Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
THE SCOOP
•
ติดตาม
16 เม.ย. 2021 เวลา 15:20 • กีฬา
เรอัล มาดริด คือสโมสรที่นักค้าแข้งเกือบทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้ลงวาดลวดลายฝีเท้าภายใต้ชุดแข่งสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่าหากมีข้อเสนอยื่นมา นักเตะทุกคนต่างพร้อมจรดน้ำหมึกเซ็นสัญญากันทั้งสิ้น ยอดทีมโลส บลังโกส จึงเป็นแหล่งรวมยอดแข้งของโลกมาทุกยุคทุกสมัย
แต่ใช่ว่าทุกการเซ็นสัญญาของ ราชันชุดชาว เรอัล มาดริดจะประสบความสำเร็จ นักเตะชื่อก้องโลกหลายคนต่างเอาชื่อเสียงและเวลามาทิ้งกันที่นี่ บางคนไหวตัวทันย้ายหนีออกไปตั้งหลักใหม่อีกครั้งได้ แต่บางคนกราฟชีวิตมีแต่ดิ่งลงเหวเรื่อยๆ
บทความนี้จะพาไปดู 3 นักเตะที่เอาชีวิตการค้าแข้งของตัวเองมาทำลายทิ้งที่สังเวียน ซานติอาโก้ เบอร์นาเบวแห่งนี้
1. รอยสตัน เดรนเธ่ (Royston Drenthe)
https://talksport.com/football/489458/royston-drenthe-real-madrid-retire-football-rap/
นี่คือหนึ่งในวันเดอร์คิดที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น โลกสยบแทบเท้าเขาในวัยย่างเข้า 20 ที่สามารถคว้าแชมป์ยู-21 ปี 2007 กับชาติบ้านเกิด เนเธอร์แลนด์ พ่วงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ ถึงขนาดที่ว่ารุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ต่างอวยอย่างออกนอกหน้า
อนาคตอันสดใสรอปีกซ้ายชาวดัตช์ผู้นี้อยู่ หลายสโมสรต่างรุมทึ้ง รอยสตัน ทันทีเมื่อทัวร์นาเมนต์จบลง ท้ายที่สุดเป็น เรอัล มาดริด ได้ตัวเขาไปด้วยสนนราคา 14 ล้านยูโร หากเทียบกับนักเตะในยุคปัจจุบัน สไตล์การเล่นของเขาคล้ายคลึงกับ รีซ เจมส์ แต่จะประจำการอยู่ฝั่งซ้ายแทน คือเป็นพวก versatile player หรือนักเตะสารพัดประโยชน์
ตำแหน่งที่เขาแจ้งเกิดจริงๆคือมิดฟิลด์ทางฝั่งซ้าย จะถอยมาเล่นแบ็คซ้ายก็ได้หรือจะดันขึ้นเป็นปีกก็ได้เช่นกัน ความสารพัดประโยชน์นี้ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มโอกาสการลงสนามให้กับเจ้าตัว
แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ นี่คือเคสศึกษางามๆของเหล่าวันเดอร์คิดที่รีบชิงย้ายสู่ทีมใหญ่ใหญ่ก่อนเวลาอันควร ดาวรุ่งผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุมผู้นี้เลือกจะ “บังคับปนข่มขู่ต้นสังกัดเดิม เฟเยนูร์ด” ให้ปล่อยตัวเขาไปร่วมทีมราชันชุดขาว ซึ่งเมื่อได้ย้ายมาสมใจอยาก เจ้าตัวกลับดันไม่สามารถฉกฉวยโอกาสลงสนามเพื่อพัฒนาฝีเท้าได้ ความอเนกประสงค์ของรอยสตันทำให้โค้ชหลายคนมองเขาเป็นตัวเลือกบนม้านั่งสำรองมากกว่า ยิ่งการมาของ มาร์เซโล่ ในปี 2009 บวกกับทัศนคติที่ไม่สู้ของเจ้าตัวคือการตอกลิ่มปิดประตูโอกาสการลงสนามไปโดยปริยาย
ท้ายที่สุดเจ้าตัวถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรเมื่อปี 2012 กับสถิติลงสนาม 48 นัด ตลอดระยะเวลา 5 ปี ยิง 2 ประตู ถูกปล่อยยืมในระหว่างนี้ไปอีก 2 ปี ช่างเป็นการเอาพรสวรรค์มาละเลงทิ้งอย่างน่าเสียดายที่แท้จริง ปัจจุบันในวัย 33 ปีเจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับทีมดิวิชั่น 4 ในลีกสเปน กับทีมราซิ่ง มูร์เซียพร้อมทั้งหันมาเอาดีกับการเป็นแร็ปเปอร์ (Rapper) เป็นที่เรียบร้อย
