Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Reporters
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
27 เม.ย. 2021 เวลา 15:38 • ข่าว
PEACE: "เราหวังว่านี่จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่จะโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า" คำยืนยันจากผู้นำทหารกะเหรี่ยง KNU เชื่อ ความหวังสันติภาพในพม่าจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีรัฐบาลใหม่เท่านั้น 1 เดือนหลังกองทัพพม่าโจมตีทางอากาศในพื้นที่ กองพล 5 KNU เช้าวันนี้เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งริมน้ำสาละวิน
เสียงปืนที่ดังขึ้นต่อเนื่องกว่า 1 ชั่วโมง ในเช้าวันนี้ 27 เมษายน 2664 ท่ามกลางไฟที่ลุกไหม้ฐานทหารพม่า ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นกั้น เป็นสัญญาณเตือนภัย ให้ชาวบ้านแม่สามแลบ อพยพไปที่ปลอดภัย โดยไม่ต่ำกว่า 300 คน อพยพไปยังโรงเรียนบ้านแม่กองก้าด ตามที่นายผะอบ บินสะอาด นายอำเภอสบเมย ยืนยันกับ The Reporters
สถานการณ์นี้ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายชั่วโมง ว่ากองทัพพม่าจะเปิดฉากตอบโต้ทหาร KNU เหมือนที่ได้ตอบโต้ในทันที หลังจาก ทหารกะเหรี่ยง นำโดย พลเอกบอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU นำกำลังเข้ายึดฐานทหารพม่าในเช้าวันที่ 27 มีนาคม 2564 ก่อนที่ในช่วงค่ำวันนี้ กองทัพพม่าเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ นำเครื่องบินรบทิ้งระเบิดในพื้นที่เมืองเดปูโน่ว ฐานกองพล 5 รัฐกะเหรี่ยง ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 7 ราย บ้านพังเสียหาย 14 หลัง เป็นโรงเรียน 2 แห่ง และฐานทหาร KNU ฐานซิกอท่า ถูกโจมตีด้วยระเบิดจากเครื่องบินรบ ในช่วงบ่ายวันที่ 28 มีนาคม ได้รับความเสียหาย ทหารเสียชีวิต 1 นาย
การสู้รบเมื่อวันที่ 27-28 มี.ค.64 ส่งผลให้ชาวกะเหรี่ยงกว่า 4,000 คน อพยพมายังริมน้ำสาละวินฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทั้งฝั่งตรงข้ามบ้านแม่หนึท่า ตรงข้ามค่ายอพยพอุแวโกล๊ะ และตรงข้ามค่ายผู้อพยพอิตูท่า ก่อนจะมีการผลักดันไปในวันที่ 29 มี.ค.64 และทยอยกลับไปจนสุดสุดท้ายกว่า 500 คน ถูกทหารไทยผลักดันกลับไปในวันที่ 22 เม.ย.64 เป็นชุดสุดท้าย เป็นกลุ่มผู้หญิง คนชรา อายุสูงสุด 80-100 ปี และเด็ก ที่มีเด็กคลอดใหม่ในฝั่งไทย อายุเพียง 4 วัน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีไม่ต่ำกว่า 40 คน
ส่วนผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงที่อพยพกลับไปแล้ว ยังไม่กล้าเข้าบ้าน ยังหลบหนีอยู่ตามป่า เพราะยังมีเครื่องบินรบและโดรนบินทิ้งระเบิดของกองทัพพม่าบินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านยังหวาดกลัว
เสียงปืนที่ดังขึ้นในวันนี้ 27 เมษายน จึงอาจส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาฝั่งไทยอีกครั้ง ในขณะที่ประชาชนไทย ริมแม่น้ำสาละวิน ได้รับผลกระทบ จนต้องหลบภัยการสู้รบแล้วกว่า 300 คน
The Reporters เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-รัฐกะเหรี่ยง มาเป็นเวลากว่า 1 เดือนนับจากเหตุส่งเสบียงข้าวสาร 700 กระสอบให้กับฐานทหารพม่า ที่อยู่ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ จนเกิดเหตุสู้รบ ต่อเนื่องมาตลอด 1 เดือน พบว่า การสู้รบครั้งนี้ เป็นความหวังที่จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของนักปฏิวัติกะเหรี่ยง ที่ยืดหยัดต่อสู้มา 73 ปี
อาคารประจำการบริเวณทางเข้าฐานซิกอท่า ของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบกองทัพพม่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15 นาฬิกา ของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อาคารเสียหาย บางหลังถูกไฟไหม้ และสะเก็ดระเบิดที่เป็นหลักฐานจากปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งผลให้ทหารกะเหรี่ยงเสียชีวิต 1 นาย นอกจากนี้อาคารอเนกประสงค์บริเวณฐานบัญชาการที่เคยใช้จัดพิธีสวนสนามในวันปฏิวัติแห่งชาติกะเหรี่ยงก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย ซึ่งฐานแห่งนี้ ตั้งอยู่ติดริมน้ำสาละวิน ไม่ถึง 500 เมตร ถือเป็นปฏิบัติการโจมตีที่ใกล้ดินแดนไทยอย่างมาก
พลเอกบอจ่อแฮ รองผุ้บัญชาการทหารสุงสุด เคเอ็นยู ในวัย 60 ปี เป็นผู้นำปฏิบัติการเข้ายึดฐานปฏิบัติการทหารพม่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ยืนยันว่า ไม่ใช่การเปิดฉากโจมตี แต่เป็นการแสดงจุดยืนว่า KNU ไม่ยอมรับการรุกรานของทหารพม่า ที่เข้ามาตั้งฐานทหารกว่า 81 ฐานในพื้นที่กองพล 5 เพื่อหวังยึดดินแดนกะเหรี่ยง ความเสียหายที่เกิดขึ้น แม้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจกับการสูญเสียของพลเรือน แต่ผู้นำทหาร เคเอ็นยู ยืนยันว่า ทหารและประชาชนกะเหรี่ยงยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ในการเรียกร้องเสรีภาพประชาธิปไตย ที่มีการตลอด 73 ปี ของนักปฏิวัติแห่งชาติกะเหรี่ยง และเป็นสิ่งที่ พลเอก บอจ่อแฮ ยืนยันว่า การสู้รบเพื่อล้มเผด็จการทหารพม่า จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีรัฐบาลใหม่เท่านั้น และเคเอ็นยู เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ ที่สนับสนุนรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ NUG ด้วย
"กระบวนการสันติภาพในเมียนมา ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด เราจึงต้องสนับสนุนให้เกิดรัฐบาล ยึดอำนาจจาก มิน อ่อง หล่าย คืนอำนาจให้ประชาชน" พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด KNLA/KNU
เช่นเดียวกับพลจอหมื่อแฮ ผู้บัญชาการกองพลที่ 5 ซึ่งยังคงรักษาที่มั่นกองพล 5 โดยไม่ได้อพยพหนีไปไหน เขาเริ่มเป็นทหารตั้งแต่อายุ 17 ปี จนถึงวันนี้อายุ 70 ปี ก็ยังจับอาวุธต่อสู้ เท่ากับช่วงเวลาแห่งการปฏิบัติของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ยาวนานถึง 73 ปีแล้ว เขาจึงคาดหวังว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ซึ่งอยากให้จบที่รุ่นเรา
"ผมเป็นทหารตั้งแต่อายุ 17 ปี จนตอนนี้ 70 ปี ก็ยังสู้อยู่ ก็หวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย ให้มันจบที่รุ่นผมเถอะ" พล.ต.จอหมื่อแฮ ผู้บัญชาการกองพลที่ 5 KNLA/KNU
ในขณะที่นายเทนเดอร์ ผู้ว่าการจังหวัดมือตรอ ก็ยังทำงานอย่างหนักอยู่ในเมืองเดปูโน่ว ท่ามกลางเสียงระเบิด ที่ยังมีโดรนบินทิ้งระเบิดของกองทัพพม่า บินอยู่ทุกที่ จนต้องหลบอยู่ในหลุมหลบภัยเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะทำให้ประชาชนได้กลับเข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินเกิดอย่างปลอดภัย
