28 เม.ย. 2021 เวลา 23:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP. 13.2 - Stable coin สินค้าที่สำคัญที่สุดใน Cryptocurrencies ตอนที่ 2
กลุ่มที่ 2 คือ Crypto collateralized ตัวที่ดังที่สุดก็คือ Dai กลุ่มนี้จะสร้าง stable coin ออกมาโดยใช้หลักการคล้ายๆ กับการกู้เงิน คือ ให้เอา asset ที่เป็น crypto เช่น eth มาวางเป็นหลักประกัน แล้วสร้าง Dai ซึ่ง peg กับ usd ขึ้นมา
2
โดยที่หลักประกันจะต้องวางสูงกว่ามูลค่าของ Dai ที่สร้างขึ้น เพราะว่าหลักประกันที่เป็น Crypto นั้นมีความผันผวนและอาจะลดค่าลงมาต่ำกว่า Dai ที่สร้างขึ้นมาได้
2
ข้อดีของ Dai นั้นมาช่วยแก้ปัญหาข้อเสียของกลุ่ม Asset back คือลดความเสี่ยงจากรัฐบาลเข้ามายุ่ง แก้ปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของ counter party
แต่ข้อเสียของ Dai ก็คือ ถ้าหลักประกันลดลงเร็วมาก (ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว) จนมูลค่าต่ำกว่า Dai ที่สร้างขึ้นมา มีโอกาสที่ Dai จะไม่สามารถ Peg ไว้ได้ใกล้ 1 usd และเป็นความเสี่ยงของคนที่ถือ Dai
ข้อเสียอีกเรื่องคือ Scale ได้ยาก เนื่องจากการจะสร้าง Dai ได้นั้น จะต้องมีคนมาวางสินทรัพย์เพื่อสร้าง Dai ในมูลค่าที่สูง เมื่อไหร่ก็ตามที่มี Demand เพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่ยอมวางหลักประกัน ราคา Dai ก็อาจจะเกิน 1 usd มากเกินไป จนคนเลือกที่จะไปใช้ stable coin อื่นแทน
กลุ่มที่ 3 คือ Algo Stable coin ตัวที่นิยมที่สุดคือ ust ปัจจุบันครองส่วนแบ่งประมาณ 73% ของ algo ทั้งหมด
1 ust นั้นสร้างขึ้นมาจากการเอาเหรียญ luna มูลค่า 1 usd มาแลก และใช้หลักการ arbitrage ในการรักษาระดับราคาให้ใกล้ 1
รายละเอียดการรักษาระดับราคาไปอ่านได้ในบทความเกี่ยวกับ luna ust ที่เคยเขียนไว้ครับ
ข้อดีของ algo นั้นก็คล้ายๆ กับ crypto collateral คือมีความเป็น Decentralized ไม่มีคนใดคนนึงมาควบคุมได้ ป้องกันรัฐเข้ามาก้าวก่าย และมาช่วยแก้ปัญหาของ Dai เรื่อง Scalability
coingecko research
ข้อเสียของ algo คือความสามารถในการ peg ให้ใกล้เคียง 1 นั้น แตกต่างกันมายในแต่ละเหรียญ รูปข้างบนนี้ จาก 7 เหรียญ algo มีแค่ 3 ตัวเท่านั้น (ust susd frax) ที่มีราคาใกล้เคียง 1
ความยากในการสร้าง algo ให้ peg ได้ใกล้ 1 นั้นมีค่อนข้างสูง หลักๆ เท่าที่ผมได้ศึกษามา คือ จะต้องมีการออกแบบ algo ได้ดี (อย่างเหรียญ fei ที่เพิ่งออกมาไม่นานนี้ เปิดตัวมายิ่งใหญ่มาก ระดมทุนไปได้เป็นหลักพันล้าน us แต่เนื่องจากออกแบบสูตรมามีปัญหา เปิดมาวันแรกราคาก็ไหลเป็นวุ้น ไม่ได้มีความใกล้เคียง 1 เลย)
นอกจากนี้ความยากอีกอย่างคือต่อให้สูตรออกแบบมาดีแค่ไหน แต่ถ้า real demand (ซิ้อเพื่อเอาไปใช้งานจริง) มีขนาดไม่ใหญ่เพียงพอ
demand จากการ arbitrage มันก็รักษาราคาไว้ไม่ค่อยอยู่ ซึ่งก็จะยิ่งทำให้เหรียญนั้นไม่เป็นที่นิยมไปด้วย
เพราะฉะนั้นเหรียญ algo ที่มีขนาดใหญ่และมี use case จริง ก็จะได้เปรียบเหรียญที่เกิดใหม่และ use case ต่ำอยู่มาก
ความเสี่ยงอีกตัวของ algo คือถ้าเหรียญที่จะมาช่วยรักษาราคาของ stable coin นั้นไม่มีมูลค่า มันก็จะไม่สามารถรักษาระดับราคาได้ แต่ถ้าเหรียญที่มารักษารับราคามีมูลที่ใหญ่พอความเสี่ยงตรงนี้ก็จะต่ำ
อย่างเหรียญ luna ที่มาค้ำ ust ตอนนี้มีขนาดประมาณ 6.5b อยู่อันดับที่ 23 ของเหรียญทั้งหมด ซึ่งก็ใหญ่พอสมควร
สำหรับคนที่ชอบ farm เหรียญ stable coin กันโดยคิดว่าไม่มีความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคา ผมอยากให้ลองคิดใหม่นะครับ เพราะแต่ละเหรียญก็มีความเสี่ยงที่ต่างกันไป
ส่วนตัวผมแล้ว ผมให้ภาษี usdc busd dai ust ในระดับที่ใกล้เคียงกันคือมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ usdt นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่อยากไปแตะมันเลยครับ
ความเสี่ยงโดยรวมของ Stable coin อีกเรื่อง คือค่าเงินที่ peg อ่อนค่าลงมาก ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็คือ usd นั้นมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงในระยะยาว เพราะปริมาณการพิมพ์เงิน usd ในช่วงนี้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นด้วยอัตราเร่ง มีโอกาสที่เงิน usd อาจจะด้อยค่าอย่างรุนแรง ถ้าเราถือ us stable coin สินทรัพย์เราก็จะอ่อนค่าตามไปด้วย
1
usd ถูกสร้างขึ้นมา 24% ของ supply ทั้งหมดในปีที่แล้ว
ซึ่งปัญหานี้ Crypto collaterlized กับ Algo จะได้เปรียบกว่ากลุ่ม Asset back เพราะถ้า usd มีแนวโน้มไม่ดี ก็สามารถเปลี่ยนไป peg กับสกุลเงินอื่นที่มีความมั่นคงกว่าได้ง่าย
หรือจะสร้างสกุลใหม่ที่ไม่เคยมีในโลก โดยอาจจะสร้างเป็นตะกร้าของค่าเงินอื่นๆ ในโลก ค่าเงินคริปโตหลายๆ ตัว เช่น btc eth หรืออาจจะรวมราคา commodity หลักๆ เอาไว้ ซึ่งเมื่อมีการกระจายสินทรัพย์ให้มีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ความผันผวนของ stable coin ตัวใหม่นี้ก็จะต่ำมาก จนวันหนึ่งอาจจะกลายเป็น currency หลักของโลกเลยก็เป็นไปได้
การที่ Crypto และ Blockchain จะก้าวเข้าสู่ Mass adoption ได้นั้น Stable coin จะต้องมีขนาดใหญ่กว่านี้มากๆ ซึ่งในอนาคตก็จะมี Stable coin อีกกลุ่มเพิ่มเข้ามา คือ CBDC Stable coin ซึ่งออกโดนรัฐบาลกลางของประเทศต่างๆ ถึงวันนั้นเราอาจจะเห็น Market cap ของ stable coin รวมกันใหญกว่า Bitcoin ก็เป็นไปได้ค่อนข้างสูง
ถ้ายังอ่านเรื่อง stable coin ไม่หน่ำใจ ไปเสพคลิปที่คุณอิกสัมภาษณ์พี่รันเรื่อง Stable coin กันต่อได้ สนุกมาก
โฆษณา