2. นูริ ซาฮิน (Nuri Sahin)
https://www.fifa.com/the-best-fifa-football-awards/photos/galleries/nuri-sahin-turkish-delight-1703123#nuri-sahin-real-madrid-gestures-1635525
หลังจากช่วยโบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์แย่งแชมป์บุนเดสลีกามาจาก เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิคได้สำเร็จในปี 2010 เจ้าตัวก็เลือกถอดชุดเหลืองแล้วเปลี่ยนมาสวมชุดขาวแทนภายใต้การคุมทัพของ เดอะสเปเชี่ยล วัน โชเซ่ มูรินโญ่ผู้หมายมั่นปั้นมือที่จะให้ซาฮิน มาคุมแดนกลางร่วมกับชาบี อลอนโซ่
ในวัย 24 ปีที่ถ้วยรางวัลรายการเมเจอร์และประสบการณ์ในเกมใหญ่ๆ ก็มีมาแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวสำหรับซาฮินในการก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ให้กับโคตรทีมนี้ได้ แต่แล้วนี่ก็เป็นอีก “หนึ่งการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวของมูรินโญ่ตลอดอาชีพการเป็นผู้จัดการทีม”
นูริ ซาฮินไม่สามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่จะเป็นนักเตะเกรดเอให้กับ เรอัล มาดริดหรืออย่างน้อยก็ไปอยู่ในระดับเดียวกับที่เคยทำไว้สมัยค้าแข้งกับดอร์ทมุนต์ หนำซ้ำกับสโมสรระดับนี้การเจ็บออด ๆ แอด ๆ หมายถึงโอกาสอันริบหรี่ในการประสบความสำเร็จ ตลอด 1 ปีที่อยู่กับเรอัล มาดริด นูริ ซาฮินใช้เวลาอยู่ในโรงหมอบ่อยกว่าสนามแข่งเสียอีก ยามได้รับโอกาสที่มีอย่างจำกัดจำเขี่ย เจ้าตัวก็ไม่สามารถฉกฉวยเกมไทม์มาได้ จนถูกซามี่ เคดิร่าจับจองสัมปทานพื้นที่แดนกลางตรงนั้นไปแทน
ท้ายที่สุดเจ้าตัวที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่มีความสุขกับชีวิตการค้าแข้งที่นี่ก็ถูกปล่อยยืมให้กับลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ถัดมา
พอล ไบรท์เนอร์ ตำนานนักเตะชาวเยอรมันเคยฟันธงไว้ตอนที่ซาฮินย้ายมาร่วมทัพกับมาดริดไว้ว่า “สำหรับซาฮิน เขาจะกลายมาเป็นยอดมิดฟิลด์ของยุโรปในอีกไม่กี่ฤดูกาลข้างหน้าอย่างแน่นอน”
ทว่าฤดูกาลนั้นของซาฮินไม่มีทีท่าว่าจะมาถึง กราฟการค้าแข้งของเจ้าตัวได้ดิ่งลงเรื่อยๆนับตั้งแต่ย้ายออกจากมาดริด ปัจจุบันในวัย 32 ปี เจ้าตัวกำลังเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งใหม่กับ อันตัลยาสปอร์ (Antalyaspor) ทีมในลีกสูงสุดบ้านเกิดที่ตุรกี
3. ฟาบิโอ โกเอนเตรา ( Fabio Coentrao)
https://www.marca.com/futbol/real-madrid/2016/06/07/5756eb9a468aeb98788b45f1.html
ดูเหมือนว่าเรอัล มาดริดจะชื่นชอบนักเตะสารพัดประโยชน์ทางแบ็คซ้ายเสียเหลือเกิน แต่เมื่อยังไม่เข็ดกับเคส รอยสตัน เดรนเธ่ ราชันชุดขาวในปี 2011 ก็จัดการคว้าตัว ฟาบิโอ โกเอนเตรามาร่วมทีมด้วยสนนราคาแพง 30 ล้านยูโรโดยมีผู้จัดการร่วมชาติอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ช่วยนั่งยัน นอนยันรับประกันในความคุ้มค่าของเจ้าตัว
ในสมัยนั้นช่วงที่มนุษย์วานร แกเร็ธ เบล ยังเป็นแค่ผู้เล่นดาวรุ่งอยู่กับสเปอร์ส นักเตะที่มีสไตล์การเล่นที่คล้ายกันอย่าง ฟาบิโอ โกเอนเตราคือคลาสเอทางฝั่งซ้าย เรียกได้ว่านี่คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่มูรินโญ่เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยยกระดับทีมได้
แต่แล้วทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเรื่องปาหี่อีกจนได้สำหรับมูรินโญ่ เพราะโกเอนเตราได้นำชื่อเสียงของตัวเองมาโยนทิ้งให้กับ มาร์เซโล่ เจ้าเก่า เจ้าเดิม เพราะการยกระดับทีมที่ว่าของมูรินโญ่คือการช่วยให้ฝีเท้าและความมั่นใจของมาร์เซโล่มีแต่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ขณะที่ทางฝั่งโกเอนเตรากลับถดถอยลงไปแทน
ทัศนคติและแรงจูงใจในการลงเล่นให้กับเรอัล มาดริดค่อย ๆหมดไปจนเจ้าตัวมั่นใจแล้วว่า “ซานติอาโก้ เบอร์นาเบวไม่ใช่สถานที่ของเขาอีกต่อไป” โอกาสในการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งของเจ้าตัวคือ เซ็นสัญญายืมตัวกับโมนาโก และสปอร์ติ้ง ลิสบอน
แต่อย่างที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับ goal ในภายหลังว่า “มาดริดทำให้ผมแทบลืมวิธีการเล่นฟุตบอลไปเลย” ซึ่งเจ้าตัวก็คงลืมมันไปแล้วจริงๆเพราะตลอดช่วงสัญญายืมตัว แบ็คซ้ายชาวโปรตุกีสก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งของเจ้าตัวเหมือนสมัยก่อนย้ายมาอยู่กับเรอัล มาดริดได้ ณ ปัจจุบันหลังจากไร้สังกัดมาเกือบปีกว่า เจ้าตัวได้สูญเสียแรงจูงใจการเล่นฟุตบอลและประกาศ “แขวนสตั๊ดไปด้วยวัย 31 ปีเป็นที่เรียบร้อย” ปิดฉากอาชีพการค้าแข้งลงไปอย่างน่าเศร้าของนักเตะผู้มากพรสวรรค์รายนี้
ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว สังเวียนแห่งเกียรติยศสำหรับนักฟุตบอลบางคน แต่สำหรับอีกหลายๆคนที่นี่คือหลุมดำในชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมาจากฟอร์มการเล่น ปัญหาอาการบาดเจ็บ ใจไม่สู้ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีม ปัญหาการสื่อสาร สุดท้ายแล้วมันก็เป็นจุดด่างพร้อยที่ทำลายอาชีพการค้าแข้งของนักเตะบางคนลงไป เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับ 3 คนข้างต้นนี้...
https://brainsre.news/en/real-madrid-sets-up-the-santiago-bernabeu-as-a-large-distribution-centre-for-medical-equipment/
ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว สังเวียนแห่งเกียรติยศสำหรับนักฟุตบอลบางคน แต่สำหรับอีกหลายๆ คนที่นี่คือหลุมดำในชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมาจากฟอร์มการเล่น ปัญหาอาการบาดเจ็บ ใจไม่สู้ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีม ปัญหาการสื่อสาร สุดท้ายแล้วมันก็เป็นจุดด่างพร้อยที่ทำลายอาชีพการค้าแข้งของนักเตะบางคนลงไป เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับ 3 คนข้างต้นนี้...
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Meanwhile in sports
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย