ล้านบาท และกำไรทั้งหมดอยู่ที่ 38 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่มีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 1,190,000 บาท ทำให้มีส่วนแบ่งขาดทุนรวม 3,414,000 บาท
โดยความคืบหน้าหลังการรายงาน คือ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 1/2564 ได้มีมติอนุมัติการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัดกับบริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และอนุมัติให้จัดตั้งกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่างทั้งสองบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 50 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 บริษัทฯได้เข้าทำหนังสือแสดงเจตจำนงกับบริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทฯได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นของบริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในจำนวนไม่เกิน 59.94 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 9.99 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวในราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก และกำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิดังกล่าวไม่เกินวันที่ 7 กรกฎาคม 2564
เขียนโดย กฤตนัน ดิษฐบรรจง
คิดถึงเรื่องสื่อ เปิด #ส่องสื่อ
ติดต่อโฆษณา ad@modernistthai.com
- 7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
