11 เม.ย. 2021 เวลา 16:07 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีภาพยนตร์สร้างจากเกมชื่อดังเข้าฉายในโรงไป เห็นกระแสจากสื่อและผู้คนทั้งไทยและเทศไปในทิศทางที่ดี จึงทำให้ Mortal Kombat (2021) มีโอกาสสดใสที่จะโกยเงินไปได้ตามเป้า หรือถึงขั้นมีภาคต่อตามมา
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ฮอลลีวู้ดได้เคยทำ Mortal Kombat ออกฉายมาก่อนแล้วหลายภาคเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว แต่กระแสตอบรับเรียกได้ว่าเข้าขั้นติดลบ พุ่งเจอตอเข้าอย่างจัง
ปัจจุบันนี้จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะเหม็งในยุคที่ซีจีไอเฟื่องฟู คอเกมและหนังแอ็คชั่นที่เรียกร้องให้สร้างแบบเรท R เลือดสาดกระเซ็นจึงตั้งความหวังไว้กับเรื่องนี้ค่อนข้างสูง
แต่ก่อนจะข้ามไปจุดนั้น เรามาส่องความเป็นไปได้ที่หนังเรื่องนี้จะเดินรอยตาม หนังสร้างจากเกมเหล่านี้กันสักนิดดีกว่า
1. Tomb Raider (2018)
ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดที่ Mortal Kombat จะเดินรอยตามได้ก็คือเรื่อง Tomb Raider เวอร์ชั่นของ อลิเซีย วิคันเดอร์ (Alicia Vikander) แสดงนำในบท ลารา ครอฟต์
เพราะว่าเรื่องนี้ก็เคยมีเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่นำแสดงโดย แองเจลินา โจลี (Angelina Jolie) ไปก่อนแล้วเช่นกัน และเวอร์ชั่นของโจลีนั้นก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่แฟนหนัง แฟนเกมประทับใจ
เนื้อเรื่องของ Tomb Raider ฉบับภาพยนตร์ของปี 2018 นั้นจะเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงของการผจญภัยในครั้งแรกของลาร่า ครอฟท์ เธอได้ออกเดินทางผจญภัยเพื่อออกตามหาคุณพ่อของเธอที่หายสาบสูญไปในเกาะปริศนาแห่งหนึ่ง จนได้พบกับองค์กร “ทรินิตี้” (Order of Trinity) ที่พยายามควบคุมโลกและชะตากรรมของมนุษยชาติเอาไว้
หากว่ากันตามตรงแล้วเวอร์ชั่นรีบู้ทครั้งนี้ก็ไม่ได้ดีเลิศไร้ที่ติขนาดนั้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าตลอดทั้งเรื่อง หนังเรื่องนี้มีศักยภาพเพียงพอในการผลักดันตัวเองไปอยู่ในจุดที่ผู้คนและนักวิจารณ์สามารถถอดสมองดูแล้วยังไม่หงุดหงิดใจตาม
หนังเรื่องนี้เป็นเจ้าของรายรับที่น่าพอใจในการลงทุนไปเกือบ 100 ล้านยูเอสดี แต่ได้คืนกลับมาเกือบ 3 เท่า จนในที่สุดเรื่องนี้ก็มีภาคต่อที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานสร้างตามมาได้สำเร็จ
โอกาสวัดรอยเท้า: 80% เนื่องจากในโลกของเกม Mortal Kombat มีตัวละครอีกมากมายจากทั้งหมด 11 ภาคที่สามารถจับมาขยายได้อีกในภาคต่อไป หากผ่านการเกลาบทและมีงานสร้างที่ดี เชื่อแน่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำสองเหมือนตอนมีภาคต่อในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้
2. Rampage (2018)
หากตัดเรื่อง Jumanji ออกไป Rampage ถือได้ว่าเป็นหนังที่สร้างจากเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้
นำแสดงโดย ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) เจ้าเก่าที่คงไม่ผิดนักหากโลกต้องเจอสัตว์ที่กลายพันธุ์จนตัวใหญ่ยักษ์ เห็นทีก็คงมีแต่ เดอะร็อค (The Rock) คนนี้เท่านั้นที่จะช่วยกอบกู้
สร้างจากเกมสัตว์ประหลาดอาละวาดไล่ทุบตึกชื่อดัง ซึ่งการผ่านด่านก็จะง่าย ๆ คือเราแค่ทำลายเมืองให้ราบคาบ จับคนมากินเรื่อย ๆ คอยปราบกลุ่มปกป้องโลกก็คือพวกทหาร และตำรวจ
ความน่าสนใจในเวอร์ชั่นหนังนั้นก็คือ การสลับฝั่งให้เราเป็นฝ่ายเอาใจช่วยกลุ่มทหาร และตำรวจในการปราบสัตว์หน้าขนบ้าคลั่งเหล่านี้ รวมถึงใส่ความสัมพันธ์ระหว่างคนฝึกกับสัตว์เพื่อเรียกคะแนนจากคนดูเพิ่มขึ้น
ซึ่งท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ทำมาแล้วจบสมบูรณ์ภายในตัวมันเองโดยไม่จำเป็นต้องมีภาคต่อ แต่ก็สามารถโกยรายได้สูงกว่าเงินลงทุนไปได้ถึง 3 เท่า พร้อมเสียงชื่นชมจากฝั่งคนดูและนักวิจารณ์
โอกาสวัดรอยเท้า: 30% เนื่องจาก หากสมมติว่า Mortal Kombat เป็นเจ้าของผลงานที่มีรายรับและคำวิจารณ์ที่น่าพึงพอใจเหมือนกับ Rampage ทีมผู้สร้างคงไม่ปล่อยให้มันจบแค่ภาคเดียวแน่นอน ในเมื่อมีอีกหลายเรื่องราวและตัวละครที่สามารถนำมาหากินได้อีกกับแฟรนไชส์เกมนี้
3. Warcraft (2016)
หนึ่งในหนังสร้างจากเกมที่เสียงแตกที่สุดเรื่องหนึ่งของยุค แฟนเดนตายที่ตามมาจากเกมต่างเทคะแนนให้เต็มสิบไม่หัก หวังจะให้มีภาคต่อออกมา ในขณะที่ฝั่งนักวิจารณ์ต่างกดคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยราดจนน่าตกใจ
เกมแนวสวมบทบาท (role-playing) ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายยามถูกหยิบมาสร้างเป็นหนัง เพราะมันไม่มีผู้ดำเนินเรื่องที่ชัดเจน มีหลายคาแรคเตอร์ให้เลือกใช้มาเป็นตัวเอกของหนัง อีกทั้งนั่นจะใช่การเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่แฟนหนังอยากจะเห็นหรือไม่นั้น เป็นปัญหาใหญ่เสมอสำหรับทีมผู้สร้างไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้
Warcraft มีจักรวาลและตัวละครที่ใหญ่และเยอะมาก แทบไม่ต่างกับเนื้อเรื่องของ The Lord of the Rings แม้แต่น้อย มีเวทย์มนต์ คำสาป ตำนาน เผ่าพันธุ์ เรื่องเล่ามากมายเกินกว่าจะย่อยอย่างละเอียดได้ภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง อีกทั้งเมื่อทำออกมาก็เหมือนแทงกั๊กทั้งงานสร้าง บทหนัง ที่ดูจะเล่นใหญ่ก็ไปไม่สุด จะเล่นน้อยก็ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร
และนั่นก็กลายเป็นบทสรุปที่น่าเศร้าสำหรับหนังเรื่อง Warcraft ที่เสี่ยงทำออกมาในรูปแบบของหนังมากกว่าซีรีย์ ขนาดที่ว่าเลือกตอนจบแบบที่สามารถขยายจักรวาลออกไปได้ แต่แฟนหนังทั่วโลกต่างไม่คิดเช่นนั้น
หนังเรื่องนี้ก็เลยค่อย ๆ หายไปตามกระแสไม่ค่อยถูกพูดถึงอีกเลย กลายเป็นหนึ่งในหนังเจ๊งประจำปี 2018 ไปตามระเบียบ
โอกาสวัดรอยเท้า: 50% เนื่องจาก Mortal Kombat เป็นเกมสไตล์เลือกตัวละครแล้วสวมบทบาทคล้าย ๆ Warcraft แฟนหนังส่วนใหญ่ชอบ อีกทั้งมีฐานคอเกมติดมาค่อนข้างหนาแน่น แต่ในยุคที่รายรับของหนังคือตัวตัดสินความสำเร็จ ก็ได้แต่หวังว่า Mortal Kombat จะไม่เดินตามรอย Warcraft ในเรื่องนี้
https://www.heyuguys.com/mortal-kombat-trailer/
ยังมีภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น (live-action) ที่สร้างมาจากเกมอีกมาก บ้างประสบความสำเร็จ บ้างเจ๊งไม่เป็นท่า แต่ 3 เรื่องข้างต้นถือเป็นเรือธงของฮอลลีวู้ดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนคงเห็นแล้วว่ามีชะตากรรมที่แตกต่างกันไปตามวาระ
เมื่อมองไปถึง “ช่วงเวลาที่หนังเลือกเข้าฉายกับเรทหนังที่เลือกสร้างออกมา”อาจต้องใช้คำว่า “ลุ้นเหนื่อย”
ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่ Mortal Kombat มีก็คือทุนสร้างที่ต่ำ หักลบกลบหนีแล้วอาจจะเข้าเนื้อไม่มากนัก แต่บทสรุปจะตรงตามที่ผู้เขียนคาดไว้หรือไม่นั้น Box Office ที่จีนคือ กุญแจหลักของเรื่องนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา