8 เม.ย. 2021 เวลา 14:42 • ไลฟ์สไตล์
ไม่ใช่แค่โควิดเท่านั้นที่ระบาดในช่วงปีที่ผ่านมา ความเครียดก็เหมือนกัน การที่ไม่รู้อีกว่าสถานการณ์แบบนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไร ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไม่ให้ตัวเองกังวลในอนาคตได้
เรามี 7 วิธีในการคลายความกังวล เมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ นำมาฝากให้ลองนำไปปรับใช้กัน หวังว่าจะเป็นไอเดียในการช่วยคลายความกังวลลงไปได้ค่ะ
1) ขยับร่างกาย
การออกกำลังกายอยู่ในแทบจะทุกบทความที่เราอ่านในการจัดการความเครียด ไม่ว่าจะออกไปวิ่ง เดิน เล่นกีฬา โยคะ หรือเต้นในบ้าน จะช่วยเอาความเครียดออกไปจากร่างกาย
อย่างเราออกไปเล่นฟิตเนสไม่ได้ สระว่ายน้ำก็ปิด แถมจะออกไปวิ่งในหมู่บ้านก็เจอฝุ่น ก็ลองเป็นเล่นโยคะ ออกกำลังกายที่บ้าน หรือเล่นฮูลาฮูปก็ได้ ออกไปวิ่ง เดิน เล่นกีฬา โยคะ หรือเต้นในบ้าน จะช่วยเอาความเครียดออกไปจากร่างกาย
หากใครมีพื้นที่หรือเวลาจำกัด ลองใช้วิธี 20-8-2 หรือการนั่งทำงาน 20 นาที ยืนทำงาน 8 นาที และขยับร่างกาย 2 นาที ทุกๆ 30 นาทีตอนทำงานทีบ้าน
2) ฝึกจิตใจของตัวเอง
สังเกตตัวเองดูว่าเวลาที่เราเครียดหรือกังวล ความคิดของเราจะกระโดดโลดไปมา สเปะสปะไปหมด เมื่อเราไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อได้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะรีแลกหรือรู้สึกสงบได้
ในการที่จะลดความเครียดความกังวล เราจะต้องเรียนรู้ที่จะฝึกจิตของตัวเอง ซึ่งจะทำที่ไหนก็ได้ คิดว่าสมองของเราก็เหมือนกล้ามเนื้อ ที่เราต้องฝึก ต้องออกกำลังเพื่อที่จะได้แข็งแรง
การฝึกแบบง่ายๆ เลยคือ การฝึกกำหนดลมหายใจ ห้ารอบ ห้าครั้งต่อวัน เมื่อเรามีสมาธิจดจ่อไปที่การหายใจลึกๆ (เหมือนกับเวลาที่เล่นโยคะ) จิตของเราก็จะไปจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ ไม่ได้ไปโฟกัสที่ความเครียดความกังวลเหล่านั้น ทำให้ความกังวลลดลง
การนั่งสมาธิแบบสั้นๆ 10 นาทีก็ช่วยได้เหมือนกัน ในนี้เขาแนะนำแอปอย่าง Smiling Mind, Calm, Insight Timer และ Headspace
3) เป่าฟองสบู่
เขาบอกว่าถ้านั่งสมาธิไม่ใช่ทาง อาจจะลองเป่าฟองสบู่ดูก็ได้
การเป่าฟองสบู่จะบังคับให้เราต้องหายใจลึกๆ ซึ่งการที่เราได้เพิ่มออกซิเจนเข้าไปในร่างกายนั้นจะเป็นการส่งข้อความให้สมองรู้ว่าต้องใจเย็นลงและรีแลค
4) การเขียน Journal
เขาบอกว่าถ้าเราฝึกการเขียน Journal บันทึกเรื่องสิ่งต่างๆ ที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะส่งผลให้มีผลกระทบเชิงบวกกับสมองของเรา
เคยคุยกับเพื่อนอยู่ว่า ทำไมเราถึงรู้สึกขอบคุณยากจัง ทั้งๆ ที่ชีวิตเราได้ไม่ได้แย่อะไร
เราต้องสูญเสียอะไรไปก่อนเลยหรอถึงจะรู้สึกว่าขาดสิ่งนั้นไป
เราถูกสร้างมาเพื่อปรับตัว เอาตัวรอด ไม่ใช่มีความสุข
สังเกตตัวเองส่วนตัว ตอนเด็กๆ จะชอบเขียนไดอารี่มาก มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะเขียนเรื่องที่ไม่สามารถคุยหรือปรึกษาใครได้ เลยมาเขียนระบายในไดอารี่ เราค้นพบว่าเรายังสามารถจำเรื่องเหล่านั้นได้อยู่ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่เราเขียน เรามีแนวโน้มที่จะจดจำรายละเอียดได้ชัดเจนกว่าการจดจำในสมอง
ถ้าเราบันทึกแต่เรื่องแย่ๆ มองย้อนกลับไปมันจะทำให้เรามองชีวิตตัวเองว่า ที่ผ่านมาเราไม่มีความสุขเลย ทั้งๆ ที่มีเรื่องดีๆ ตั้งมากมายแต่เราไม่ได้บันทึก กลับกัน ให้มองหาสิ่งที่ดีๆ แล้วบันทึก
มี research บอกว่า การฝึก gratitude จะช่วยดึงความสนใจของเราออกจาก toxic emotions หรืออารมณ์ที่เป็นพิษ ที่ไม่ดีต่างๆ แล้วมาโฟกัสในสิ่งที่ดีๆ แทน
คนที่ฝึกนิสัยการรู้สึกขอบคุณในสิ่งต่างๆ ที่มี แทนที่จะไปโฟัสในสิ่งที่ตัวเองขาดเนี่ย จะมีแนวโน้มในการห่างจากความกังวล เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกขอบคุณ มันจะช่วยเพิ่มสารโดพามีนและเซโรโทนิน ที่จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง
การฝึก gratitude ก็เหมือนกล้ามเนื้อ ที่เราต้องฝึก เราอยากร่างกายแข็งแรง กระชับ เราก็ต้องออกกำลังกาย เช่นกัน ถ้าเราอยากฝึกให้ตัวเองมีสุขภาพจิตที่ดี มีความฉลาดทางอารมณ์ เราฝึก gratitude
เราจะฝึก gratitude หรือการรู้สึกขอบคุณได้อย่างไร?
