6 เม.ย. 2021 เวลา 17:03 • นิยาย เรื่องสั้น
การสื่อสารที่คนเล่าเรื่องพยายามจะสอนคุณธรรมให้กับเด็กเท่านั้น
มะม่วงที่ห้อยโตงเตงใกล้สุก งามมากผลใหญ่สีเหลืองเกือบทั่วผล
ลูกสาวรบเร้า คะยั้นคะยอให้คุณแม่ตัดมันเก็บเข้าบ้าน แต่คุณแม่บอก
ให้รออีก 2-3วันก่อน มันจะได้อร่อยหวานเต็มที่ แม้ลูกสาวจะแสดงสีหน้างอง้ำ พร้อมกับการบ่นว่ากระรอกจะมาขโมยไปกินก่อนที่เธอจะได้กินแน่ๆ
เมื่อถึงตอนเช้า เธอพร้อมจะไปโรงเรียน โดยมีคุณแม่ไปส่ง ขณะที่คุณแม่เลี้ยวรถผ่านออกมาจากประตูรั้ว สายตาที่จรดจ้อง พยายามมองหามะม่วงที่เธอหมายตาว่าจะตัด เพราะกลัวว่ามันจะหายไป เนื่องจากมันห้อยต่ำ และย้อยออกมานอกบ้านติดประตูรั้ว ตอนนี้มันหายไปแล้วจริงๆ
เสียงเด็กหญิงที่แสดงความเสียใจ ตกใจ ร้องบอกคุณแม่เสียงหลงพร้อมกำแขนคุณแม่เขย่าด้วยแรงของเด็ก 5 ขวบ
เสียงคุณแม่ปลอบโยนลูกสาวตัวน้อย "ใจเย็นๆลูก ใจเย็น แม่ทราบแล้วค่ะ"
น้ำตาของความผิดหวังไหลรินจนเธอสงสาร เสียงสะอื้น ต่อว่าคุณแม่
"หนูบอกแล้วให้เก็บเมื่อวาน ถ้าเก็บหนูก็จะได้ทานแล้ว" เธอรู้ว่าลูกสาวชอบมะม่วงมาก เธอจะไปชี้ที่ลูกมะม่วงเสมอเมื่อมัน เริ่มออกผลมา
"ลูกนี้ของคูณพ่อ นี่ของคุณแม่ ลูกนี้ของคุณตา ลูกนั้นของคุณยาย และลูกนั้นก็ของหนู ของหนู " ไปจนครบทุกลูก
ต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ที่คุณพ่อคุณแม่ พาเธอไปเลือกซื้อเมื่อ 3 ปีก่อน
มันออกลูกเพียงไม่กี่ผลเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ถ้านับจำนวนก็ออกมามาก
กว่าปีที่แล้วเล็กน้อย และผลที่ใหญ่ที่สุด ก็คือผลที่ห้อยย้อยออกไปนอกบ้านนั้นเอง และอีกผลที่ย่อมกว่าใกล้กัน ซึ่งตอนนี้มันก็ได้อันตรธานไปเรียบร้อยทั้งสองผล
1
เมื่อเช้าตรู่ฟ้ายังมืดสนิท มีแสงรำไรทางทิศตะวันออก ทั่วบริเวณยังมืด เท้าที่กำลังย่างตรงไปที่ประตูหน้าบ้านเพื่อเก็บมะม่วงให้ลูกสาว ในขณะที่กำลังก้าวเท้าใกล้ถึงประตู เธอได้ยินเสียงผู้หญิง รู้สึกคุ้นๆเสียงกำลังสั่งให้ใครสักคนทำอะไรบางอย่าง
1
"ดึงลงมาอีกแม่ใกล้จะเอื้อมถึงแล้ว อีกนิดเดียว ได้แล้วๆ " เสียงบอกความดีใจ เสียงกิ่งและใบมะม่วงที่หนาเป็นพุ่ม เสียดสีกันส่งเสียงดัง อีกทั้งเพราะความใจจรดจ่อของทั้งสอง จึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เบาแผ่วของเธอ
เสียงคนเป็นแม่ เร่งลูก "หาดูดีๆหมดหรือยัง " เสียงลูกบอก "หมดแล้วๆแม่ดึงเร็วๆ ช่วงนี้ยังมืดไม่มีคน รถบนถนนก็ยังไม่ผ่านมาสักคัน " เสียงปล่อยกิ่งมะม่วงที่ถูกปล่อยดีดดังชัดเจนในความเงียบ ก่อนที่เสียงคนเดินจ้ำจากไป เสียงรั้วบ้านข้างๆที่เปิดออก สองแม่ลูกที่เธอเห็นด้านข้างผ่านเงารั้วที่เป็นซี่เหล็กกั้นเป็นแนวรั้ว มะม่วงผลใหญ่ที่ลูกสาวเธอพยายามขอให้เธอปลิดมันตั้งแต่เมื่อวาน อยู่ในมือเพื่อนบ้านทั้งสองลูก และลูกที่ยังไม่สุกอีกลูกอยู่ในมือลูกสาวเธอ ทั้งสองรีบเดินจ้ำเข้าบ้าน ขณะเดียวกันก็หันด้านข้าง ส่งสายตามองผ่านรั้วเข้ามา เธอหลบสายตาพวกเขาด้วยการแอบในเงามืดหลังต้นมะม่วง จนพวกเขาเข้าบ้านกันเรียบร้อย โดยไม่เห็นเธอ เธอจึงรีบหลบกลับเข้าบ้านอาบน้ำเตรียมปลุกลูก ให้แต่งตัวทานอาหารเช้า ก่อนพาไปส่งที่โรงเรียน
1
แม้จะสงสารลูกแต่เธอคงไม่เล่าเรื่องที่เธอเห็น เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เธอรู้จักจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ลูกสาวบ้านนั้น เธอเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดัง สามีของเธอและตัวเธอก็ทำงานดีทั้งคู่ ฐานะ
เท่าที่เห็นก็คงอยู่ในขั้นที่ดี และบ้านเธอก็มีต้นมะม่วงและผลไม้อีก
หลายชนิดในรั้วบ้านเธอ
1
เสียงลูกสาวตัวน้อยที่ยังมีเสียงสะอื้นเบาๆดังมาว่า "กว่าลูกที่อยู่ด้านในจะสุกคงเป็นอาทิตย์ ลูกของหนูก็หายไปแล้ว หนูก็จะไม่ได้กินมะม่วง" ด้วยน้ำเสียงที่มีทีท่าว่าจะเริ่มร้องไห้ใหม่ เสียงคุณแม่จึงดังขึ้นมาก่อนที่เธอจะเริ่มปล่อยเสียง " แม่ยกลูกของแม่ให้ลูกนะ คุณพ่อด้วย ไม่ต้องร้องไห้แล้ว หน้าตามอมแมมอายเพื่อนนะลูก ไม่เป็นไรนะ ฟังแม่พูดนะ"
1
"บางทีอาจจะเป็นพวกกระรอกที่วิ่งจู้ดตามสายไฟลงมากินก็ได้นะ" เสียงลูกสาวรู้มากพูดขึ้นว่า " ถ้าเป็นกระรอกมันต้องแทะเหลือไว้ อย่างน้อยมันต้องเหลือไว้ให้เราเห็นค่ะคุณแม่ ต้องมีคนมาขโมยมะม่วงหนูไปแน่ๆ ใบไม้ร่วงเต็มพื้นเลย หนูจะบอกคุณพ่อให้ไปจับขโมย คุณครูบอกว่าคนนิสัยไม่ดี ชอบขโมยของต้องไปจับมาลงโทษ เราไม่ควรเป็นคนลักขโมยของผู้อื่นไป เป็นคนไม่ดี"
1
"ถ้าหนูรู้ว่ามีบางคนที่กำลังหิวมากๆเลย และไม่มีเงินพอที่จะซื้อข้าวกิน
บังเอิญผ่านมาเห็นมะม่วงของหนู เลยเอาไปกินก่อน หนูจะรู้สึกดีขึ้นมั้ยหรือถ้าแม่จะบอกว่า มะม่วงของหนู ช่วยชีวิตคนบ้างคนไว้ และถ้าใครคนนั่นอาจจะมีลูกตัวเล็กเหมือนหนูและกำลังหิวจัด เมื่อลูกเขาเห็นมะม่วงของหนูและหิวมากเพราะไม่ได้กินอะไรเลย บางทีเขาอาจจะไม่มีบ้าน ต้องเดินเร่ร่อนตามถนน และมะม่วงบ้านของเราก็ห้อยออกไปด้านนอก มันก็คงต้องการให้คนที่จำเป็นมากกว่าเรา ได้กินมัน หนูคอยดูนะปีหน้าต้นมะม่วงของเรา ต้องมีอะไรให้เราแปลกใจมากกว่านี้แน่ๆ เรามาคอยดูกันนะว่าปีหน้า มะม่วงบ้านเราจะสร้างเซอร์ไพร์ให้เราแน่ๆ "
1
ตากลมโตที่บอกแววฉลาด เปล่งประกายบางอย่างที่ดูตื่นเต้น "ดีค่ะดีค่ะหนูจะรอ คุณแม่ว่าคนที่เอามะม่วงไปจะชอบมะม่วงของหนูมั้ยค่ะ " เธอตอบทันทีว่า "เขาต้องขอบคุณในความกรุณาและเมตตาของหนูแน่ๆ แม่ดีใจที่หนูยกโทษให้คนอื่น ดีมากเลย"
1
เธอดีใจกับการยอมรับและพร้อมจะอภัยให้คนอื่นของลูกสาวตัวน้อย ด้วยวัยเยาว์ ประสบการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น อาจช่วยกล่อมเกลาลูกตัวน้อยของเธอให้เติบใหญ่ และเรียนรู้กับการใช้ชีวิตที่ดี สิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นการสร้างความเข้าใจ สำหรับเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ศีลธรรม
1
เธอต้องการให้ลูกได้ซึมซับความถูกผิด ชั่วดีที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเมตตา การให้อภัย การละความโกรธในใจให้ได้
2
เธอคิดถึงความไม่แน่นอนหลายสิ่งในชีวิต บางที่มะม่วงมันอาจไม่มีอยู่ตั้งแต่ต้น หรืออาจมีกระรอกมาเจาะหรือหนอนกินข้างในจนหมด หรือพายุที่พัดกระหน่ำจนมะม่วงสุกร่วงหล่นจากต้น จนเสียหายกินไม่ได้
หรือปีนี้มะม่วงอาจไม่ออกลูกให้ได้กินสักผลก็ได้ สุดท้ายเราก็เสียมันไป เพราะมันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่ต้น มันไม่ใช่ของเรา
2
แล้วทำไมเราต้องไปครุ่นคิดถึงมะม่วงที่ไม่มีอยู่จริง แล้วมานั่งเจ็บใจเสียใจ โกรธผิดหวังไปเพื่ออะไร กับแค่มะม่วงที่ไม่มีอยู่จริง
เสียงปี่พาทย์บรรเลงในงานศพ ชายคนหนึ่งต้องเสียชีวิตเพราะถูกรัวยิงจนกระสุนหมดแม็ก เพราะเก็บมะม่วงที่ร่วงหล่นกับพื้นไปกิน มนุษย์หนอต้องน้ำตาตกเป็นสายเลือดอีกกี่ครั้งถึงเข้าใจ คนที่ต้องจากลาเพราะความเจ็บใจของใครบางคน ความเจ็บใจ...อมนุษย์
2
ขอบคุณภาพจาก
โฆษณา