3 เม.ย. 2021 เวลา 23:23 • ความคิดเห็น
แอบรัก....เจ้านาย Ep 2. ❤️
เช้าของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ในเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เด็กสาวมานั่งหน้าแฉล้มรอ ในที่ๆทางที่บริษัทฯ จัดไว้ให้ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานใหม่ ในตำแหน่งพนักงานขาย ของที่นี่
เด็กสาว อยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักศึกษา ชุดเดียวกับวันที่มาสัมภาษณ์งาน และเพิ่งจะมีเวลาสังเกตุสังกา สถานที่ๆตัวเองกำลังทำงานอย่างชัดๆ ก็ในตอนนี้
ที่นี่เป็นอาคาร ที่เหมือนบ้าน นำมาดัดแปลงเป็นออฟฟิศ สภาพค่อนข้างเก่า แต่มีทำเลดี เพราะติดกับถนนใหญ่ และด้วยจำนวนพนักงานในตอนนั้น น่าจะไม่เกิน 30 คน ก็ไม่อึดอัดมากนัก กับอาคาร 4ชั้น แต่ดูแล้ว ก็ไม่อาจพูดได้ว่า เป็นออฟฟิศที่น่าอยู่ ซะทีเดียว
แล้วฝ่ายบุคคล ก็พาเราเดินไปแนะนำตัวในแต่ละแผนก ซึ่งไม่น่าเรียกว่าแผนก เพราะเวลาทุกคนเจอกัน ไม่ได้มีการวางท่า วางทางอะไรกันเลย ส่วนใหญ่ จะตะโกนแซวกัน หรือไม่ก็พากันชักชวน ไปปาร์ตี้ในตอนเย็นเสียเป็นส่วนใหญ่
เราถูกมอบหมายให้ อยู่ทีมขาย ที่มีเขตขาย 80% เป็นลูกค้าเอกชน 20% เป็นกลุ่มลูกค้าราชการ ดังนั้นในช่วงแรกๆของการทำงาน แน่นอนที่สุด ก็ต้องมีการอบรมผลิตภัณฑ์ที่เราจะนำไปเสนอขาย ซึ่งงานขายของเรา จะเป็นงานขายที่ได้รับเกียรติสูงส่งจากลูกค้าส่วนใหญ่ เพราะเราขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ที่เวลาจะเข้าไปขาย เราต้องแนะนำความรู้ให้ลูกค้าด้วย ดังนั้นลูกค้ามักจะให้เกียรติ เวลาเข้าไปนำเสนองาน การอบรมจึงต้องเข้มข้นและรู้จริง
เนื่องจากคิวอบรม อัดแน่น จนหัวหมุน เราจึงไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเจ้านายเลย เพราะมานั่งอยู่บริษัท 4 เดือนแล้ว ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านายเลยสักวัน ถามพี่ๆดู พี่ๆจะบอกว่า เจ้านายไปเยอรมัน หรือไม่ก็ไปประชุม หรือออกไปหาลูกค้า
ช่วงที่เราทำงานเดือนแรก. ชุดที่ใส่ทำงาน ก็ดูจะเป็นชุดนักศึกษา ชุดเดิม ซึ่งมี 2 ชุดซักวนไปมา ใส่มาทำงาน จนพี่ๆแซว
เช้าวันหนึ่ง บนโต๊ะ มีถุงกระดาษถุงใหญ่ วางอยู่ พร้อมมีโน๊ตกระดาษ เขียนว่า “เสื้อผ้าให้เธอ เอาไปใช้” พี่ๆก็ต่างแปลกใจ มาเปิดดูกับเรา ว่ามันอะไร แล้วทุกคนก็ร้องอ๋อ พร้อมบอกให้เราทราบว่า ใครคือเจ้าของเสื้อผ้านี้ พี่ๆเขารู้ เพราะว่า ลายมือที่อยู่ในกระดาษโน๊ต
เสื้อผ้า ลวดลายหรูหรา ดูมีราคา ในสภาพดี แต่ดูจะสูงวัยกว่าเราเล็กน้อย สำหรับเราแล้ว มันก็ดีกว่าชุดนักศึกษา 2 ชุด ที่เวียนใส่เป็นไหนๆ เรายังไม่สามารถเจียดเงินไปซื้อชุดใหม่ได้ เนื่องจากต้องใช้เงิน มาเช่าหอพัก เพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนแล้ว ดังนั้น จึงรู้สึกขอบคุณเจ้าของชุดสวย ที่พี่ๆบอกว่าเป็นภรรยาของเจ้านายยิ่งนัก
มานั่งนึกในวันว่างๆ ใครล่ะ จะใส่ใจเก็บรายละเอียดเราได้เพียงนี้ ถึงขั้นมีเสื้อผ้าวางบนโต๊ะ เราคาดได้อย่างเดียว น่าจะเป็นเจ้านายนี่แหละ เพราะเขารู้ว่าเราเดือดร้อนอะไร คงบอกเล่าให้ภรรยาฟัง จนกระทั่งได้เสื้อผ้ามา
เราเองคอยแอบไปมองที่ห้องเจ้านายบ่อยๆ เพราะอยากจะเข้าไปขอบคุณที่รับเราทำงาน แถมยังมีชุดสวยๆมาให้ด้วยอีก แต่ก็เห็นไฟห้องนั้นมืดสนิทนานแล้ว
เช้าตรู่วันหนึ่ง เราใส่ชุดภรรยาเจ้านาย ชุดโปรดของเรา คือกระโปรงทรงเอยาวคลุมเข่า สีเทาอ่อน ประกอบด้วยลวดลายดอกไม้สีชมพูหวาน เข้ารูป เดินมาทำงานในบริษัท ซึ่งถูกพี่ๆล้อว่า “โห มาดาม อย่าไปเชี่ยวเดินผ่านหน้าห้องเจ้านายน๊ะ เดี๋ยวเจ้านายจำผิด” พร้อมเสียงหัวเราะฮาเฮ ซึ่งเราจึงได้ทราบว่า วันนี้เจ้านายน่าจะอยู่ออฟฟิศซิน๊ะ
เราคอยแอบมอง ว่าห้องเจ้านาย พอจะว่างให้เด็กใหม่อย่างเราเดินเข้าไปขอบคุณในความช่วยเหลือได้หรือไม่ แต่ไม่น่ามีวี่แววที่ห้องนั้นจะว่างเลย เพราะดู ประตูบานนั้น มีแต่คนเปิดเข้าเปิดออกไม่ขาดสาย
เที่ยงวัน เราออกจากบริษัท เพื่อไปธนาคารใกล้ๆ ระหว่างเดินทางกลับ เราพบเจ้านาย เดินสวนมาคนเดียว สงสัยคงมาแบงค์เหมือนกัน เรารีบฉีกยิ้ม กว้างเท่าที่กว้างได้ แล้วตั้งท่า จะเดินเข้าไปทักทาย รวมถึงถ้ามีโอกาสขอบคุณ จะได้ยกมือไหว้ขอบคุณสักหน่อย แต่เราต้องแทบหุบยิ้มไม่ทัน เพราะเจ้านายเดินผ่านไป แบบแทบชนเรา แต่ไม่เห็นเรา เหมือนกับเราไร้ตัวตน
จิตใจอันภักดี และรู้สึกซาบซึ้งใจในความกรุณา แตกแพล้งลงณ. ตรงนั้น แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า “ฉันจะไม่ยิ้ม และไม่ขอบใจเจ้านายอีกแล้ว”เพราะรู้สึกว่า เสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น เราก็สาละวน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานยุ่ง จนผ่านไปเกือบปี พี่หัวหน้า บอกเราว่า “แกควรซื้อรถได้แล้ว บริษัท มีสวัสดิการ ให้กู้ไม่เสียดอกเบี้ย “ หัวหน้าอธิบายฉอดๆ พร้อมทั้งสรุปว่า “เดี๋ยวฉันจะทำเรื่องกู้ให้แกเอง แกไปหาดูรถมือ 2 สภาพดีๆเอาไว้ได้เลย”
และแล้ว การกู้ก็สำเร็จ แต่ต้องไปเซ็นต์สัญญากู้กับเจ้านาย ซึ่งเราเองก็รู้สึกไม่ค่อยอยากเจอ เพราะเราก็เป็นแค่พนักงานเล็กๆ ที่เจ้านายมองไม่เห็นเสียด้วย แต่อีกใจหนึ่ง ก็อยากได้รถ เลยต้องเดินไปเคาะประตู พร้อมสัญญาเงินกู้ในมือ
