วัฒนธรรม
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีวัฒนธรรม ไม่ว่าเราจะย้อนไปกี่ปีเราก็จะสามารถพบได้ว่าเรามีวัฒนธรรมคู่กับชนชาติหรือชนเผ่านั้นๆ มาเสมอ
อย่างเช่น วัฒนธรรมการมีกษัตริย์ หากย้อนรอยตามประวัติศารสตร์เก่าแก่เราจะพบเห็นว่า ทุกอารยธรรมล้วนมีผู้นำ แล้วแต่ละที่ก็จะมีความเชื่อ เรื่องเล่าแตกต่างกันไป
ทุกๆ อณาจักรมีพิธีกรรม มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เช่น พิธีบูชายัญ ที่ถวายต่อเทพเจ้าให้อวยพรพวกเขาในเรื่องต่างๆ บ้างใช้แพะ บ้างใช้มนุษย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเศษเสี้ยวของวัฒนธรรมทั้งสิ้น
ทีนี้เมื่อมีวัฒนธรรมก็เฉกเช่นสิ่งอื่นๆ ที่ย่อมมีสองด้าน วัฒนธรรมที่ดี และ ไม่ดี
ผมเองเชื่อว่าสิ่งใดที่ดีนั้นจะยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่สิ่งที่ไม่ดีและมีข้อเสียที่เด่นชัดนั้นจะถูกธรรมชาติจัดการ
คำว่าธรรมชาติในที่นี้ผมคิดว่าย่อมต้องหมายความว่า “มนุษย์” อย่างแน่นอน
เพราะสิ่งที่เป็นคนใช้ หรือ อาศัยอยู่ในวัฒนธรรมนั้น ก็คือพวกเรา แต่ว่าต้องเป็นพวกเราส่วนมากเท่านั้นด้วย
เพราะหากเราเป็นส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการมีอยู่ของสิ่งๆ หนึ่ง เราย่อมไม่อาจทำอย่างไรกับมันได้ เพราะยังมีเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นด้วยกับการมีอยู่ของสิ่งๆ นั้น
เช่นการบูชายัญที่เราไม่เห็นกันแล้ว และ ถ้าหากยังมีกลุ่มคนใดที่ทำพิธีกรรมนี้ก็จะถูกคนส่วนใหญ่มองว่า
ผิดและไม่ดีไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันดีก็ตาม
แต่หากว่าวันหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าสิ่งที่เป็นอยู่ หรือ วัฒธรรมๆ หนึ่งนั้น ไม่เวิร์คสำหรับพวกเขา การที่มีวัฒธรรมนี้อยู่ไม่สามารถทำให้พวกเขามีความสุขได้อีกต่อไป ย่อมแน่นอนว่าสักวันหนึ่งมันจะต้องหายไป เพราะไม่มีสิ่งใดที่สามารถต้านทานธรรมชาติได้อย่างแน่นอน
วัฒนธรรมต้องดีงาม และ ควรค่าแก่การรักษา เฉกเช่นการยกมือไหว้ของไทย ผมมองเห็นว่าการกระทำนี้เป็นเอกลักษณ์สวยงาม ทั่วโลกรู้จัก เรารักหรือเคารพบุคคลใด เราก็ยกมือไหว้ ตรงกันข้ามหากเราไม่รักหรือไม่เคารพใครเราก็ยังคงไหว้ได้ เพราะเราอยู่ในวัฒนธรรมที่เราทักทายกันด้วยการไหว้
แต่ทำไมการกราบไหว้ถึงเริ่มมีปัญหาขึ้น การไหว้ครูซึ่งเคยเป็นสิ่งสวยงามของกลายเป็นปัญหาขึ้นมา เพราะโลกเปลี่ยนไปเสียแล้ว
เมื่อเราเริ่มเห็นวัฒนธรรมอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เราเริ่มเกิดการเปรียบเทียบของเรากับของเขา รวมกับมีสิ่งที่ติดอยู่ในใจอยู่แล้วด้วย เช่นว่าทำไมต้องไหว้ครูคนนี้ทั้งๆ ที่เขาดุด่าว่าเรา หรือ เป็นครูพละที่ชอบทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ผมเชื่อว่าหากเป็นครูที่ดี และ เป็นครูที่เด็กๆ รัก พวกเขาคงไม่มีปัญหากับพิธีไหว้ครูนี้เป็นแน่แท้ แต่เราต้องยอมรับด้วยว่าเมื่อมีดีย่อมมีไม่ดี เมื่อเจอครูไม่ดี เด็กๆ ที่ต้องนั่งพับเพียบเมื่อยขาเป็นชั่วโมงๆ เพื่อพวกเขาย่อมไม่อยากทำ หรือ ทำด้วยใจที่ไม่บริสุทธิ์
เมื่อตอนผมเองเป็นเด็ก หรือ ตอนที่ทุกท่านเป็นเด็กแน่นอนว่าหากไปโรงเรียนตามปกติก็จะได้มีส่วนร่วมในพิธีนี้อย่างแน่นอน ผมเองตอนที่ต้องทำพิธีก็ไหว้ทิ่มๆ ไปอย่างนั้น เพราะเราไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาทำความเคารพครูบางคน ที่เราไม่รู้จักด้วยซ้ำ เรียนก็ไม่ได้เรียนกับครูคนนี้ แต่เมื่อต้องไหว้คุณครูประจำชั้น ที่คอยเขี่ยวเข็ญดูแล ผมก็ไหว้ด้วยความเคารพ
เมื่อคิดแบบนี้จึงทราบว่า ไม่แน่ว่าปัญหานี้อาจจะไม่ได้เป็นปัญหาที่พิธีกรรมก็ได้ อาจจะเป็นที่อาชีพครูเริ่มตกต่ำ ไม่มีคุณภาพ ตามที่เห็นในข่าวเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะตบตีเด็ก ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ทำตัวไม่น่าเคารพ
เด็กสมัยนี้เก่ง และ กล้าแสดงออกในความคิดของตัวเอง ซึ่งมันขัดกับสังคมที่เราเคยเป็นกันมานานจึงเป็นปัญหาดั่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เราเห็นสิ่งต่างๆ จากทั่วโลกได้ภายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที การเห็นวัฒนธรรมอื่นแล้วนำมาเปรียบเทียบกับของตัวเองจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก และ ความคิดที่ว่าของเราเนี่ยมันดีแล้วรึยังจึงเกิดขึ้นตามมาด้วย
วัฒนธรรมเองก็เป็นเช่นเดียวกับสิ่งอื่นบนโลก ที่หากไม่ปรับปรุง ปรับเปลี่ยนตัว ก็จะสูญพันธุ์หายไปตามกาลเวลา
และแน่นอนไม่มีสิ่งใดชนะกาลเวลาและธรรมชาติได้
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
