5 เม.ย. 2021 เวลา 23:30 • ความคิดเห็น
แอบรัก....เจ้านาย Ep 4. ❤️
มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ชายไทยเชื้อสายจีน รูปร่างสันทัด แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกเนคไท เรียบโก้ ดูภูมิฐาน คนนี้สร้างความประทับใจ ให้กับเรา จนนำมาบอกเล่า ได้ไม่มีจบสิ้น จึงขอให้ Ep. นี้เป็นบทสรุปสุดท้ายแล้วกัน
เจ้านาย ได้ดำเนินธุรกิจ แบบบ้านหลังใหญ่ให้ผู้คนพึ่งพิง ยังจำเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่ ที่ต้องไปแก้ปัญหา ลูกค้าร้องเรียน เจ้านายต้องไปด้วยตัวเอง เนื่องจากว่า ลูกค้ารายนี้ เป็นเกรด AAA ของบริษัท
เราเป็นคนขับรถพาเจ้านายไปพบลูกค้า เพราะเป็นเขตขายที่เรารับผิดชอบ เป็นเรื่องยากที่เรารับมือกับลูกค้ารายนี้ ที่กำลังโกรธจนไม่ยอมฟังใครแล้ว แต่ดูเหมือนอะไรๆ จะง่ายมากสำหรับเจ้านาย เห็นไปนั่งพูดคุยกันกับ ระดับ big ของหน่วยงานลูกค้าพักเดียว เห็น shake hand กัน แล้วก็จบ ลูกค้าเงียบกริ๊บไปเลย😊
ระหว่างกลับไปส่งเจ้านายกลับออฟฟิศ เราก็ชวนคุย อยากถามมานานแล้ว จึงได้โอกาสถามออกไป “พี่ อีกกี่ปีพี่จะเกษียณ เหนื่อยแล้วหรือยัง”เจ้านายนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก็มีเสียงตอบ “ เหนื่อย แต่ยังเลิกไม่ได้” เราแทรกทันควัน “ตังค์ก็เยอะ ใช้ไปสิบชาติก็ใช้ไม่หมด ทำไมยังทนเหนื่อยอยู่อีก” ได้ยินคำตอบ เลยอึ้ง พูดอะไรต่อไม่ได้ จนถึงออฟฟิศ “ ถ้าผมเลิก พวกคุณจะอยู่กันอย่างไร ทุกคนล้วนแต่มีภาระทั้งสิ้น” อย่างนี้นี่เอง คนใหญ่ๆ ที่
มีธรรมาภิบาล จึงลงจากหลังเสือไม่ได้สักที พร้อมอดจะแอบสะอื้นเบาๆในหัวใจไม่ได้
เมื่อตอนบริษัท ยังเล็กๆ เจ้านายจะจัดทริป ให้พนักงานทั้งบริษัท ไปเที่ยวด้วยกัน ทุกปี จำได้ว่า เคยไปหมู่เกาะสุรินทร์ ไปดำน้ำชุมพร ล่องแพจากเหนือเขื่อนภูมิพล และทริปสุดท้ายคือปิดเกาะสิมิลัน หลังจากนั้น พอพนักงานมีจำนวนมากขึ้น จึงเปลี่ยนมาเป็น จัดปาร์ตี้ปีใหม่ และประเพณีรดน้ำดำหัววันสงกรานต์แทน และเพราะอุบัติเหตุ ที่เคยเล่า นั่นด้วยที่เจ้านาย ไม่อนุญาติให้รวมตัวกันไปเที่ยวเยอะๆ ด้วยกันอีกแล้ว
บรรยากาศงานปีใหม่ อันแสนอบอุ่น เจ้านายจะสั่งจัดโต๊ะจีนมาเลี้ยงพนักงาน บริษัท เองมีวงดนตรี ที่พนักงานรวมตัวกันมาเล่นกันอย่างครึกครื้น และแน่นอนทีสุดเจ้านายต้องขึ้นอวยพร เราแอบนั่งขำอยู่ทุกปี กับเจ้านายหน้านิ่ง ของเรา กล่าวอวยพรบนเวที ประโยคเดิมๆ เหมือนกันทุกปีเช่นกัน เหมือนท่องสูตรคูณไม่มีผิด ในงานมีการแจกรางวัล กันอย่างสนุกสนาน งานปีใหมในแต่ละปี จะต้องมี การกำหนดว่าแต่ละปีทุกคนต้องแต่งตัวแบบไหนมางาน
จำได้ว่าปีที่สนุกสุดๆ คือ Back to school วันนั้นเราใส่ชุดนักเรียนมัธยมชาย พับแขน เอาเสื้อออกนอกกางเกง เกเรเป็นที่สุด ดันโชคดีจับรางวัลได้ จึงต้องเดินไปรับของจากเจ้านายบนเวที พอเจ้านายเห็นสารรูป นักเรียนที่กรึ่มๆ จากแอลกอฮอล์ไปเล็กน้อย ถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วก็ถามว่า “ไปเอาชุดใครมาใส่ว๊ะ” 😊😊
ระหว่างงาน เจ้านายก็จะถือแก้วเหล้า ไปเดินชนแก้วกับลูกน้องโต๊ะโน้น โต๊ะนี้ โดนไถสตางค์ ซื้อเหล้า ทุกปี ส่วนงานสงกรานต์ ก็จะสั่งอาหารมาทำซุ้มอาหาร และให้พนักงานเล่นน้ำหลังตึก พร้อมรดน้ำดำหัวเจ้านาย และอวยพรกัน ทีละคนๆ ทุกปีเช่นกัน
บริษัท เจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักของลูกค้า จนเจ้านายเปิดบริษัทในเครือ ให้บรรดาผู้ร่วมทำงานกันมาตั้งแต่ต้น บริหารงาน เราเป็นหนึ่งในผู้ดูแลบริษัทในเครือ ที่ทำงานสนุก จนลืมวันเวลา เพราะเจ้านาย ให้จัดการทุกอย่างเอง ไม่มาก้าวก่าย เพียงแต่คอยดูห่างๆเท่านั้น ด้วยการที่สอนการทำงานแบบอิสระ พนักงานจึงมีความสามารถรอบด้าน รู้ระบบงานตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกว่าถ้าลาออก ไปเปิดบริษัท ของตัวเอง สามารถทำได้สบายๆเลย
นอกเหนือจากการใส่ใจ ในเรื่องสนุกสนาน งานแต่งงานของลูกน้องทุกคน ก็จะแทบไม่เคยขาด ที่จะเห็นมีชายร่างสันทัด ใส่สูท สุภาพ ขึ้นอวยพร ทุกคราไป จะไม่เห็นหน้าท่าน ก็ต่อเมื่อ มีธุระ หรือจำเป็นจะต้องไปทำงานต่างประเทศ ในช่วงนั้นเท่านั้น
งานสีดำ ท่านก็ยืนข้างเคียงกับลูกน้องเป็นนิจ ในวันที่ลูกน้องทุกข์ใจ หากงานนั้นไม้ไกลจนเกินไป เจ้านายจะขับรถ ไปเป็นประธานงาน 1 คืน ด้วยทุกงาน และจะได้ยินประโยคนี้จากปากเจ้านาย พร้อมยื่นซอง เงินช่วยสมทบ และตบไหล่ลูกน้อง เบาๆเป็นภาพประจำ “ ผมเสียใจด้วยน๊ะ”
ในแต่ละปี ช่วงต้นปี จะมีการประชุมใหญ่ของบริษัท วันนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจดี หรือเศรษฐกิจแย่ พนักงานทุกคนต่างรอคอย เพราะจะมีข่าวคราว แจ้งให้ทราบ ในที่ประชุมนี้ ว่าพวกเราจะได้โบนัสกันหรือเปล่า การประชุม เจ้านายจะมายืนสาธยาย ผลงานที่ผ่านมา ว่าผลประกอบการ เป็นอย่างไร แล้วจะตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า “ ใครมีอะไรสงสัยไหม “ พร้อมหันหน้าไปเรียกชื่อลูกน้องคนสนิท ที่เป็นตัวจี๊ดทั้งหลาย ให้ลุกขึ้นก่อกวน ให้หัวเราะครื้นแคลงในห้องประชุม เนื่องจากมีพี่ผู้ชายแผนกสโตร์ ลูกน้องตัวจี๊ด ที่ชอบถามหาโบนัสทุกปี จากเจ้านายในที่ประชุม พี่คนนี้จึงถูกเรียกชื่อ และถามย้ำตอนท้ายทุกครั้งว่า “ เฮ้ยงัยเงียบเชียว ไม่มีอะไรจะถามเหรอ” ที่พี่เขาเงียบฉี่ในปีนั้นๆ เป็นเพราะเจ้านายแจกโบนัส กลางปี และปลายปีนั่นเอง จึงไม่มีคำถาม😊
ในปีทีเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ปีที่เกิดวิกฤตการต้มยำกุ้ง ปีนั้นเรายังจำได้ดี ยอดขายสินค้าแทบจะนิ่งสนิท เจ้านายเรียกประชุมด่วน และมีประโยคขอร้องแกมปรึกษา ถามทุกคนว่า “ ผมจะไม่มีนโยบาย ไล่คนออก แต่ทุกคน พอจะช่วยผมได้หรือไม่ ผมจะขอลดเงินเดือนลง ทุกคน นิดหน่อย จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ผมจะคืนเงินส่วนนั้นกลับให้ทุกคน เพื่อช่วยพยุง ให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้” เป็นเพราะเราอยู่กันเหมือนบ้านใหญ่ ยามสุข ยามทุกข์ พวกเราแชร์กันมาเสมอ จึงไม่มีใคร คัดค้านคำร้องขอของเจ้านายเลยสักคน จนกระทั่ง วิกฤติจบสิ้น พวกเราก็ได้เงินส่วนนั้น กลับมาดังเดิม
ในด้านการศึกษา เจ้านายมีให้เสมอ ไม่ว่าใครจะเรียนต่อปริญญาตรี กรณีที่จบ ปวส มา หรือต้องการต่อปริญญาโท ก็มีสวัสดิการเงินกู้ 0% ให้กู้เรียน แต่จะมีวิชาคอมพิวเตอร์ และภาษาอังกฤษนี่แหละ ที่บังคับให้ทุกคนเรียน โดยไม่ต้องเสียสตางค์ และเรานี่แหละ เป็นตัวผลาญงบ การเรียนภาษาอังกฤษ จนเจ้านายแทบล้มละลาย แต่ความฉลาดหาเพิ่มเติมขึ้นมาให้คุ้มค่าเงินที่เสียไปได้ไม่😁
นอกจากสวัสดิการที่ว่ามาทั้งหมดแล้ว ยังมีอีกสวัสดิการลับ ที่เปิดเสมอสำหรับลูกน้องที่มีเรื่องฉุกเฉิน และเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือส่วนตัว ประเภท กู้ซ่อมบ้าน กู้ใช้หนี้ กู้ซื้อที่ดิน กู้อีกสารพัดกู้ ที่ต้องไปคุยส่วนตัวลับๆกับเจ้านาย ถ้าเหตุผลดีพอ ก็เห็นเจ้านายช่วยเหลือทุกที
และแล้ว ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่เลิกรา บ่ายวันหนึ่งในปี 2019 เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นที่โต๊ะ เสียงที่ลอดจากโทรศัพท์ คือเสียงเจ้านาย “ เธอว่างไหม ถ้าสะดวกมาพบผมหน่อย” พอเข้าพบ เจ้านายนั่งนิ่งไปพักหนึ่ง มองตรงมาที่เรา พร้อมถามว่า “คุณคิดอย่างไร ถ้าผมจะขายบริษัท” เราอึ้งไปพักใหญ่เช่นกัน แต่มองไปที่หน้าคนถาม ภาพซ้อนจากใบหน้าเจ้านาย ในวันสัมภาษณ์งานเรา กับใบหน้าปัจจุบัน มันช่างทำให้รู้ว่า เจ้านายผ่านความเหนื่อยยากมามิใช่น้อย ดวงตาที่เคยเป็นประกายดูอ่อนล้าลง ผมที่เคยเป็นสีดำ ตอนนี้เป็นสีดอกเลาแล้ว สาเหตุ ที่จะขายไม่ใช่เรื่องเงิน ซึ่งเรารู้อยู่
เจ้านายมีทายาทคนเดียว ซึ่งเขาไม่ต้องการดำเนินธุรกิจต่อแล้ว เราจึงเข้าใจเจ้านาย “ดีแล้วค่ะ เหนื่อย ก็พักเสียที “ เราตอบจากใจ ที่เข้าใจความรู้สึกเจ้านายดี “ ผมอายุมากแล้ว หากผมเป็นอะไรไป พนักงานจะอยู่กันอย่างไร” นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้านายกังวลใจนั่นเอง
หลังจากนั้น เจ้านายก็ทะยอยเรียกทีมบริหาร ทีละคนๆ เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบถึงสถานะการณ์
จากวันนั้น ทุกคนมีเวลาเตรียมตัว 2 ปีเต็ม ที่จะต้องปรับตัวกับบริษัทใหม่ ที่มาซื้อกิจการ โดยที่ยังมีเจ้านายนั่งบริหาร ด้วย เพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายเป็นไปโดยดี และราบรื่น เพราะในสัญญาการขาย มีข้อแม้ว่า ห้ามเอาพนักงานของเจ้านายออก และต้องให้เจ้านายบริหารก่อนถ่ายโอน เป็นเวลา 2 ปี
เวลาการทำงาน ของเราจริงๆแล้วยังไม่หมด แต่เราตั้งใจว่า เมื่อเราเกิดมาจากบริษัทเจ้านาย เมื่อจะจบก็ควรจะจบที่นี่ และในระหว่างปรับตัว ช่วงย้ายบริษัทอย่างไม่เป็นทางการ ก็สัมผัสได้ว่า คำว่าบ้าน และผู้คนในวันก่อน มันมลายสิ้นไปแล้ว มันไม่เหมือนบ้านอีกต่อไป มันคุยกันไม่รู้เรื่อง มันไร้ความสนุก มันขาดความอบอุ่น เราจึงตัดสินใจจบชีวิตการทำงาน ไปพร้อมกับเจ้านาย
ในวันยื่นใบลาออก เรานำพวงมาลัยไปกราบลา ขอบคุณที่ท่านให้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนถึงวันนี้ อดไม่ได้ ที่จะมีน้ำตา เพราะเจ้านายที่เคยแต่งตัวเรียบร้อยเป็นที่สุด สายตามุ่งมั่นเป็นที่สุดคนนั้น ดูจะเปลี่ยนไป หลังๆมานี้ สิ่งทีสัมผัสได้คือแววตาคู่นั้น อ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เสื้อเชิ้ตไม่มีเนคไทเหมือนแต่ก่อน เสื้อถูกปลดกระดุมที่เคยติดถึงคอออก แขนเสื้อที่เคยติดกระดุมเรียบร้อย ถูกพับขึ้นมากองที่ข้อศอก เจ้านายคนนั้นของเราหายไปไหน
เราเคยไปปรึกษาเจ้านายก่อนหน้าแล้ว ว่าจะลาออก เจ้านาย มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นและพูดว่า “ จะออกทำไม เธอก็ทำงานต่อไป เธอทำได้อยู่แล้ว” แต่เรายืนยัน เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะไม่อยู่ต่อไป
เราเคาะประตูเบาๆ พอได้รับอนุญาติ ก็เข้าไปนั่งนิ่งพักใหญ่ จนเจ้านายถามว่ามีอะไร มันเต็มตื้นที่คอ กว่าจะพูดออกไปได้ว่า “ มาลาพี่ค่ะ “ สายตาคู่นั้นมองตรงมาที่ใบหน้าเรียบสนิทของเรา แบบว้าวุ่นพักใหญ่ จึงมีเสียงตอบออกจากปากว่า “ นานแล้วเนอะที่เรารู้จักกัน ผมขอให้เธอโชคดี กับการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า หากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ที่ปรึกษาใครไม่ได้ มาคุยกับผมได้ตลอดน๊ะ “ สายตาห่วงใยคู่นั้น มองมาอย่างจริงใจ นี่เป็นการร้องให้ ต่อหน้าเจ้านายอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว พยายามกลั้นความเศร้าใจ เพื่อหยุดน้ำตาที่ไหลพรากอย่างรวดเร็ว พร้อมตอบกลับว่า “ ขอบพระคุณที่มอบทุกอย่างให้ตลอดมา ราวกับพ่อคนที่สอง หลังจากนี้ ขอให้พี่พักผ่อนอย่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงน๊ะค๊ะ “ เจ้านายพยักหน้าหงึกๆ ตอบรับสิ่งที่เรากล่าว พร้อมรับพวงมาลัย ดอกมะลิ หอมอ่อนๆพวงนั้นอย่างตั้งใจ
มาวันนี้ บริษัทของเรา ได้สูญหายไปจากวงการวิทยาศาสตร์แล้ว แต่มีชื่อบริษัทใหม่ ออกมาให้ท้าทาย กลุ่มลูกค้าแทน ว่าจะมีความสามารถกุมหัวใจลูกค้าได้ดังเดิมอีกหรือไม่ จะทำให้ลูกค้าจดจำชื่อใหม่นี้ได้หรือไม่ เราไม่อยากคาดเดา และไม่อยากแยแสอีกแล้ว ในใจลึกๆ มีเก็บไว้เฉพาะความทรงจำดีๆ ความทรงจำที่น่าประทับใจ ของบ้านหลังใหญ่ ใต้ร่มเงาของเจ้านายเท่านั้น
📌 โชคดีเหลือเกิน ที่ได้อยู่ในร่มหลังคาบ้านหลังใหญ่ หลังนี้
📌 การบริหารงานแบบธรรมาภิบาล คือไม่คิดเรื่องกำไรเป็นใหญ่ มันได้ใจทั้งลูกจ้าง และลูกค้า
📌 หากจะจินตนาการรอยยิ้มของเจ้านายละก้อ ให้นึกถึงรอยยิ้ม โมนาลิซ่า
📌 มีอยู่เรื่องเดียว ที่เรากับเจ้านายไม่ลงรอยกัน คือทัศนคติทางการเมือง ที่เราอยู่กันคนละสี พอคุยกันที่ไร วงแตกทุกที😂
📌เจ้านายน่ารัก อย่างนี้ ไม่ผิดใช่ไหม ว่าเหตุใด ทำไมถึงได้แอบรักเจ้านาย❤️
📌 อีกไม่กี่วันนี้เจ้านายส่งสาส์นมาว่า “ นัดรวมพล คนบ้านเดิม” เราเตรียมปิ่นโตไว้แล้ว จะขอใส่ของงานเลี้ยงกลับบ้าน ในเหตุผลที่ว่า ตกงานค่ะเจ้านาย😊😊
📌 เรื่องของเจ้านาย จริงๆแล้วถ้าจะเอามานินทา ต้องพิมพ์เป็นหนังสือ จึงจะสามารถจุรายละเอียดได้หมด ที่เขียนเนี่ย ย่อสุดๆแล้ว❤️
📌 ขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องยาวๆ 4 ตอนจนจบ หวังว่าคงจะแชร์ประสบการณ์ดีๆแบ่งปันให้อมยิ้มได้บ้าง🙏🙏
โฆษณา