"การโจมตีครั้งนี้เราเสียหายมาก แต่เราก็สู้ หวังให้ประชาชนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย"
เท็น เดอร์ ผู้ว่าราชการ จ.มือตรอ รัฐกะเหรี่ยง
ล่าสุด พ.อ. เกล โด่ โฆษกกองพลที่ 5 กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เพื่อปกป้องดินแดนกะเหรี่ยง ตามหลักการต่อสู้เพื่อสร้างสหพันธรัฐอย่างแท้จริง เคเอ็นยูเคยแจ้งทหารพม่า ให้ถอนกำลังหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นผล และยังต้องการตอบโต้เผด็จการทหารพม่า ที่ปราบปรามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ทหารเคเอ็นยูจึงต้องแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกองทัพเผด็จการ และปกป้องประชาชนไทยที่ถูกทหารพม่ายิงเรือในลำน้ำสาละวินด้วย จึงขอให้กำลังใจประชาชนทุกฝ่ายที่อาจได้รับผลกระทบ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่ชอบธรรม
โดยมีรายงานว่า ทหารเคเอ็นยู บาดเจ็บ 3 นาย เสียชีวิต 3 นาย ส่วนทหารพม่ายังไม่มีรายงานจำนวนที่สูญเสีย ส่วนการโจมตีทางอากาศในวันนี้ ยังไม่ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาในฝั่งไทย
“การที่กองทัพพม่ายิงเรือของชาวบ้านในแม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทย-พม่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทหารก็ต้องรบกับทหาร แต่ทหารพม่ากลับทำร้ายข่มขู่ชาวบ้านเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อทหารพม่ารบกวนชาวบ้านที่สัญจรในแม่น้ำสาละวิน เราจึงมีหน้าที่ที่ต้องขับไล่ทหารพม่าออกไป ทหารพม่าไม่ได้ยิงแค่เรือชาวบ้าน เรือเจ้าหน้าที่ไทยเขาก็ยิง”พ.อ.เกล โด่ กล่าว
โฆษกกองพล 5 KNU กล่าวด้วยว่า โดยความเห็นส่วนตัว ตั้งแต่ตนเกิดจนเข้าร่วมงานปฏิวัติกะเหรี่ยง ชาวบ้านต้องหนีและต้องยากจนอยู่อย่างลำบากเพราะทหารพม่ามาโดยตลอด พวกเขาไม่เคยทำดีกับเราเลย ชาวบ้านต้องเผชิญปัญหามากมายเพราะ ทหารพม่า พวกเขายึดอำนาจหลายต่อหลายครั้ง ครั้งหนึ่งหลายฝ่ายมองว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นพวกสร้างปัญหา แต่วันนี้หลายคนได้รับรู้แล้วว่าทหารพม่าปกครองด้วยความไม่ถูกต้อง ส่วนเราต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง ตอนนี้ชาวบ้านหลายกลุ่มก็เริ่มเข้าใจแล้ว เราจึงต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อสร้างสหพันธรัฐที่แท้จริง สู้เพื่อสิทธิของพวกเรา สามารถปกครองตนเองได้ในแต่ละรัฐ
“ผมต้องการให้กำลังใจชาวบ้านที่กำลังต่อสู้ เราอยู่เคียงข้างพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในเมือง หรือชาวบ้านในป่า เรายืนอยู่เคียงข้างประชาชน และเราจะช่วยทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ อาจมีที่ต้องบาดเจ็บล้มตาย แต่เลือดที่หลั่งรินนั้นไม่ใช่สิ่งที่สูญเปล่า เลือดนั้นหลั่งเพื่อล้มล้างเผด็จการทหาร เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่ชอบธรรม และอำนาจเผด็จการทหารเป็นสิ่งที่ต้องจบลง ณ ตอนนี้”โฆษกกองกำลังกะเหรี่ยง KNU กล่าว
1 บันทึก
3
5
1
3
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย