สืบเนื่องมาจากทฤษฎี Behaviorism ที่อธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้น ด้วยอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยเฉพาะการเสริมแรงทางบวกและการลงโทษ มนุษย์จะเรียนรู้ที่จะตอบสนองไปตามสิ่งเร้าโดยเชื่อมโยงเข้ากับแรงจูงใจของตนเองในขณะนั้น ดังนั้นจะไม่มีพฤติกรรมใดเลยจะอยู่ในระยะยาว หากไม่ได้รับการเสริมแรงทางบวก (หมายถึงการให้รางวัล เช่น การเลื่อนตำแหน่ง หรือยกย่องชมเชย) หรือการเสริมแรงทางลบ (หมายถึงการลงโทษ เช่น การให้ระยะเวลาในการพัฒนางาน การลดหน้าที่ความรับผิดชอบ) ดังนั้น ผู้นำองค์กรซึ่งเป็นผู้ที่สามารถเสริมแรงทางบวกและลบในองค์กรได้ จึงเป็นคนขับเคลื่อน Value ขององค์กรจากสิ่งที่ทำ ไม่ใช่จาก Valueที่ถูกเขียนไว้ (Do As I Do, Not As I Say)
นอกจากนั้น ทฤษฎี Social learning theory ยังได้อธิบายถึงการเกิดพฤติกรรมใหม่ของมนุษย์ว่าจะเกิดขึ้นได้จากการสังเกตและเลียนแบบผู้อื่น และหากมีการเชื่อมโยงไปกับการให้รางวัลหรือลงโทษแล้วจะส่งผลให้พฤติกรรมนั่นคงอยู่หรือหายไปในระยะยาว ดังนั้นพฤติกรรมที่ผู้นำองค์กรปฏิบัติจึงกลายเป็นบรรทัดฐานทางสังคมและการลำดับความสำคัญขององค์กร จากการที่พนักงานเห็นผู้นำองค์กรปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเราเรียกว่า “trickle-down behaviors” นั่นเอง