22 เม.ย. 2021 เวลา 00:10 • ครอบครัว & เด็ก
คุณต้องบังเกิดใหม่..
คุณจะเกิดมาเป็นคนชาติศาสนาไหนเราทุกคนเลือกไม่ได้ แต่ในเรื่องของความเชื่อเราทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกเองครับ มันเป็นเรื่องของจิตใจบังคับกันไม่ได้จริง และยังไงๆเราก็ต้องเลือกครับ เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะมาคอยกำกับควบคุมหรือดูแลคุณได้ตลอดเวลาครับ
ผมเกิดมาในครอบครัวจีนศาสนาพุทธ ๆ ก็เริ่มคิดกับเรื่องนี้จริงจังตอนอายุ 27 ปีครับ เพราะเจอภัยพิบัติหลายเรื่องกับชีวิตกับคนในครอบครัว รู้สึกว่าไม่สนใจไม่ได้แล้วกับเรื่องความเชื่อ เพราะมันสามารถกำหนดอนาคตดีร้ายของเรา
ที่ผมเลือกจะเชื่อศรัทธาในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับพระเยซู เพราะพระคัมภีร์ไบเบิ้ลช่วยให้ผมได้รู้เกี่ยวกับจิตใจของพระเจ้าและพระเยซูเป็นพระเจ้าที่ผมสามารถใกล้ชิดสัมผัสได้ ถ้าไม่มีสองสิ่งนี้ผมจะรู้จักพระเจ้ายังไง? ซึ่งพระเยซูตอนนี้ก็กำลังทำงานอยู่ในโลกผ่านทางคริสตจักรหรือบรรดาผู้ที่เชื่อด้วยครับ มีเยอะแยะที่สามารถอธิบายเรื่องพระเจ้าได้ชัดเจน
ก็มีหลายกลุ่มศาสนาที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่จะรู้จักหรือเข้าถึงแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่อง เหมือนนายกตู่ผมก็รู้ว่าเขาเป็นนายก แต่รายละเอียดชีวิตผมก็ไม่ได้รู้อะไรมาก อยากรู้จักมากขึ้นก็ต้องผ่านทางภรรยาหรือตัวท่านเอง พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับพระเยซูหรือบรรดาผู้ที่เชื่อในคริสตจักรจึงช่วยผมได้มากๆ กับการทำให้ผมได้รู้จักกับจิตใจของพระเจ้าผู้สร้างทุกชีวิตในจักรวาลนี้ขึ้นมาครับ
ตอนนี้หลายคนก็ไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยได้เปิดใจทำความรู้จักด้วยตัวเอง แต่แค่ตัดสินจากการฟังคนอื่นที่อาจมีใจอคติและตัวเองก็มีใจอคติเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยก็รับเข้ามาง่ายมากกับข้อมูลที่ปฏิเสธว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้า.. แต่ถ้าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้าแล้วเป็นเพียงศาสดาของศาสนาคริสต์อย่างที่หลายคนคิด การตายเพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ทุกคนก็จะไม่มี ทุกคนก็จะต้องตายไปพร้อมกับความบาปของตน..ไปนรกกันหมดทุกๆคนเพราะบาปที่เกิดขึ้นมานับตั้งแต่อาดัมมนุษย์คนแรก
ทีนี้กับการที่พระเยซูมาอ้างว่าตนเป็นพระเจ้า มายังโลกเพื่อมาตายไถ่บาปนั่น เพื่อมนุษย์จะได้พ้นผิดกลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ชอบธรรมอีกครั้ง ได้กลับมาคืนดีกันกับพระเจ้า จบชีวิตจากโลกนี้ดวงวิญญาณก็จะได้กลับสู่บ้านที่สวรรค์ เรื่องหลักๆคือประมาณนี้ แล้วมันไม่ดีหรือที่พระเจ้าทำให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องไปนรกบึงไฟเพราะบาปแล้ว
ทีนี้ก็จะมีคำถามว่าจะมั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเขียนไว้นั้นเป็นความจริง ก็ต้องเอาตัวเองนี่แหล่ะก้าวเข้ามาอ่านฟังคิดใคร่ครวญกับสิ่งที่พระคัมภีร์ฯ กล่าวไว้ เช่น กับเรื่องที่เรากำลังคุยกันอยู่เดี๋ยวนี้ ก็จะมีบอกไว้ด้วยสำหรับผู้ที่กำลังแสวงหาหนทางใหม่ๆ โดยเฉพาะสถานการบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยเชื้อโควิดขณะนี้ คนที่ยังไม่ติดก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีโอกาสติด ถ้าติดและตายขึ้นมาล่ะจะยังไงต่อ ไม่เป็นโควิดตายก็อาจจะตายเพราะอุบัติเหตุหรือโรคภัยหรือแก่ คือยังไงก็ต้องตายแน่ๆ จะช้าหรือเร็ว แต่วิญญาณก็ต้องไปต่อถึงแม้ร่างที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จะหมดสภาพแล้ว
มาถึงตรงนี้การที่ต้องใช้ความเชื่อก็จะสำคัญจำเป็นละเพราะเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งพระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็บอกว่ามี และผ่านทางสิ่งที่พระเจ้าทำกับบรรดาผู้ที่เชื่อสอดคล้องกับสิ่งที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ถ้าสิ่งที่พระเจ้าบอกไว้ในนั้นเป็นจริงตอนนี้ขณะนี้ การบอกถึงสิ่งที่กำลังจะมาในอนาคตจนถึงโลกหน้าหลังความตายบนโลกก็ต้องเป็นจริงด้วยเช่นกัน แค่เวลาปรากฏยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง และทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองกับสิ่งที่พระเจ้าบอกไว้ในพระคัมภีร์ฯ ว่าพระเจ้ามีจริงเพราะสิ่งที่พระองค์บอกมีแต่ความจริงเพราะพระองค์บอกเช่นนั้นในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ตัวผมและผู้ที่เชื่อมากมายมีประสบการส่วนตัวเป็นพยานยืนยันได้
ยกมาสักเรื่องราวในพระคัมภีร์ฯ เอาเรื่องเอซาวกับยาโคบในปฐมกาล27 กุญแจเงื่อนไขที่ทำให้มนุษย์สามารถได้รับพระพรหรือพ้นจากการแช่งสาปก็คือพระเยซูหรือพระคำของพระเจ้านั่นเอง ซึ่งแม่กำลังเป็นเงาสะท้อนถึงพระเยซูหรือคริสตจักรและพ่อเป็นเงาสะท้อนถึงพระเจ้าหรือพระคำ เอซาวกับยาโคบเป็นเงาสะท้อนถึงมนุษย์2ประเภท เอซาววางใจกับกำลังความสามารถของตัวเองนี้คือลักษณะของผู้ที่ได้รับการแช่งสาป ส่วนยาโคบคือลักษณะของผู้ที่ได้รับพรเพราะวางใจแม่คือผู้ที่วางใจในพระเยซูนั้นเอง
เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปีให้ยาโคบ
ก็เลยต้องมาสนใจว่าแบบไหนที่เรียกว่าวางใจพระเยซู พระคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งเล่มกำลังพูดถึงสิ่งนี้ กับตอนที่เราฟังหรือได้พูดหรือคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ได้วางใจพระเยซูแล้วกับการเอาเวลามาให้กับเรื่องนี้ เหมือนตอนที่พระเยซูไปเยี่ยมนางมารีกับมารธา มารีนั่งฟังพระองค์แต่มารธาพยายามจะทำอาหารมาเพื่อปรนนิบัติพระองค์ พระเยซูก็เลยตำหนิเธอและชื่นชมมารี เพราะนี้แหล่ะคือสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์มีใจแบบนี้ แบบมารี
พระเยซูไปเยี่ยมมารีกับมารธา
มารธาจิตใจก็จะคล้ายกับจิตใจของเอซาวคือมีความสุขอยู่กับการได้ทำได้ติดตามความคิดความฝันของตัวเอง ไม่ชอบกับการเอาเวลามาสนใจเรื่องพระคำหรือจิตใจของพระเจ้า ซึ่งแท้จริงเพราะกำลังถูกมารซาตานล่อลวงจิตใจจึงเห็นดีเห็นงามอยู่กับทางนั้นได้ ซึ่งแท้จริงนั่นเป็นหนทางไปสู่ความหายนะกับการที่มนุษย์ไม่สนใจพระเจ้าตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งเป็นความจริง แต่ไปสนใจความคิดหรือข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จเพราะถูกอกถูกใจแค่นั้น สุดท้ายภัยพิบัติก็เข้ามา หลายคนก็ถึงขั้นพิการหรือล้มตาย ก็มีให้เห็นมากมาย พระเจ้าก็ให้ได้ยินได้เห็นกับเราเพื่อจะได้ไหวตัวกลับใจมาหาพระเจ้าก่อนที่จะสายเกินไปครับ
"หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาคุณอันอุดม และความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์ ท่านไม่รู้หรือว่าพระกรุณาคุณของพระเจ้านั้น มุ่งที่จะชักนำท่านให้กลับใจใหม่ แต่เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงส่ำสมโทษให้แก่ตัวเอง ในวันที่พระเจ้าทรงลงพระอาชญา ซึ่งพระองค์จะทรงสำแดงการพิพากษาลงโทษที่เที่ยงธรรมให้ประจักษ์"
โรม 2:4‭-‬5 TH1971
ทักมาคุยกันนะครับเบอร์/ไลน 085 083 5433, 094 432 0889​
โฆษณา