23 เม.ย. 2021 เวลา 13:46 • หนังสือ
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังสือที่มีชื่อว่า
‘สร้างคอนเน็กชั่นแกร่ง ด้วยจุดแข็งของมนุษย์อินโทรเวิร์ด’
4
เล่มนี้เขียนโดย คุณไดโกะ
หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยการหาคอนเน็กชั่นอย่างไร
ถ้าเราเป็นคนแบบอินโทรเวิร์ด
ในหนังสือจะมีการบอกว่าเราควรทำอย่างไร
ควรใช้เทคนิคใดๆในการสร้างคอนเน็กชั่น
เพราะคุณไดโกะเอง ในไทยจะรู้จักผ่านหนังสือหลายเล่ม ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างเป็นคนแสดงออก
แต่จริงๆเขาคือคนอินโทรเวิร์ดครับ
เขาทำอย่างไรถึงสร้างคอนเน็กชั่นได้
ทั้งที่ทำให้มีความสุขทั้งกายและใจครับ
พบได้ในหนังสือหรือสรุปในโพสนี้ครับ
ภาพรวมของหนังสือเล่มนี้
จะแบ่งออกเป็น 6 บทครับ
1. 5 ความเข้าใจผิดที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างคอนเน็กชั่น
2 'คอนเน็กชั่น' ที่ทำให้คุณมีความสุขคืออะไร
3 เทคนิคสร้างความเชื่อมโยงกับ
'ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์'
4 วิธีสร้าง 'เพื่อนสามคน' ที่ทำให้มีความสุข
5 มองให้ออกว่าอะไรเป็นกับดักให้สัมพันธภาพ
ระหว่างบุคลกลายเป็นความตึงเครียด
6 ทำอย่างไรให้มีสเน่ห์ดึงดูดใจผู้คน
1
ความคิดเห็นส่วนตัว
เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากครับ
มีวิธีการมากมายที่จะสร้างคอนเน็กชั่น
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับมากมาย
ผมคิดว่าสำหรับตัวผมน่าจะได้ใช้ประโยชน์มากๆครับ ไว้ลองใช้อย่างไรจะมาบอกครับ
หนังสือเล่มไม่หนาแต่รายละเอียดเยอะมากครับ
ถ้าถามว่าผมชอบอันไหน ผมชอบเทคนิคหา
'ซุเปอร์คอนเน็กเตอร์' ครับ 👍
ใครสนใจสามารถหาซื้อกันได้ครับ
3
ภาพรวมของหนังสือครับ
โดยผมเปลี่ยนจากเล่มจริงเล็กน้อย
ชื่อบทจริงๆอยู่ที่คำอธิบายโพสครับ
จากที่ได้อ่านและสรุปจากสิ่งที่คุณไดโกะต้องการจะสื่อได้ตามนี้ครับ
1 เริ่มจากการจัดระเบียบ กรองคนที่ไม่ใช่ออกก่อน
1
2 ตามมาด้วยเทคนิคหา 'ซูเปอร์คนเน็กเตอร์'
และเทคนิค 'สร้างเพื่อน'
3 เสริมเพิ่มเติมด้วยเทคนิคเพิ่มสเน่ห์ครับ
5 ความเข้าใจผิดที่เกี่ยวกับ Connection
1 ถ้าไม่มีแรงดึงดูด คนจะไม่เข้าหา
ไม่เกี่ยว เพราะ Connection เป็นเรื่องของเทคนิคและวิธีการ
ซึ่งจะได้เห็นในหน้าถัดๆไป
2 ยิ่งเชื่อมโยงคนมากยิ่งดี
จำนวนครั้งที่เข้าร่วมงานพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้คนไม่มีความหมาย
3 ต้องใช้เวลาและพลังงานมาก
ใช้เคล็ดลับ ‘5 นาที’ เป็นตัวตัดสินใจ
เรื่องนี้นำมาจากงานวิจัยของ ‘Adam Grant’
ถ้าเงื่อนไขในการทำ ครบทั้ง 2 ข้อ
ข้อแรก เราจะจะมีโอกาสให้เราทำอีกอย่างเพื่ออีกฝ่ายหรือไม่
และอีกข้อ คือ สามารถทำเสร็จใน 5 ที ได้หรือไม่
ถ้าครบทั้ง 2 ข้อ ก็ควรทำครับ
4 คนที่มีบุคลิกเก็บตัว จะไม่ถนัดในการคบผู้อื่น
อาจจะมีลายคนคิดนะครับว่า มีบุคลิกเก็บตัว ทำให้พูดไม่เก่ง
พอพูดไม่เก่งก็เลยคิดว่าจะไม่ถนัด
ในการคบคนอื่น
แต่จริงๆแล้ว จากงานวิจับทางด้านจิตวิทยาล่าสุด บอกว่า
คนที่มีบุคลิกเก็บตัวจะมีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง
และถ้าเจอกันมากกว่า 3 ครั้งแล้ว
ความแตกต่างจะไม่ต่างกับคน
extrovert(ชอบแสดงออก) เลยครับ
4
5 มีสายสัมพันธ์กว้างขวาง ไม่การันตีความสุข
ถ้าเราคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของเรา ในระยะยาวความสุขของเราจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ให้เราคิดว่า ‘เราจะทำอะไรให้อีกฝ่ายได้บ้าง’ และคอยปรับให้สมดุลกันครับ
ซึ่งความสัมพันธ์นั้นคือ ‘เพื่อน’ นั่นเองครับ
มีการสำรวจของบริษัทสำรวจความคิดเห็นชื่อแกลอัพ
บอกว่า การมีเพื่อน 3 คน ในที่ทำงาน
ส่งผลให้มีระดับความสุขเพิ่มขึ้น 96 %
.
ทั้ง 5 ข้อนี้คือ สิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับคอนเน็กชั่นนะครับ
Connection ที่จะทำให้มีความสุช
บทนี้จะเป้นการสรุปของผมเอง
ผมคิดว่า มันสามารถสรุปออกมาใน 3 ประเด็น คือ
1 วางเกณฑ์อุดมคติไว้
คือ ควรคบหาคนแบบไหน วิธีการคบและจำนวนเป็นอย่างไร
2
2 ปรับให้เข้ากับตัวเอง
วิธีในหนังสือเล่มนี้มีมากมาย
ถ้านำไปปรับใช้กับเราอย่างยืดหยุ่น
จะเพิ่มคอนเน็กชั่นที่ดีให้เราได้ครับ
1
3 สร้างความสัมพันธ์
ถ้าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหนเราก็ไปอยู่กับคนแบบนั้นครับ
4 เทคนิคสร้าง ‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
ก่อนอื่นต้องมารู้จักก่อนว่า ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์
คืออะไร ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือ คนที่กว้างขวางครับ
เป็นคนที่เชื่อมโยงแทบจะทุกวงการ หรือรู้จักคนไปทั่วนั่นเองครับ
ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์
จะทำให้เราพบเจอคนอื่นมากขึ้น
มีคอนเน็กชั่นมากขึ้นครับ
ดังนั้นที่เราควรคบไว้ทั้งจากเรื่องส่วนตัวและเรื่องการงาน
คือซูเปอร์คอนเน็กเตอร์ นั่นเอง
จากที่ผมอ่านและสรุปได้มา
มันจะเป็นการที่เราหา ‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
และกลายเป็น ‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
ด้วยในเวลาเดียวกันครับ
1 แผนผังสายสัมพันธ์
มีอยู่ 2 วิธี
1.1 ตามหาจากภายนอก
วิธีนี้คือการหาคนที่เป็น ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์
ถามว่าจะหาได้อย่างไร
ให้ถามจากคนในงานว่า
‘ใครเป็นคนชวนมางานนี้’
คนนั้นแหละครับคือ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
จากนั้นเราก็ขอให้แนะนำให้เรารู้จักได้เลยครับ
1.2 ตามหาจากภายใน
วิธีจะเป็นการดูว่าคนรอบตัวเราจัดอยู่ในประเภทไหนบ้าง
โดยแยกเป็น 3 ช่องคือ
-VIP
ให้ใส่ชื่อของคนที่เรารู้สึกว่า ‘สำคัญมาก’
เช่น คนที่เราสนิทสนม คนสำคัญในที่ทำงาน
หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา
-Broker
ข้อนี้ต่อจาก VIP ครับ คือ
ใครเป็นคนแนะนำ VIP ให้กับเรา ให้เขียนไว้เลยครับ ถ้าเราเป็นคนรู้จักเอง ให้ใส่ว่าตัวเราครับ
ถ้ามีชื่อคนไหนมากๆ คนนั้นแหละครับ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
-Connector
ข้อนี้คือเราแนะนำใครให้คนอื่นรู้จักบ้างครับ
ข้อนี้เหมือนเช็คเฉยๆว่าเรามีความเป็น broker
กับคนอื่นหรือเปล่าครับ
1
รายละเอียดเป็นภาพเพิ่มเติมรูปถัดไปครับ
2 ติดต่อกันอีกครั้ง (Reconnecting)
คือ การติดต่อเพื่อนหรือคนที่รู้จักหลังไม่ได้คุยกันมาซักพัก
คุณไดโกะได้บอกไว้เลยว่า ทุก 3 เดือน ให้ลองไล่ชื่อดูในโทรศัพท์
ถ้ามีคนไหนที่รู้สึกว่า ‘เราไม่ได้ติดต่อกับคนนี้มาซักพักละนะ’
ให้ติดต่อไปครับ ทำไปเรื่อยๆจนเป็นนิสัยเลยนะครับ
ถามต่อว่า แล้วถ้าติดต่อไปจะคุยเรื่องอะไร
คุณไดโกะก็แนะนำเลยครับ ว่าให้ถามเกี่ยวกับสิ่งที่คนนั้นถนัดหรือชอบ
เช่น คนนี้ถนัดทำแอปพลิเคชัน ก็ลองถามดูครับ เขาจะช่วยเราแน่นอน
เพราะเหมือนกับเวลาที่มีใครขอให้เราทำเรื่องที่ถนัด
เราจะรู้สึกมีประโยน์และปลาบปลื้มใจครับ
3 มีปฏิสัมพันธ์ครั้งเหมาะสม
ถามว่า ควรจะเจอเท่าไหร่ถึงจะดี
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโนเตรอดาม
บอกไว้ว่า
หากเราไม่ติดต่ออีกฝ่าย 1 ครั้งภายใน 15 วัน
ความรู้สึกดีจะจืดจางลงครับ
ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเจอกันนะครับ
แค่ส่งไลน์ โทรคุยหรืออีเมลก็พอครับ
นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้ว
เวลาที่เราจะลงมือทำอะไรใหม่ๆ
การที่เรารู้ว่า ‘มีเพื่อนให้พึ่งพา’ หรือ ‘เรามีผู้คนให้กำลังใจ’
คนเราก็จะทำสิ่งนั้นได้อย่างมั่นใจเพิ่มมากขึ้นครับ 😊
4 สนิทสนมด้วยซุบซิบทางบวก
ยังไงเราก็ต้องได้เจอ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’แน่นอน
แล้วเราควรจะคุยอะไรดี เพื่อเพิ่มความสนิทสนม
คุณไดโกะบอกว่าควรจะคุยแบบซุบซิบทางบวกครับ
เพราะปกติเวลาซุบซิบนินทากันก็จะมีแต่เรื่องลบเป็นส่วนใหญ่
แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป็นเชิงบวก
โดยเอ่ยชมคนที่เชื่อมโยงกับ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’ ดูครับ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’ จะมีภาพจำด้านบวกเกี่ยวกับเรา
และนำมาซึ่งความสนิทสนมได้ครับ
ผมมีคำถาม 2 คำถามจาก ดร. แดเนียล คาร์นะมัน
ที่จะช่วยเพิ่มความสนิทสนมได้อีกครับ
1 ถามเกี่ยวกับความเป็นไปในปัจจุบัน(ได้ทั้งบวกและลบ)
2 ถามว่า ‘ตอนนี้มีความสุขแค่ไหน’
ไม่ว่าคำตอบจะแง่บวกหรือลบ
ระดับความสุชอีกฝ่ายจะสูงขึ้นและรู้สึกสนิทสนมกับเรามากขึ้นแน่นอนครับ
แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะคว้าใจผู้สนมนาได้ดีที่สุด คือ ‘ผู้ฟังที่ดี’ ครับ
แม้ว่าจะมีบุคลิกเก็บตัวหรือพูดไม่เก่งแค่ไหน
หากลองนำเทคนิค 4 ข้อนี้ไปใช้จะสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับ
‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงคอนเน็กชั่นได้แน่นอนครับ
รายละเอียดเรื่องแผนผังสายสัมพันธ์เป็นภาพครับ
วิธีสร้างเพื่อนที่ทำให้เรามีความสุช
คอนเน็กชั่นนอกจากที่บอกไปในหน้าก่อนๆ เกี่ยวกับ ‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’ แล้ว
ในหน้านี้หรือบทนี้จะเป็นเทคนิคการสร้างเพื่อน
หรือการทำให้มีความสุขทั้งกายทั้งใจครับ
เพราะมีงานวิจัยหนึ่งของบริษัทแกลลัพ(งานวิจัยเดียวกับหน้า 5 ความเข้าใจผิด)
ได้สำรวจออกมาว่า
ถ้าเรามีเพื่อนในที่ทำงาน 3 คน ความสุขจะเพิ่มขึ้น 96%
กรณีมีเพื่อนดีๆในที่ทำงานแรงจูงใจจะเพิ่มขึ้น 700%
ปัญหาการทำงานลดลง ไอเดียแปลกใหม่เพิ่มมากขึ้น
วิธีที่คุณไดโกะเสนอมี 4 วิธี
1 เปิดเผยตัวเอง
คุณไดโกะก็ได้บอกว่าถ้าพัฒนาความสัมพันธ์ให้พัฒนากับคนที่ดูจะสนิทได้ดีกว่า
โดยจะต้องทำคล้ายๆกับ การแนะนำตัวตอนอยู่ประถมนู่นเลยครับ
คือ เปิดเผยเรื่องส่วนตัวแบบไม่สร้างภาพ
มี 3 ข้อที่ควรระวังครับ
1 เราต้องเปิดเรื่องราวก่อนครับ
2 ต่อให้เปิดก่อนก็ควรแค่ 20-30 % ของการสนทนา
ทำให้อีกคนรู้สึกอยากเล่าและคิดว่าเราเป็น
‘ผู้ฟัง’ ที่ดีครับ
3 เรื่องที่เปิดเผยต้องเป็นเรื่องที่คิดก่อน คือต้องแสดงการชักนำไปสู่การเปิดเผยของอีกฝ่าย
ถ้าอยากรู้ว่าอีกฝ่ายให้คุณค่าเรื่องไหน ก็ควรเล่าเกี่ยวกับ ความฝัน เป้าหมาย ของเรา
แต่ถ้าอยากรู้ว่าสนใจอะไร เปิดด้วยการคุยเรื่องเงินทองหรือสุขภาพ เป็นต้น
วิธีที่ 2 คือ If/Then Profile
คือการกำหนดว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์(x) ขึ้น เราจะ(y)
ถ้านำไปประยุกต์ใช้ในความสัมพันธ์ เช่น
เวลานัดกับใคร จะมาถึงก่อน 5 นาที
ถ้ามีโปรแกรมทำอะไรต่อ จะบอกล่วงหน้าอีกฝ่ายก่อน
ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นนิสัย
จะมีคนอยากเป็นเพื่อนกับเรามากขึ้น
ไว้เนื้อเชื่อใจเรามากขึ้นครับ
2
วิธีที่ 3 คล้ายคลึงและกลุ่มก้อน
หลักนี้มันคือหลัก ‘ความคล้ายคลึง’ และ ‘ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มก้อน’
จะเพิ่มความสนิทสนมได้
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ระบุว่าคุย 2 เรื่องนี้จะย่นระยะห่างได้ดีที่สุด
คือเรื่องความเชื่อและสไตล์การสื่อสาร
วิธีที่ 4 ทำงานและหัวเราะร่วมกัน
ถ้าเราอยากเป็นเพื่อนกับใครสักคน ก็ต้องหาโอกาสทำอะไรร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายก่อนครับ
เช่น ถ้าทำงานด้วยกัน ก็หาโอกาสพิจารณาแผนงานใหม่ด้วยกัน หรือ ไปหาลูกค้าด้วยกัน
วิธีที่ 5 Social Media
ใช้ Social Media รักษาความสัมพันธ์โดยการ
ส่งข้อความทางไลน์ หรือ โพสลง Social Media บ้าง
ก็ช่วยได้ครับ
5 วิธีนี้จะช่วยสร้างเพื่อนให้มีความสนิทสนมกับเราได้ครับ
3 กับดักความสัมพันธ์
บทนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนที่จะทำ
เทคนิคอื่นๆในเล่มนี้
เพราะเป็นการ ‘จัดระเบียบ’ ก่อนครับ
ประกอบด้วย 3 กับดัก คือ
1 การสร้าง Brand
คนประเภทนี้ จะเหมือนกันเป็น ‘ซูเปอร์คอนเน็กเตอร์’
แต่ฟังดูดีๆ จะเป็นการอวดอ้างตนเองมากกว่า
ตัวอย่างประโยค
‘ใครๆ ก็ใช้งานบริการนั้น บริษัทของฉันเป็นคนดูแล แต่ฉันนี่แหละคนคิดโปรเจ็ก’
‘ดาราชื่อ ... กำลังดังเลยฉันนี่แหละค้นพบเธอ’
เห็นได้ชัดว่าจะเป็นการนำเสนอตัวเอง
แต่ไม่ได้สนใจความต้องการอีกฝ่ายเลย
วิธีแก้เมื่อเจอ :
ให้ตั้งช่วงทดลองไว้ 1-2 เดือน
เพื่อดูว่าเขาคนนั้น ‘อวดอ้าง’ จริงหรือไม่
แต่ถ้าเราเป็นเองละ
ให้แก้โดย เขียนความรู้สึกในกระดาษครับ
ถ้าเราเป็นคนแบบ Brand Building
หรือคนสร้างแบรนด์
เราจะรู้สึกได้ทันทีผ่านการเขียน
ว่าเราเริ่มกังวลหรือไม่มั่นใจ
จะทำให้เรามีสติและลดพฤติกรรมนั้นได้ครับ
คำแนะนำเพิ่มอีกคือ ให้เขียนวันที่แล้วเก็บไว้
วันไหนที่รู้สึกแย่ๆแล้วมาอ่านจะสบายใจมากขึ้นครับ
2 ความปั่นป่วนที่ทำให้คนรอบข้างร้อนเป็นไฟ
ลักษณะของคนประเภทนี้จะคล้ายๆนักเลงคีย์บอร์ด
คือชอบว่าร้ายคนอื่น โกหกได้หน้าตาเฉยเป็นต้น
พูดง่ายๆว่าเจอคนแบบนี้เลี่ยงดีกว่าครับ
สัญชาตญาณเราบอกได้ว่าใครเป็น
แต่ถ้าเราเป็นเองละ
มีเทคนิคนึงจากคุณไดโกะที่เรียกว่า
‘Green Exercise’
เป็นการจัดการความเครียดง่ายๆ
โดยเดินท่ามกลางธรรมชาติสีเขียววันละ 5-20 นาที
มีงานวิจัยบอกว่า มันสามารถช่วยลดความเครียด
และทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากครับ
ช่วงนี้ก็อาจจะยากหน่อยนะครับ
รักษาสุขภาพกันทุกคนนะครับ 🙂
3 คนพูดแง่ลบ
ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าควรเก็บแต่คนไว้ใกล้ตัว
แต่ให้ความสำคัญกับเพื่อนที่คิดเรื่องของเราเหมือนกับเรื่องตัวเอง
คอยห่วงใย ให้คำปรึกษาเราครับ
คนที่พูดแง่ลบ ก็ควรออกห่างครับ
บางทีฉากหน้าของคนนั้นอาจจะเป็นคนดี
แต่ให้เช็คดูใน social media ต่างๆ
ที่โพสถึงคนอื่นดูครับ
แต่ถ้าเราเป็นเองละ
ให้เราพักผ่อนให้เพียงพอ
และไม่ให้สะสมความเครียดจนเกินไปก็ช่วยได้แล้วครับ
ในบทนี้ คุณไดโกะบอกไว้ว่า หากทำบทก่อนๆหน้าได้ ก็มีคอนเน็กชั่นที่มีคุณภาพแล้ว
แต่บทนี้จะมานำเสนอวิธีที่ทำให้เรามีสเน่ห์จนดึงดูดผู้คนเข้ามารุมล้อมโดยอัตโนมัติ
และบอกไว้ก่อนนะครับ
จากบทความวิจัยของ ดร. เซปพาลา
บอกไว้ว่า การมีเสน่ห์ดึงดูดนั้นเป็นทักษะที่สามารถฝึกกันได้ครับ
และ 5 วิธีสร้างสเน่ห์ดึงดูดใจคน คือ
1 Active listening
เป็นการฟังคนอื่นและ
‘ถามกลับด้วยคีย์เวิร์ดที่กระทบใจ’
ที่วิธีนี้ได้ผล เพราะมันเป็นการบอกว่าเราสนใจ และตั้งใจฟังผู้พูดมากขนาดไหนครับ
ที่สำคัญต้องใส่ใจเรื่อง ‘น้ำเสียง’ ‘ความเร็วในการตอบกลับ’ ด้วยนะครับ
คือ ตอบกลับอย่างฉับไว และเริ่มพูดด้วยโทนเสียงต่ำๆครับ
2 Drama Training
วิธีนี้เป็นการเสริมสร้างให้เข้าใจคนอื่นเป็นหลัก
เมื่อเราอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายและแสดงความเข้าอกเข้าใจได้
ท่าทางแข็งทื่อเราจะหายไป และมีสเน่ห์มากขึ้นครับ
ถามว่าจะฝึกได้อย่างไร
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย โอคลาโฮมา
ประเทศอเมริกา
บอกไว้ว่าให้ฝึกจาการดูละครไร้เสียง
หรือฝึกจินตนาการคนอื่นโดยคำนึงถึง
‘ความเป็นมา’ และ ‘สภาพปัจจุบัน’ ของผู้สนทนา
3 Story Share
เป้นวิธีการที่เราอยากจะถ่ายทอดอะไรออกไป
ให้กลายเป็นเรื่องเล่าแทน
เพราะทำให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการ
จึงทำให้เรามีสเน่ห์ไปด้วยครับ
โดยควรเล่าแบบ Three Part List
คือ จุดเริ่มต้น เหตุการณ์สืบเนื่องจากจุดเริ่มต้น และผลลัพธ์
4 Rhetrical Question
เป็นการใช้รูปประโยคถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ
ในที่นี้เหมือนเป็นการให้กำลังใจมากกว่าครับ เช่น
เจ้านายโยนคำถามใส่ลูกน้องว่า
‘นายอยากกลับออฟฟิศไปด้วยความเศร้า
หรือ อยากกลับด้วยความรู้สึกสำเร็จกันละ’
ทีเห็นได้จากวิธีนี้คือ ‘การให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือกเอง’
ไม่ใช่ชี้นำสิ่งที่ถูกต้อง เป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆครับ
5 พูดแบบเห็นภาพ
ใช้คำที่เห็นภาพง่าย
เช่น ตัวเลข กรณีตัวอย่าง เป็นต้น
เราอาจะลองเริ่มด้วย Active listening, Story Share หรือ พูดแบบเห้นภาพ
เพื่อนำเสนอผ่านคอนเน็กชั่นเล็กๆก่อน
ถ้าคิดว่าขาดความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นก็ลอง
Drama Training ดูครับ
ถ้ามีคนมาปรึกษาลองใช้ Rhetrical Question ดู
ทำซ้ำๆจะช่วยดึงดูดคนได้ครับ
น่าสนใจไปลองทำมากๆครับ 👍
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
มีข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นใดๆบอกกันได้เลยนะครับ 😄
โฆษณา