อย่างเคย หน้านิ่ง เรียบสนิท เงยหน้าขึ้นมาแป๊บ แล้วก็ก้มหน้าลงไปเซ็นต์เอกสารยุกยิกๆ แต่ปากก็ถามออกมาว่า “ มีอะไร” เสียงตอบแบบกล้าๆกลัวๆว่า “ พี่ยังไม่ทราบเรื่องที่ขอกู้ซื้อรถเหรอค๊ะ” เสียงตอบกลับ “อือ ทราบแล้ว แล้วเธอสามารถผ่อนคืนได้เดือนละเท่าไหร่ “ เราไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนหน้า จึงอึกอักๆ เจ้านายจึงเงยหน้าขึ้นมาร่ายยาว “ อะไรว๊ะ จะมากู้เงิน ไม่ได้คิดมาเลยหรือว่าจะต้องจ่ายคืนเดือนละเท่าไร “ หลังจากนั้นก็โดนเทศน์ยาว จนได้ข้อสรุปว่าต้องจ่ายคืนอย่างไร จึงจะยังมีชีวิตปกติได้ ให้เหมาะสมกับเงินเดือนที่ได้รับมาในขณะนั้น
เจ้านาย ชี้ให้เราเซ็นต์ แล้วเจ้านายเซ็นต์คู่ แล้วก็บอกว่า “โอเคไหม” เราจึงรีบขอบคุณ และเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ในใจก็ยังนึกว่า เรายังลืมขอบคุณเรื่องเสื้อผ้า กับเรื่องให้เรามีโอกาส ทำงานที่นี่ไป แต่มานึกอีกที วันนั้น เจ้านายทำฉัน หน้าแตก ก็เลยลืมๆมันไปดีกว่า
ผ่านไปปีกว่า เดินสวนเจ้านาย ที่บันได ก็จะก้มหัวให้แล้วเดินฉากออกไปทุกๆครั้ง ส่วนใหญ่แล้ว หากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย เราไม่จำเป็นต้องเจอเจ้านายอยู่แล้ว
มีอยู่วันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นวันศุกร์ ที่แสนวิปโยค ของเซลใหม่ประสบการณ์น้อย ที่ทำงานพลาด จนถูกบริษัทคู่ค้า เรียกค่าปรับ 3 แสนบาท เงินจำนวนนี้เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว มันมาก มหาศาลแค่ไหน ลองคิดดู พวกพี่ๆก็ดูจะไร้หนทางช่วยเราเสียแล้ว เรานั่งนิ่ง สติแตก ทั้งวัน จนเย็น ทุกคนในออฟฟิศ กลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือเพียงเรา ที่สติแตก แอบนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น อยู่เพียงลำพัง เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เป็นเพราะยังเปิดไฟอยู่ดวงเดียว จึงมีเสียงเปิดประตูเข้ามา น่าจะเพื่อเช็คว่ามีคนลืมปิดไฟหรือไม่ พอประตูเปิดออก เจ้านายนี่เอง ทำเราตกใจ เพราะหน้าตามีแต่น้ำตา แต่ทำอะไรไม่ทันแล้ว “เธอร้องให้ทำไม มีอะไรเหรอ ให้ผมช่วยอะไรไหม” จากที่นั่งสะอื้น มันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ก็เพราะประโยคที่ว่า “ให้ผมช่วยอะไรไหม” นี่เอง
📌 เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามตอนหน้าค่ะ
โฆษณา