เขียน 3 สิ่งที่ทำให้รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน ในตอนเช้า หรือก่อนนอน
อย่างของเราจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 11:11 ว่าให้ตัวเอง practice gratitude and make a wish
5) หัวเราะ
หาเรื่องที่ทำให้หัวเราะและยิ้มได้ในแต่ละวัน แม้ว่ามันจะยาก ก็ลองหาอะไรที่ทำให้ตัวเองหัวเราะ เอนเตอร์เทนตัวเองดู อาจจะเป็นการคุยกับเพื่อน ดูรายการตลก หรือดูพวกคลิปเด็ก หมา แมว
6) หา flow activity ของตัวเอง
ตอนที่พวกเราเป็นเด็ก จำได้ไหมว่ามีกิจกรรมอะไรที่เราทำจนลืมเวลา จนแม่ต้องตามไปกินข้าวบ้าง นั่นล่ะคือกิจกรรมที่เรียกว่า flow activity
ในนี้เขาบอกว่า มีงานวิจัยเรื่องคอนเซปต์ของ flow ว่า มันคือเมื่อใดก็ตามที่เรากำลังจดจ่ออยู่กับการทำอะไรบางอย่างจนลืมเวลา มันเหมือนกับ moving meditation เหมือนกับเรื่อง Soul ไม่แน่ใจสปอยล์ไหม ที่เวลาที่เรากำลังอินกับอะไรมากๆ แล้วกำลังอยู่ในโหมด in the zone ในช่วงนี้ ความคิดสร้างสรรค์ของเรา การที่เรามีสมาธิจดจ่อ และจินตนาการมันจะเป็นตัวดึงเราออกจากความเครียด ความกังวล ทำให้เรามีความสุขขึ้น
เหมือนของเรา ตอนไหนที่เครียดๆ นอกจากจะคุยกับเพื่อนเพื่อเล่าปัญหาให้ฟัง หรือขอคำปรึกษาแล้ว เราจะพยายามดึงความรู้สึกที่เป็นลบ เปลี่ยนมาเป็นพลังบวกไปในงาน หรือการเขียนบล็อก หรือแชร์อะไรดีๆ ให้คนอื่น
เพราะเวลาที่เราเครียด เราเหมือนเป็นทาสของเวลา เมื่อไรช่วงที่แย่ๆ นี้จะผ่านไปสักที แต่เมื่อไรก็ตามที่เราหา flow activity ของตัวเองได้ มันเหมือนกับว่า เวลาตกอยู่ในมือของเรา เราจะมีความสุข สนุกจนลืมเวลาไปเลย
กิจกรรมทุกอย่างที่ตัวเราเอ็นจอยในการทำสามารถเป็น flow activity ได้ ลองหากิจกรรมตัวเองอินดู ก็อย่างเช่น: ร้องเพลง เล่นดนตรี ทำสวน ไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ วาดรูป ระบายสี อย่างของเราก็คือการทำอาหาร เขียนบล็อก อัดพอดแคสส์ ทำกราฟฟิค
7) ฟังเพลง
การฟังเพลงถือว่าเป็นสิ่งสากลที่คนต่างยอมรับว่าช่วยในการฮีลได้ ช่วยทั้งลดความกังวล ไปจนถึงช่วยให้คนฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้รวดเร็วขึ้น
แล้วเพลงแบบไหนที่เราควรฟัง? เขาบอกว่าให้หาเพลงที่มีบีทประมาณ 60 บีทต่อนาที เสียงของฟ้าร้อง ฝนตก นกร้อง หรือเสียงดนตรี
ความกังวลเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ มันจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่เราสามารถจัดการได้ แม้ว่าจะมีข่าวต่างๆ มากมาย แม้ว่าอาจจะออกไปไหนไม่ได้ ก็อย่าให้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นสิ่งกีดขวางเราไม่ได้เราดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง ลองดูวิธีที่บอกไป อาจจะไม่ได้ผล 100% สำหรับทุกคน แต่อย่างน้อยก็ของเอาไปปรับใช้กัน หวังว่าจะช่วยในการคลายความเครียดความกังวลลงไปได้นะคะ
โฆษณา