10 เม.ย. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยาย 20 ตอน เรื่อง
"See you at the finish line - พบกันที่เส้นชัย"
ตอนที่ 20 - พบกันที่เส้นชัย (จบ)
ฝนยังไม่ทันจะ -คุยกันก่อนก็ดี- อย่างที่โค้ชเปอร์เสนอ ส่วนเจ๋งเมื่อวิ่งตามไปทันกับดรีมที่ฝ่ายต้อนรับลูกค้าด้านหน้า ยังไม่มีโอกาสได้อธิบายใด ๆ คุณวงศกรผู้บริหารของสตาร์สปอร์ตก็เปิดประตูเดินนำขวัญหทัยหัวหน้าทีมประชาสัมพัน์ธ์เข้าบริษัทมาพอดี
เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นหลังเวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ขวัญหทัยสรุปเรื่องราวทุกอย่างอีกครั้งอย่างรวบรัด วงศกรขอบคุณพรีเซนเตอร์หลักทั้งสองคนที่ร่วมงานกันมาด้วยดีตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวคำอำลาก็ทิ้งระเบิดตูมใหญ่โดยไม่รู้ตัว
“คุณฝนเตรียมตัวเรียบร้อยรึยังครับ” เขาหันมาทางหญิงสาวร่างเล็กที่วันนี้ปล่อยผมยาวประบ่า
“คะ?!” ฝนไม่ทันตั้งตัวกับคำถาม
“ก็เรื่องไปทำงานที่สิงคโปร์ไงครับ ผมชื่นชมไปเต็มที่กับทางบริษัทแม่ ทีมทางฝั่งนู้นก็เตรียมต้อนรับคุณฝนกับคณะกันยกใหญ่ บอกตรง ๆ ผมประทับใจการทำงานของคุณฝนมาก ๆ" วงศกรมองด้วยสายตาชื่นชมเปิดเผย
“ถ้าเกิด -คุณฝน- เค้าไปไม่ได้ล่ะ” เจตนิพัทธ์ถามเสียงเครียดกับเพื่อน โดยเน้นชื่อคนต้นเรื่องให้เจ้าตัวรับรู้
“เฮ้ยไอ้เจ๋ง จะเก็บไว้ใช้งานคนเดียวไม่ได้นะเว้ย อย่ากีดกันอนาคตลูกน้องแบบนี้ ใครจะไปได้ดีเราต้องสนับสนุนสิวะ ทางนู้นเค้าก็รู้ว่างานที่เพิ่งจบไปใครเป็นคนนำทัพจับศึก ถ้ามึงไม่ให้คุณฝนไป กูว่าทางนู้นก็ไม่เซ็นสัญญากับบริษัทมึงแน่”
หลังคำพูดของวงศกร ไม่มีใครพูดหรือขยับตัวทำอะไร ความอึดอัดเกิดขึ้นชั่วขณะ เจ๋งมองปราดไปยังผู้หญิงสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เรนนี่จับจ้องตาละห้อยไปยังโค้ชหน้าเข้ม ส่วนคุณดรีมสบตาเขาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วผินหน้าไปทางอื่น เขายักไหล่ขึ้นอย่างจนใจ
เขารู้ตัวว่าอาจจะพูดแรงไปกับสายฝน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากความจริงใจและปรารถนาดีที่อยากจะเห็นความก้าวหน้าของเธอ โอเค อาจจะผสมอาการหมั่นไส้ไอ้โค้ชขายาวที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลทางความคิดกับเธอไปด้วยนิดหน่อย
“กูกีดกันที่ไหน ถางพงถางหญ้าปูพรมแดงให้พร้อมแล้วต่างหาก” เจ๋งตอบเพื่อนพร้อมเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ
ใช่ ปูพรมแดงให้ขนาดนี้ จะเลือกทางที่ลำบากกว่าก็ตามใจ
เจ๋งหันไปมองเสี้ยวหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอนั่งสบาย ๆ มองตรงไปยังถนนข้างหน้า แต่ปากบางสวยนั้นปิดสนิทไม่เจรจาพาทีอย่างเคย
เขาอาสาจะขับรถไปส่งเธอยังที่พักตามปกติ เธอก็พยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถมาเหมือนเคย แต่ความเงียบจนน่าอึดอัดนี้ผิดปกติกว่าทุกครั้ง เขายังไม่แน่ชัดว่าทำอะไรผิดลงไป แต่จากสายตาที่เธอมองมาด้วยแววตาอย่างคนผิดหวังก็บอกให้รู้ว่า เขาคงทำอะไรบางอย่างลงไปให้เธอไม่พอใจ
เอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเพลงบรรเลงที่เธอชอบเบา ๆ หวังให้บรรยากาศในรถผ่อนคลายลง เห็นเธอหลับตาพิงหลังลงเบาะพนัก เขาก็เบาใจ
เมื่อนำรถเข้าจอดที่หน้าคอนโด เขาก็กุลีกุจอไปเปิดท้ายรถหยิบถุงต่าง ๆ ที่ทางสตาร์สปอร์ตนำมาให้วันนี้ เตรียมจะหอบหิ้วขึ้นไปให้เธอบนห้องอย่างเคย พอปิดท้ายรถก็เห็นเธอยืนอยู่ข้าง ๆ ยื่นมือจะมารับสัมภาระไป เขาเบี่ยงตัวหลบเป็นสัญญาณให้รู้ว่าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง เธอยักไหล่น้อย ๆ แล้วเดินนำหน้าเข้าอาคารไป
วางของเรียบร้อยเจ๋งก็เอ่ยขึ้นเอง เมื่อยืนรอแล้วหญิงสาวไม่พูดอะไรต่อจากคำว่า “ขอบคุณค่ะ”
“คุยกันได้รึยังครับ”
ดรีมมองสบตานิ่ง ๆ ยากจะเดาว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
“คุณดรีมไม่พอใจผมเรื่องอะไรครับ”
เธอยังคงเงียบดังเก่า สายตาไหววิบเพียงเสี้ยววินาที
“ที่ผมพูดกับเรนนี่ ผมยังยืนยันคำเดิม ว่านึกถึงประโยชน์ของเธอเป็นที่ตั้ง ต่อให้ผมหมั่นใส้โค้ชนั่นแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมยังจะกีดกันคนทั้งคู่อยู่นะครับ”
ดรีมถอนหายใจ ในที่สุดก็ตอบกลับด้วยเสียงแห้งแล้งว่า
“เอาจริง ๆ นะคะ ดรีมก็ไม่รู้เหมือนก้นว่าไม่พอใจเรื่องอะไร รู้แต่ว่าตอนที่ได้ยินคุณสองคนทะเลาะกัน มันน่าโมโหมาก นี่ดรีมก็ยังไม่ทันได้มีเวลามาวิเคราะห์ตัวเองจริง ๆ จัง ๆ ว่าไม่พอใจตรงไหน"
“คุณดรีมคิดว่าผมวุ่นวายกับเรนนี่มากเกินไป?”
“คงอย่างนั้นมั้งคะ ดรีมได้ยินเสียงดังจากห้องก็รู้สึกว่าคุณเจ๋งใส่อารมณ์กับคุณฝนจนเกินไป ทำไมต้องโมโหขนาดนั้น แล้วพูดจาดูถูกโค้ชเปอร์แบบนั้นก็ไม่น่าฟัง”
เจ๋งระบายยิ้มทั่วหน้า เขารู้แล้วว่าดรีมไม่พอใจเรื่องอะไร
“เรื่องแค่นี้เอง ถึงกับเดินหนีเลยเหรอครับ” เขาเดินเข้าไปใกล้เอ่ยถามเสียงเบา
“นั่นน่ะสิคะ” ดรีมหลบตามองลงพื้นส่ายหัวให้กับตัวเอง เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันไร้สาระเหมือนกัน
เจ๋งเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากับเขา “คุณหึงผม”
ดรีมสบตาสวยได้รูปของเขา อยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก -หึงรึ- เอ หรือว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ช่วงหลังมานี่ที่เขามาป้วนเปี้ยนในชีวิตเธอจนกลายเป็นความเคยชิน ระยะห่างที่เธอวางไว้ระหว่างกัน มันอาจจะใกล้เข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ การที่ได้เห็นเขายังมีเยื่อใยไมตรี เป็นห่วงเป็นใยอนาคตของคนรักเก่า ทำให้เธอไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว
เจ๋งอ่านสายตาสับสนของเธอออก เขาจึงก้มลงประทับรอยจูบแผ่วเบา เธอยืนนิ่งไม่ได้จูบตอบ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขาน เขาจึงจูบเธออีกครั้ง ค่อย ๆ สำรวจริมฝีปากบางชิมรสหวานช้า ๆ จนเธอค่อย ๆ ตอบสนอง พากันล่องลอยวิ่งวนอยู่บนทุ่งดอกไม้ เธอลืมตามองหน้าเขา ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่ทำให้เขาหัวใจละลาย
“สงสัยดรีมจะหึงอย่างคุณว่า” เธอหัวเราะเก้อ ๆ
“ความหึงหวงคือศัตรูของความไว้ใจ แต่ทำไมตอนนี้ผมดีใจจนตัวจะลอยแล้วก็ไม่รู้” เขาสวมกอดเธอแน่นฝังจมูกสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผม
เธอดันหน้าอกเขาเบา ๆ เพื่อดึงตัวออก เขาขืนรั้งไว้ด้วยการกอดกระชับแน่นกว่าเดิม
“ถ้ายอมรับว่าหึงก็อย่าผลักผมออกไปอีกเลย” เขาหมายความถึงทั้งรูปธรรมและนามธรรม
“แต่คุณกำลังจะไปทำงานที่สิงคโปร์เป็นปี ดรีมว่าอย่าเพิ่งเริ่มความสัมพันธ์อะไรให้มันยุ่งยากดีมั้ยคะ” เธอยิ้มน้อย ๆ
“โธ่ สิงคโปร์แค่นี้ ผมบินไปบินกลับทุกวันก็ได้” เขาหัวเราะ รู้สึกโลกสดใสไปหมดในตอนนี้
“จริงเหรอคะ” เลิกคิ้วถาม
“ไม่จริงครับ แต่สิงคโปร์แค่นี้น่ะจริงครับ มันไม่ได้ไกลกันเลย คุณจะไปหาผม หรือผมจะกลับมาหาคุณได้บ่อยเท่าบ่อยจนคุณรำคาญเลยล่ะ แล้วการสื่อสารสมัยนี้ด้วยแล้ว ผมรับรองว่าคุณแทบจะไม่รู้สึกว่าผมอยู่ไกลคนละประเทศ”
“ฝนไม่อยากอยู่ห่างกันคนละประเทศกับพี่” คือคำตอบที่เธอกลั่นออกมาในที่สุด เมื่อคนรักที่ยืนหน้าเข้มอยู่ที่ระเบียงห้องพักของเธอคาดคั้น
ฝนมองไกลออกไปยังหมู่ตึกน้อยใหญ่ในราตรีของเมืองหลวง ไฟที่ระยิบระยับตลอดเวลาทำให้เธอไม่สามารถรวมสมาธิได้ จึงหันหลังพิงระเบียงและมองเข้าไปในห้องแทน
“แต่ฝนกำลังจะทิ้งความก้าวหน้าในชีวิตไป” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ฝนไม่แคร์”
“แต่พี่แคร์” เสียงเข้มขึ้นคล้ายดุ
เธอใจเสียกับเสียงนั้น โผเข้าไปกอดคลอเคลียหวังให้เขาลดอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นลงมาได้บ้าง “พี่เปอร์อย่าดุฝน”
เขากอดตอบลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วก็ขยี้แรง ๆ ปิดท้าย เท่านี้เธอก็รู้ว่าอารมณ์เขาเย็นลงแล้ว ความเงียบเข้ามาโอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ แต่เสียงในหัวก็ดังลั่นจนสัมผัสกันและกันได้อยู่ดี จึงเงยหน้าสบตาแล้วหัวเราะให้กัน
“อ่ะพี่เปอร์อยากพูดอะไรพูดก่อน” เธอให้โอกาสเขาเริ่ม
“ฝนรู้ใช่มั้ย กีฬาอย่างการวิ่งคือกีฬาที่ต้องต่อสู้ลำพัง เราอาจจะมีเพื่อนร่วมทางในบางจังหวะ หรือวิ่งผ่านใครบางคนที่คอยเชียร์อยู่ข้างทาง แต่สุดท้ายในขณะที่วิ่งเราก็ต้องใช้ร่างกายและหัวใจตัวเองผลักดันให้ไปข้างหน้า โลกของนักวิ่งจึงเป็นโลกที่โดดเดี่ยวลำพังและถึงแม้อยากเปิดให้ใครมาวิ่งข้าง ๆ มันก็ทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายก็ต้องวิ่งคนเดียวต่อสู้คนเดียวอยู่ดี”
เขาพยายามถ่ายทอดความในใจออกมาเป็นคำพูดให้ได้ดีที่สุด
“ดังนั้นไม่ว่าฝนอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลพี่ ถ้าพี่เข้าไปอยู่ในโลกของการวิ่ง ฝนก็ไกลออกไปอยู่ดี”
ฝนขมวดคิ้ว เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังจะบอกอะไร “พี่เปอร์หมายความว่า…" เธอพยายามนึกคำพูด แต่เขาก็แทรกขึ้น
“พี่ไม่คิดว่าจะขอให้ฝนตามไปด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบทั้ง ๆ ที่ยังกอดร่างเล็กไว้แน่น
“อ้าว” พึมพำด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“พี่มีแต่คำถามว่าจะไปหรือไม่ไปต่างหากล่ะ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก้มลงมาหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ แล้วอธิบายต่อ “พี่ไม่กล้าให้ฝนเสียสละขนาดนั้น การที่ฝนตามไปก็หมายถึงต้องทิ้งทุกอย่างไว้กลางคัน ทั้ง ๆ ที่ฝนกำลังจะก้าวหน้าในอาชีพการงาน และก็กำลังได้ใช้ชีวิตเต็มที่ ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่ฝนควรจะได้สนุกกับทุกอย่าง งาน เพื่อน ชีวิต และความรัก"
“แล้วยิ่งตอนนี้พี่มาได้รู้ว่าฝนจะได้ไปทำงานที่สิงคโปร์อีก คราวนี้พี่ก็ตัดสินใจง่ายเลย”
“ง่ายเลยเหรอคะ?” ฝนถามเสียงสูงคล้ายหูฝาดไป
“ใช่ ง่ายเลย พี่ไปทางของพี่ ฝนไปทางของฝน เราต่างไปทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด แล้วค่อยกลับมาพบกันใหม่"
“มันง่ายตรงไหนคะพี่เปอร์ มันแปลว่าเราต้องแยกกันนะคะ” เธอทำเสียงเว้าวอน
“นึกซะว่าเราลงงานวิ่งเดียวกันแต่คนละระยะก็แล้วกัน ไม่ว่าจะวิ่งช้าวิ่งเร็ว ยังไงเราก็ต้องวนกลับมาพบกันที่เส้นชัย ใครมาถึงก่อนคนนั้นก็พักก่อนแล้วก็รอรับอีกคน ชีวิตก็แบบเดียวกันนั่นแหละฝน ต่อให้เราวิ่งระยะเดียวกันก็ไม่สามารถวิ่งเคียงคู่กันได้ เพราะความเร็วในการวิ่งของเราไม่เท่ากัน ยังไงก็ต้องนัดหมายเจอกันที่เส้นชัยอยู่ดี แค่ปีเดียวเอง” เขาประคองใบหน้าที่แสนรักขึ้นมาสบสายตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน
“พี่ขอพูดแบบแม่ฝน ไปใช้ชีวิตของตัวเองนะ แล้วเอาความรักของพี่ติดไปด้วย”
ฝนคล้ายว่าจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกอบอุ่นกับความรักความปรารถนาดีที่ไม่เห็นแก่ตัวของคนรัก โอเค ที่จริงมันก็แค่ปีเดียวอย่างที่ทุกคนบอกนั่นแหละ
“แต่เรื่องนี้ก็จะต้องมีการทำโทษชุดใหญ่กันบ้าง ฝนเล่นปรึกษาทุกคนยกเว้นพี่ได้ไง”
“ชุดใหญ่เลยเหรอคะ” ฝนทำเสียงซุกซนแววตาเป็นประกาย
“อืมม ชุดใหญ่” เขาแกล้งกัดฟันพูดเสียงเข้ม ก้มลงไซร้ที่ซอกคอจนเธอดิ้นขลุกขลักหัวเราะระรื่นในอ้อมกอด
ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะแยกจากหัวใจที่ตามหาจนเจอไปตั้งเป็นปี เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่เธอตัดสินใจจะตามเขาไป แค่คิดว่าจะไม่ได้พบหน้ากันเป็นหลายร้อยวันห่างไกลกันคนละมุมโลกหัวใจก็ร้าวรอนเสียแล้ว แต่ในวัยวันที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิต ถ้าเขาจะเห็นแก่ตัวดึงเธอมาไว้เคียงข้าง เธอคงพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้โลกกว้างมากมายในที่สุดก็จะสัมผัสได้แต่เพียงความรักที่เต็มไปด้วยอ้อมกอดอันแสนอึดอัดเท่านั้น
เขาอยู่ในโลกแห่งการวิ่งมายาวนาน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิต ทุกคนที่ลงสนามวิ่งมีจังหวะความเร็ว และเทคนิคที่ต่างกัน ไม่ว่าเป้าหมายของการวิ่งจะเป็นอะไร ทุกคนย่อมมุ่งหน้าไปยังเส้นชัย จึงเป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยให้เธอไปโลดแล่นสนุกสนานในสนามของเธอ แล้วนัดพบกันที่เส้นชัย
เมื่อมาพบกัน จูงมือกอดคอกันไปพักผ่อนให้คลายหายเหนื่อย แล้วจะไปลงสนามใหม่หรือพักยาวก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ ณ ตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ต้องทำโทษกันชุดใหญ่ตามสัญญา
“ฝนขอสัญญาจากพี่ข้อเดียว” เธอยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้ไม่ให้แกล้งชั่วคราว
“หืม??”
“หัดใช้อินเตอร์เนตนะคะ ถ้าพี่สัญญา ฝนก็จะไปทำหน้าที่ของฝนให้ดีที่สุด แล้วกลับมาพบกันที่เส้นชัยของเราค่ะ”
1
เขาชูนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้า เธอเกี่ยวนิ้วก้อยรับ ทั้งสองคนสบประสานสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ แม้จะต้องไปลงสนามชีวิตคนละสนาม แต่ความรักที่จะตามติดทั้งคู่ไปก็ทำให้เชื่อมั่นว่า
ณ ที่เส้นชัยจะได้พบกันและกันอีกครั้ง
---- จบ -----
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนจบนะคะ ยินดีน้อมรับคำติชมทั้งหมดค่ะ ไม่ว่าจะชอบหรืออยากให้ปรับปรุงอะไรฝากคอมเม้นท์ไว้ให้ด้วยนะคะ
🙏❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา