Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
1 เม.ย. 2021 เวลา 06:13 • นิยาย เรื่องสั้น
3.1. เส้นทางที่แตกต่าง
ซุนกวน พยัคฆ์หยกทักษิณ - โกะหยง อัจฉริยะม่อจื้อ- อิ๋นฉาง ปราชญ์คุณไสย
ณ เมืองต๋องง่อ ฐานใหญ่แดนกังตั๋ง เกิดข่าวความเคลื่อนไหวที่ไม่ได้สำคัญมากนัก แต่น่าแปลกประหลาดไม่น้อย กล่าวคือ อิ๋นฉาง ปราชญ์คุณไสย หนึ่งในเจ็ดนักปราชญ์เจี้ยนอาน นำพาบัณฑิตสายม่อจื้อวัยใกล้สี่สิบปีนาม โกะหยง เข้าสวามิภักดิ์ต่อผู้นำซุนกวนโดยตรง เพื่อไม่ให้ต้องผ่านระเบียบวิธีการเยิ่นเย้อ จึงถูกทดสอบความสามารถด้านวิชาการเป็นกรณีพิเศษด้วยด่านทักษะ “ความรู้ ศิลปะ และวิสัยทัศน์ โดยสามเสาหลักแห่งกังตั๋ง เตียวเจียว โลซก และจิวยี่ตามลำดับ
ด่านแรก เป็นการทดสอบความจำ ความรอบรู้ทางตำราที่เตียวเจียวสอบถาม ล้วนถูกโกะหยงโต้ตอบชี้แจง และอ้างอิงด้วยหลักการม่อจื้ออย่างเฉลียวฉลาด เปิดโลกทัศน์ให้ขุนนางหัวเก่ายังต้องทอดถอนหายใจนับถือ
ด่านที่สอง โลซกเลือกสอบถามถึงแนวทางปฏิบัติในการบริหารแผ่นดินสืบต่อ โกะหยงก็นำเสนอวิธีการจัดการที่เป็นรูปธรรม สอดคล้องกันกับแนวคิดม่อจื้อข้างต้นได้อย่างน่าสนใจ ทำให้โลซกได้แต่ยิ้มระรื่นยกย่อง
ด่านสุดท้าย จิวยี่เลือกตรวจสอบด้วยบริบททางดนตรี ศาสตร์ที่ไม่อาจซุกซ่อนความจริงในใจ โกะหยงก็ทำได้ดี จนจิวยี่ชื่นชมความสันทัด และลึกซึ้งในบทเพลงที่นำเสนอ และมีร่องรอยของคนสายม่อจื้อชัดเจน
โกะหยงผ่านการทดสอบด่านสามเสาหลักแล้ว ได้รับการยกย่องเป็นอัจฉริยะ ถึงกับได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่สายบุ๋นลำดับสาม รองจากเตียวเจียว โลซก ในทันที นับว่า เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความก้าวหน้าที่สุดในช่วงยุคสมัยของซุนกวน
ต้องทราบว่า หลังจากซุนกวนก้าวขึ้นมารับช่วงตำแหน่งผู้นำต่อจากซุนเซ็กแล้ว ระเบียบแบบแผนต่างๆถูกถักทอขึ้นด้วยฝีมือจัดการของสี่เสาหลักกังตั๋ง กลายเป็นขั้นตอนการปฏิบัติที่กลั่นกรองคนที่มีศักยภาพ กลับทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถตำหนิค่อนขอดว่า เป็นกฏเกณฑ์ที่ยุ่งยากเกินไป แต่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาโต้แย้งได้หนักแน่นมาก่อน
ภายหลัง อิ๋นฉางจึงยอมเฉลยว่า มันค้นพบเพชรเม็ดงามซ่อนกายอยู่ตะเข็บชายแดน เมื่อลองทดสอบด้วยตนเองแล้ว พบว่า มิอาจยินยอมให้เสียเวลาเปล่า จึงจำต้องด้านหน้าฝืนแรงเสียดทานนำเสนอต่อผู้นำหนุ่มโดยตรง เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับดินแดนกังตั๋งอีกแรงหนึ่ง “หากไม่ติดเรื่องขงจื้อ ม่อจื้อที่เป็นลัทธิคู่แข่งกัน มันคงต้องผลักดันให้โกะหยงขึ้นเป็นทายาทสืบทอดสำนักหอสมุดแล้ว”
โกะหยงมิได้ทำให้ผู้คนผิดหวัง แบ่งเบาภาระการจัดการภายในขุมกำลัง ช่วยเหลือการงานให้กับเตียวเจียว โลซก ได้สมศักดิ์ศรี จนเป็นที่ไว้วางใจให้กับซุนกวนเป็นยิ่งนัก จนกล่าวได้ว่า เตียวเจียวดูแลงานบริหารแผ่นดิน งานปกครอง โลซกจัดเตรียมงานคลัง การทูต และโกะหยงดูแลงานผลิต งานพัฒนา
...
รัชสมัยเหี้ยนเต้ปีที่สิบหก ร่วมยี่สิบปีแล้วนับจากที่หน่วยปักษาสวรรค์รุ่นที่สองมาถึง และเกิดการแตกแยกของระบบการปกครอง จนทำให้จ้าวนครตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลมายาวนาน หากประเมินสถานการณ์ของแผ่นดินฮั่นในช่วงเวลานี้ ขุมกำลังแจ้งทั้งหลายเริ่มจะเห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจน
เจ้าพระยาปราบอุดร โจโฉ ในวัยห้าสิบปีสามารถยึดกุมอำนาจรัฐบาล ครองดินแดนกลาง-เหนือ-ตะวันออก อันได้แก่ อิจิ๋ว กุนจิ๋ว เซียงจิ๋ว หยงจิ๋วบางส่วน (กลาง) กิจิ๋ว เปงจิ๋ว อิวจิ๋ว (เหนือ) ชีจิ๋ว เฉงจิ๋ว และห้วยหนานบางส่วน (ตะวันออก) นับรวมเกือบสิบมณฑลจากจำนวนทั้งหมดสิบห้ามณฑล
แม้ว่าจะมีขนาดพื้นที่เพียงหนึ่งในสามส่วน แต่ด้วยความที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจดั้งเดิมที่รวบรวมความเจริญสูงสุดของแผ่นดินฮั่น พื้นดินอุดมสมบูรณ์ การคมนาคมสะดวก เชื่อมโยงกันทั้งทางบกทางน้ำ และมีคนเก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊มากมายที่ยินยอมร่วมมือเสริมทัพ จึงสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างรวดเร็ว สมควรถือเป็นกลุ่มก้อนที่มีกองทัพแข็งแกร่งและฐานะการเงินการคลังมั่นคงที่สุดแล้ว
รองลงมา อาจจะสมควรเป็นกลุ่มของสองเชื้อพระวงศ์สูงวัยสกุลเล่าที่มีเล่าเปียวครองมณฑลเกงจิ๋วเหนือ-ใต้ กับมณฑลห้วยหนานบางส่วน และหนุ่มใหญ่เล่าเจี้ยงครองมณฑลเอ๊กจิ๋วกึ่งหนึ่ง กับมณฑลหนานจงบางส่วน จนคล้ายครองดินแดนส่วนกลางตั้งแต่ภาคกลางไปจรดภาคตะวันตก
มีนัยยะสำคัญทั้งขนาดพื้นที่อีกหนึ่งในสามส่วน และสภาพเศรษฐกิจที่ดีระดับหนึ่งจากการปลอดภัยสงครามในพื้นที่มานาน สามารถสะสมคลังเสบียงไว้ได้มากมาย แต่ทางด้านบุคคลากรกลับเริ่มมีปัญหา คนมีฝีมือถดถอย คนมีปัญญาตีจาก คล้ายป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ที่รอวันให้ถูกทำลายล่มสลายไปอย่างช้าๆ หากมิอาจแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา
ตามมาด้วยพยัคฆ์หยกกังตั๋งสกุลซุนที่ใช้เมืองต๋องง่อเป็นเมืองหลัก ยึดกุมดินแดนกังตั๋งทางใต้ ซึ่งก็คือมณฑลเองจิ๋วไว้แทบหมดสิ้น และที่จริงคือมีความสัมพันธ์ทางลับ เชื่อมโยงอยู่กับพวกสกุลม้าทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ยึดครองมณฑลเหลียงจิ๋ว กับหยงจิ๋วบางส่วน ทำให้ผู้นำซุนกวนในวัยเพียงยี่สิบสามปีครองพื้นที่นับรวมได้เป็นอันดับที่สาม
ด้วยพลังเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยฝีมือพลิกฟื้นจากสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยกของเจ้าพ่อการค้าเกียวชวน บ่มเพาะเมืองต๋องง่อเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทั้งทางบกและทางทะเล พัฒนาสินค้าพื้นเมืองเชื่อมโยงไปสู่นานาประเทศ สร้างความหวังใหม่ให้กับผู้คนเป็นอย่างยิ่ง จนคนรุ่นใหม่ลุ่มหลงเชื่อมั่น ต่างทะยอยเข้าสู่ขุมกำลังแห่งนี้ไม่น้อยหน้าฝ่ายรัฐบาลโจโฉเลย
สุดท้าย ก็คือ เตียวล่อแห่งฮันต๋ง ซึ่งยึดครองมณฑลเอ๊กจิ๋วกึ่งหนึ่ง และทำตัวเหมือนเป็นเอกเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด แต่อาจพอเรียกได้ว่า เป็นส่วนเสี้ยวสุดท้ายของพรรคฟ้าเหลืองแล้ว หลังจากสูญเสียมณฑลเปงจิ๋วและขุนพลระดับรองเตียวเอี๋ยนที่แปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายโจโฉในการศึกหลังสมรภูมิกัวต๋อเมื่อไม่นานมานี้
เดิมที เตียวล่อนับเป็นคนมีชื่อเสียงในฐานะทายาทลัทธิข้าวเปลือกห้าทะนาน และได้เข้าร่วมกับพรรคฟ้าเหลืองจนถึงวาระสุดท้าย อุดมการณ์และความหวังของพวกขบถโพกผ้าเหลืองจึงยังคุกรุ่นระอุในจิตใจของชาวบ้านที่ยังศรัทธาเชื่อมั่น ไม่แยแสต่อราชวงศ์ฮั่นมาเนิ่นนาน ทำให้เมืองฮันต๋งยังคงเคารพเตียวล่อดั่งเซียนผู้วิเศษ นับถือในเวทมนต์ไสยศาสตร์เร้นลับมาโดยตลอด
ยังมีคำร่ำลือกันถึงขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองซึ่งถูกซุกซ่อนอยู่ในสถานที่เร้นลับ ทรัพย์สมบัติอันมหาศาลที่พวกผู้วิเศษเตียวก๊กสะสมมาร่วมสิบกว่าปี สมควรเพียงพอจะเกื้อหนุนกองทัพระดับร้อยหมื่นได้นานนับปี กลับตกอยู่ในมือของจ้าวลัทธิข้าวเปลือกห้าทะนานคนปัจจุบัน
…
ส่วนขุมกำลังลับทั้งหลายที่กำลังดำเนินแผนการใต้ดินอยู่นั้น ดูเหมือนความก้าวหน้าในวงกว้างยังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก แต่ก็สามารถยึดกุมอำนาจในเบื้องลึกได้บ้างแล้วตามแผนการ และจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
เร่ิมต้นจากกลุ่มแรกคือ ขุมกำลังสัตตดาราที่สืบทอดปณิธานต่อมาจากพรรคฟ้าเหลือง เตียวหยุน-เตียวจูล่ง ผู้นำคนใหม่ในวัยสี่สิบห้าปี ได้พยายามผลักดันสร้างอำนาจด้วยกำลังทัพตามสถานการณ์อยู่หลายครั้งในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ประสพผลสำเร็จมากนัก กลับเป็นการสูญเสียลูกน้องคนสนิทไปทีละคนสองคน รวมทั้งกองกำลังฟ้าเหลืองที่แอบแฝงอยู่ตามจุดต่างๆ ก็พลอยเปลี่ยนถ่ายไปสู่ขุมกำลังอื่นแทบหมดสิ้นแล้ว
ผู้นำ จูล่ง ยังคงเป็นขุนพลสายองครักษ์ข้างกายเล่าปี่ รัชทายาทพลัดถิ่นที่มีวัยใกล้เคียงกัน จนมีข่าวฉาวอื้ออึงมาเป็นระยะ และเจ้าตัวยังคงไร้ทิศทางสร้างฐานที่มั่นเหมือนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันทั้งนายบ่าว
แต่ดาวดวงอื่นๆที่ยังมั่นคงชัดเจน ตั้งแต่ เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ ยึดกุมตำแหน่งเสาหลักสายบุ๋นในดินแดนกังตั๋ง เตียวเลี้ยว ดาวนักรบ กับ เตียวคับ ดาวอำพราง กลายเป็นสองในห้าขุนพลพยัคฆ์ของโจโฉที่กำลังโดดเด่นที่สุด รวมทั้ง เตียวเสี้ยน ดาวนางงามที่ใช้นามแฝงเปียนสี อิงแอบอยู่ข้างกายโจโฉ จึงยังพอกล้ำกลืนเรียกได้ว่า ยังแฝงตัวเกาะกุมอำนาจทางการเมืองในระดับสูงได้อยู่บ้าง
ส่วนดาวดวงที่ร่วงโรยสูญหายเล่า เตียวหุย ดาวร่ำรวย และเตียวเอี๋ยน สมุนเก่าคนสำคัญทางสายเหนือ ทรยศจากพรรคไปแล้วอย่างชัดเจน ยังคงเป็นเตียวล่อ ดาวปกครอง ที่ยังดูท่าทีไม่แน่ชัด แต่จูล่งก็ยังปลอบใจตนเองเรื่อยมาด้วยความสัมพันธ์คุ้นเคยในอดีตที่มีต่อกัน จนตัวเองก็ไม่กล้าจะพูดจากดดันต่อเตียวล่อตรงๆ ให้ความจริงปรากฏออกมา
…
ขุมกำลังลับกลุ่มที่สอง สมควรนับเป็นสำนักหุบเขาปีศาจของตระกูลซุนที่มีความคาบเกี่ยวกันทั้งทางลับและทางแจ้ง เปลือกนอก ผู้นำการเมืองคือหนุ่มน้อยซุนกวน ผู้นำตระกูลคือซุนแจ้งผู้สันโดษ หากแต่แท้ที่จริงแล้ว ผู้นำสูงสุดกลับเป็นคนเล่นพิณ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวเร้นลับ และพักอาศัยในหุบเขาละทิ้งอดีตอันเป็นฐานที่มั่นสำคัญแห่งหนึ่ง โดยมีบังเต๊กกงเป็นประมุขหุ่นเชิดอยู่อีกคนหนึ่ง
ด้านแจ้งเห็นอยู่แล้วว่า กลุ่มพยัคฆ์หนุ่มรั้งอยู่ในอันดับที่สาม ถือครองพื้นที่อยู่หนึ่งในสามส่วนที่ไม่เชื่อมต่อกัน ฝั่งหนึ่งเป็นสกุลซุน ฝั่งหนึ่งเป็นสกุลม้า แต่ในด้านลับ ตัวสำนักปีศาจกลับสูญเสียบุคคลากรคนสำคัญ นั่นคือ ซุนฮก กุนซือค้างคาว ไปหมาดๆ ทำให้คนที่เหลือ นับจาก กลุ่มคนเล่นพิณ และเครือข่ายใต้ดินของคนสกุลซุน ต้องปั่นป่วนวุ่นวายกันไปพักใหญ่
จากเบื้องแรกที่ตระเตรียมระดมกำลังพล เพื่อเข้าช่วงชิงอำนาจด้วยกองกำลังหลายฝ่าย แต่แผนการที่วางไว้อย่างดีแล้วกลับล่มสลาย ตัวประสานงานหลักกลับถูกจับกุมตัว และตายในที่คุมขังอย่างมีเงื่อนงำ พลอยส่งผลกระทบให้ผู้คนในสายหลักขาดการติดต่อกับกลุ่มม้าเฉียวไประยะหนึ่งแล้ว
ยังดีที่สำนักหุบเขาปีศาจยังมีผู้คนแฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงนอกเหนือไปจากซุนฮกตามวิถี “หนึ่งแจ้ง หนึ่งลับ” ทำให้แผนการเพียงชะลอตัว ล่าช้าออกไป แต่พอมีหนทางจัดการได้อีกในอนาคต เพียงแต่ต้องการเวลาเพิ่มเติม
…
ขุมกำลังลับอันดับที่สาม กลับเป็นหน่วยปักษาสวรรค์ที่เป็นกลุ่มนายทหารจากอนาคตที่แทรกซึมเข้ามาปั่นป่วนผู้คนในยุคสมัยโบราณ แม้ว่าจำนวนคนมีไม่มาก และเกิดปัญหาภายใน จนสมาชิกตกตายไปบ้างแล้ว แต่อาศัยที่มีความรู้ล้ำหน้ากว่าคนอื่นนับร้อยนับพันเท่า และเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีตัวตนให้สืบค้นทำลาย ทำให้สมาชิกค่อยๆเกาะกุมอำนาจของแต่ละขุมกำลังเอาไว้ไม่น้อยแล้ว
ตัวผู้นำ อินทรีพลังจิต แฝงตัวเป็นซินแสคันฉ่องวารี สุมาเต๊กโช ตอนแรกยังตั้งใจเพียงแค่เป็นตัวเชื่อมโยงที่ลอยตัวไร้สังกัด อยู่ตำแหน่งใจกลางแผ่นดิน แต่แล้ว กลับกลายเป็นชนชั้นหัวหน้าใหญ่ของขุมกำลังลับแห่งหนึ่ง ทำให้สามารถแอบแทรกแซงสั่งการหน่วยงานใต้ดินของผู้อื่นได้อีกทอดหนึ่งด้วยซ้ำ จึงเพิ่มความได้เปรียบขึ้นอีกมากมาย
ผู้วิเศษกระเรียนอันดับสอง กระสาจอมทัพ อ้วนเสี้ยวอันดับสามตกตายไปแล้วอย่างเหนือความคาดหมาย อันดับสี่ หมอพิษนกฮูก-ฮัวโต๋ กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการแพทย์ มีผู้คนสำคัญเคารพนับถือจำนวนมาก ถึงกับสามารถสร้างกระท่อมรังนกเป็นโรงเรียนทางการแพทย์อย่างเปิดเผยในเขตแดนใกล้เมืองอ้วนเซีย และมีกองกำลังพันธมิตรคอยปกป้องภัยสงครามและการลอบทำร้ายได้ด้วย
ลำดับห้า กระตั้วการเมือง กาเซี่ยง หรือกุนซือเงาปีศาจ สามารถเรียกได้ว่าเป็นกุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน เพราะเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของโจโฉ เรียกฟ้าเรียกฝนได้ไม่ยาก ถ้าหากไม่ได้ขัดแย้งต่อแนวทางของผู้นำ และไม่เป็นที่สงสัยของกุนซือคู่แข่งข้างกายอย่างตันกุ๋นหรือสุมาอี้
ส่วนลำดับหก อีกาสายฟ้า ลิซก ที่จริง เป็นกองกำลังหลักคนหนึ่งที่มีพลังความสามารถพิเศษ และสมควรสวมรอยเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งไปแล้ว หากแต่ถูกสังหารตายไปก่อน ทำให้คนที่เหลือยังสับสนต่อทิศทางการทำงานอยู่ไม่น้อย เพราะตามภารกิจดั้งเดิมนั้น อีกาสมควรจะกลับมาสวมรอยเป็นบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่ง เพื่อควบคุมทิศทางของเหตุการณ์ช่วงสามก๊กได้อย่างสมบูรณ์
น้องสาวคนที่เก้า ยอดยุทธ์นางแอ่น เตียวหุย ทำตัวกลมกลืนเป็นน้องสามผู้ภักดี และที่ปรึกษาส่วนตัวของกลุ่มเล่าปี่มานานเกือบยี่สิบปีแล้ว ความลับยังไม่ถูกเปิดเผย และทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน เพียงแต่เกิดความผิดพลาดที่ไปมีทายาทกับจูล่ง จนเกิดเป็นเตียวเปา ทารกน้อยที่ยังคงอาศัยอยู่กับหมอฮัวโต๋และศิษย์เอก
สุดท้าย อันดับสิบสาม นักฆ่าเหยี่ยวดำ มือสังหารผู้ไร้ตัวตนในประวัติศาสตร์ ฝึกปรือวิทยายุทธ์แบบโบราณ ผสมผสานความรู้ของโลกสมัยใหม่ ทำให้ทะยานขึ้นเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆแห่งยุคสมัย ถ้าหากไม่พลาดท่าถูกพิษร้ายจากพวกเดียวกันจนบาดเจ็บปางตาย ป่านนี้ สมควรเบียดเสียดขึ้นเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งไปได้แล้วด้วยซ้ำ
ส่วนที่เหลือ อันได้แก่ อันดับเจ็ด แปด สิบ สิบเอ็ด และสิบสอง ยังคงอยู่ในระยะเวลาการคลุกคลีศึกษาข้อมูลของบุคคลที่เป็นเป้าหมาย และเนื่องจากการเดินทางย้อนเวลาถูกเลื่อนกำหนดให้เร็วขึ้น คนกลุ่มนี้จึงอาศัยช่องว่างในการเก็บเกี่ยวข้อมูลพื้นฐานอื่นๆเอาไว้ด้วย เพื่อใช้ในการทำงานจริงในอนาคต เพราะเมื่อเข้าแทนที่เป้าหมายแล้ว คงยากที่จะเดินทางเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเช่นนี้
จำนวนคนแม้จะมีแค่หลักสิบ แต่พลังการเคลื่อนไหวกลับรุนแรงทรงพลังด้วยความที่รู้ประวัติศาสตร์ รู้ความเคลื่อนไหวของผู้คน และมีความรู้ความสามารถที่เหนือกว่าคนโบราณมากมายนั่นเอง
…
ยังมี ขุมกำลังนอกด่านที่น่ากลัวและเร้นลับที่สุด อาจจะเป็นพวกชนเผ่าต่างถิ่นแดนเหนือที่ต่างพากันส่งจารชนเข้ามาก่อกวนแผ่นดินฮั่นเป็นหลายระลอก และแฝงตัวมานานแสนนานแล้ว คล้ายรอคอยเวลาอันเหมาะสมค่อยลงมือ
ตอนนี้ เท่าที่รับทราบ คือ จุนกอล จุนจี สองนักฆ่าชาวโกกุเรียว ที่เคยร่วมวงลอบสังหารกองซุนตู้ในอดีต เด็กน้อยจุนกีผันตัวมาเป็นกุยแก กุนซืออมโรค ที่เคยทะยานขึ้นเป็นกุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดินในฝ่ายของโจโฉช่วงบุกเบิกมาแล้ว ยังโชคดีที่กุยแกกลับถูกพวกปักษาปั่นหัวหลอกลวงเสียหลายครั้ง และภายหลัง กลับโดนซุนฮกลอบสังหารไปก่อน มิเช่นนั้น รอคอยจนโจโฉรุ่งโรจน์ จารชนกุยแกอาจก่อเหตุทำให้แผ่นดินยุ่งเหยิงยิ่งไปกว่านี้
หากแต่ยังมีพี่ชายจุนกอลที่ยังวนเวียนอยู่ ซึ่งคงต้องตกเป็นภาระของ เทียลิด กุนซือในเงามืด เพราะบังเอิญล่วงรู้เบาะแสอยู่คนเดียว นอกจากนั้น ยังมีราชครูจีหรงที่เพิ่งอำลาต่ออ๋องซันซัง มุ่งเข้าสังกัดสกุลซุนมาเสริมแผนจารชนด้วยอีกคนหนึ่ง เห็นที ชนเผ่าโกกุเรียวจะส่งผลร้ายต่อภาพรวมได้ไม่น้อยเลย สมกับเป็นอันดับหนึ่งในสามก๊กดินแดนคาบสมุทร
ทางฝ่ายซงหนูเล่า เซ็กเหียน หรือเฒ่าหินผา ผู้นำเผ่า ย่อมถือว่าเป็นตัวแสบจอมวางแผนที่เคยมาก่อกวนขุมกำลังต่างๆด้วยสมญา “กุนซือไร้นาม” และเคยวางหมากนารีพิฆาต ซัวบุ้นกี ไว้ข้างกายโจโฉแล้วด้วย
ยามนี้ เซ็กเหียนยังส่ง ฮูฉูเฉียน เฒ่าเนินทราย ผู้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งเข้ามาร่วมในกองทัพชนเผ่า ย่อมจะรอคอยก่อการสำคัญอันใดอยู่เช่นกัน
ทางฝ่ายผู้เฒ่าทัวปาลี่เวยแห่งเซียนเปยเองก็ไม่เบามือ ถึงกับยอมสละอำนาจให้กับม่อหยงเว่ย แล้วลงมาคลุกคลีอยู่ในกองทัพชนเผ่าด้วยเช่นกันอีกฝั่งหนึ่ง
การวางตัวนางเอียนซีไว้เป็นสะใภ้เอกในสกุลโจ ย่อมทำให้มันเป็นที่ไว้วางใจ และมีหน้ามีตาในกองทัพไม่น้อย จึงน่าสงสัยใจว่า สุดท้าย เฒ่าทัวปาจะสำแดงฤทธิ์เดชไปในทิศทางใดกัน
…
ขุมกำลังถัดมาคือขบวนการฟ้าดิน ซึ่งเกิดจากการก่อตั้งของกลุ่มสี่สุดยอดเมืองหลวง อันมี เล่าหัว เตียวโถ จูกัดกุ๋ย และกวนลอ เป็นตัวต้นเรื่อง ก่อการอยู่ภายในเมืองหลวง เชื่อมโยงกันกับขุมกำลังใหญ่ของสามเชื้อพระวงศ์ เล่าเปียว เล่าเอี๋ยน เล่าฉวน ตามหลักการแล้ว สมควรจะมีพลังต่อรองทางการเมืองไม่น้อย
หากแต่ภายในกลุ่มก้อน กลับก่อเกิดการชิงอำนาจกันเองด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน เล่าหัวหรือหลวงจีนซ่อนกาย เภาก้วย และเล่าเปียว เล่าเอี๋ยน ถูกลอบทำร้าย จนสูญเสียอำนาจควบคุม แต่ยังคงถูกจับเป็นหุ่นเชิด โดยฝีมือของหลวงจีนเภาเจ๋งหรืออดีตเล่าฉวนที่หวังในตำแหน่งอำนาจ และจูกัดกุ๋ยเป็นผู้ช่วยสำคัญ ทำให้เครือข่ายยังคงทำงานต่อเช่นเดิม แต่ในระยะสั้น คงยังไม่ออกมาก่อการใดๆ
…
ขุมกำลังสุดท้ายที่จะกล่าวถึง คงต้องเป็นเครือข่ายสุมาที่เป็นฝ่ายถูกแทรกซึมไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ผู้นำสุมาเต๊กโชกลายเป็นอินทรีพี่ใหญ่ ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวอาจจะผันผวนไปบ้าง แต่สมาชิกคนอื่นๆกลับมีศักยภาพสูง และไม่อาจประมาทได้เลยสักคน
เริ่มจากกลุ่มผู้อาวุโสก่อน ตันก๋ง ที่ปรึกษาคนสนิทกลายเป็นตันกุ๋น กุนซือจอมโหด ยืนหยัดอยู่ข้างกายโจโฉ แม้ว่าจะรู้แก่ใจดีว่า โจโฉยังมีความหวาดระแวง จนถึงกับย้ายออกจากตำแหน่งการทหารให้มาเป็นอาจารย์ของโจเจียง โจสิด แต่ก็ยังวางใจให้เป็นผู้ดูแลการก่อสร้างเมืองใหม่สกุลโจ และปราสาทนกยูงทองแดงต่อไป อีกทั้ง ยังเป็นตัวหลักในภารกิจลับทำลายล้างกองกำลังเกงจิ๋วด้วยอีกเรื่องหนึ่ง
อุยกาย ขุนพลสูงวัยยังคงเป็นเสาหลักฝ่ายบู๊อยู่ที่ดินแดนกังตั๋ง ด้วยความที่เป็นนายทหารอาวุโสรุ่นสามขุนพลสร้างแผ่นดิน ร่วมกับซุนเกี๋ยนในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงคนเดียว ทำให้อุยกายยังมีน้ำหนักสูงส่งในวงการทหารของแดนใต้เรื่อยมา ทั้งๆที่เคยมีส่วนพัวพันใกล้ชิดในคดีการตายของซุนเซ็ก และเล่งโฉก็ตาม คนสกุลซุนก็ยังคงใช้งานมันต่อเนื่องเหมือนไม่ได้ใส่ใจในความผิดพลาดมากนัก
เตียวเลี้ยว ยังคงเป็นหมากลับในกระดานที่เติบโตในวงการทหารมาจากการที่วางไว้ข้างกายลิโป้ตั้งแต่ช่วงรุ่งโรจน์ในเมืองหลวง และผลัดเปลี่ยนมาเข้าร่วมกับโจโฉพร้อมกันกับตันก๋งในครั้งที่ลิโป้ถึงจุดจบ ซึ่งกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ช่วยประสานงานกันในขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน และอยู่ในฐานะพี่ใหญ่ของขุนพลห้าพยัคฆ์แห่งกองทัพพยัคฆ์เสือดาว
พอนับรวมกับสุมาเต๊กโชเองที่ตั้งสำนักอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง คอยสั่งการอยู่ด้านนอก อีกทั้งยังยึดกุมความลับของพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้ ทำให้สถานการณ์โดยรวมค่อนข้างมั่นคง อย่างไรก็ตาม แผนการของสุมาเต๊กโชที่ร่างไว้ตั้งแต่แรกนั้น ก็มิได้เร่งรีบอันใด เพราะมันต้องการให้กำลังทหารของโจโฉลงแรงรวบรวมแผ่นดินให้เรียบร้อยก่อน ค่อยยึดครองกินรวบในภายหลัง
หลังจากที่เครือข่ายตระกูลซุนทำงานล้มเหลว แผ่นดินน่าจะปลอดภัยไปอีกระยะหนึ่ง จึงเหมาะสมที่จะปล่อยทายาทมังกรออกไปโลดแล่นในวงการการเมืองแล้ว
…
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย