28 เม.ย. 2021 เวลา 11:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📑แบบ 56-1 คืออะไร ควรเน้นอ่านอะไร ที่นักลงทุนสาย VI ไม่ควรพลาด
56-1 มันก็คือ 55 ไง ไม่เห็นจะยาก (56 ลบ 1) โจ๊กๆ ก่อนเข้าเนื้อหานะครับ😂
ที่จริงแล้ว แบบ 56-1 คือ เเบบเเสดงรายการข้อมูลประจำปี ที่บริษัทจัดทำขึ้นเพื่อส่ง ก.ล.ต. แล้ว ก.ล.ต. ก็นำเอกสารเหล่านั้นมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้ประชาชนรู้ถึงข้อมูลของบริษัทนั้นๆ
โดยแบบ 56-1 จะถูกอัพโหลดทุกปลายเดือนมีนา (เพราะก.ล.ต.ให้นำส่งภายใน 3 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี) ไว้ในเว็บ SET (https://www.set.or.th) และเข้าไปหน้า บริษัท/หลักทรัพย์
ยกตัวอย่างแบบ 56-1 ล่าสุดของบริษัท COM7 ประจำปี 63 ที่พึ่งอัพเมื่อวันที่ 29 มีนา ดังภาพ และจะมีแบบ 56-1 ย้อนหลัง 5 ปี แต่โดยปกติเราจะอ่านแค่ปีล่าสุดเท่านั้น เพราะเป็นข้อมูลที่อัพเดทที่สุด
นักลงทุนหน้าใหม่หลายคน หรือแม้กระทั้งหน้าเก่า มักมีคำถามกับตัวเองเสมอ... จะเลือกหุ้นตัวไหนดี หลายคนฟังจากคนอื่นแนะนำ ก็ตามแห่กันไปซื้อ โดยไม่รู้ว่าบริษัทนั้นทำกิจการอะไรอยู่ ไม่รู้อะไรเลยนอกเหนือจากชื่อหุ้นที่พวกเขาซื้อ ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากเลยครับ
ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราลดความเสี่ยง ก็คือ การอ่านแบบ 56-1 จะช่วยให้เรารู้จักบริษัทในแง่มุมต่างๆ มากยิ่งขึ้น และมาดูกันว่าเราควรเน้น อะไรตามแบบฉบับสาย VI กันครับ
ข้อมูลในแบบ 56-1 นั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. การประกอบธุรกิจและผลการดำเนินงาน 2. การกำกับดูแลกิจการ 3. งบการเงิน
ส่วนที่ 1 การประกอบธุรกิจ
ส่วนนี้แสดงนโยบาย และภาพรวมการประกอบธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจ ปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราไม่เข้าใจลักษณะการประกอบธุรกิจ เราก็อาจจะคาดการณ์การเติบโตของบริษัทในอนาคตไม่ได้
เมื่ออ่านเสร็จเราต้องสรุปประเด็นที่สำคัญๆ ให้ได้ดังนี้
• บริษัททำธุรกิจอะไร และมีแผนจะทำอะไรต่อไป
2
• มีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคตมากน้อยเพียงไร
1
• มีปัจจัยเสี่ยง หรือเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง ที่จะทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้า
1
• มีศักยภาพในการแข่งขันมากน้อยเพียงไร โครงการในอนาคต การวิจัย และการพัฒนาเป็นอย่างไร
1
ส่วนที่ 2 การกำกับดูแลกิจการ
ส่วนนี้แสดงหลักทรัพย์และผู้ถือหุ้น โครงสร้างการจัดการ การกำกับดูแลกิจการ ความรับผิดชอบต่อสังคม
เมื่ออ่านเสร็จเราต้องสรุปประเด็นที่สำคัญๆ ให้ได้ดังนี้
• ผู้บริหารบริษัทเป็นใคร ซึ่งเราต้องเอาชื่อเขาไปค้นหาต่อว่าประวัติการทำงานดีหรือไม่ และมีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาลหรือไม่
1
• ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือใคร ถ้าผู้บริหารถือหุ้นในสัดส่วนที่เยอะ (ถ้าเกิน 20% ผมถือว่าสอบผ่าน) แสดงว่าเขามีความเชื่อมั่นกับบริษัทสูง อาจบอกเป็นนัยๆ ว่าบริษัทยังเติบโตได้อีก ในทางกลับกันถ้าผู้บริหารถือหุ้นน้อย หรือน้อยลงทุกปี อาจบอกได้ว่าบริษัทกำลังเกิดปัญหาบางอย่าง
1
• มีการจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร เหมาะสมหรือไม่
1
• มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือไม่
1
ส่วนที่ 3 : ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
ส่วนนี้แสดงทางการเงิน ผลประกอบการต่างๆ ของบริษัท เป็นอีกส่วนที่สำคัญเพราะถ้าผลดำเนินงานของกิจการดี ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว
เมื่ออ่านเสร็จเราต้องสรุปประเด็นที่สำคัญๆ ให้ได้ดังนี้
• ฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร เมื่อเรานำไปเทียบกับปีก่อนๆ โตขึ้นหรือไม่
1
• หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เป็นอย่างไร (ถ้าน้อยกว่า 2 ผมถือว่าสอบผ่าน)
1
• มีการออกหุ้นเพิ่มทุน ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ หรือซื้อหุ้นคืน หรือไม่
1
ซึ่งการออกหุ้นเพิ่มทุน จะทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นถูก dilute ลงมา และอาจขึ้นยาก
1
การออกหุ้นกู้ อาจแสดงถึงบริษัทไม่มีเงินสดมากพอ เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ จึงต้องระดมทุนในการออกหุ้นกู้ จะเป็นการดีมาก ถ้าบริษัทมีทุนอยู่แล้วในการต่อยอดธุรกิจ โดยไม่ต้องออกหุ้นกู้ เพราะบริษัทจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ซื้อหุ้นกู้หรือเจ้าหนี้ (สามารถติดตามต่อได้ในบทความนี้ https://www.blockdit.com/posts/5eeb4f9cc730220a6e02682c?id=5eeb4f9cc730220a6e02682c&series=5eed7662db20a50caf1552e3)
การซื้อหุ้นคืน แสดงว่า ผู้บริหารมีความมั่นใจกับบริษัท บริษัทอาจกำลังเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้
2
จากทั้งหมดของบทความนี้จะเห็นว่าข้อมูลในแบบ 56-1 เปรียบเสมือน “ขุมทรัพย์” ที่อยู่ใกล้ตัวเรา ช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจของบริษัทได้เป็นอย่างดี มีความมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
"ยังไงเสีย! ก็ดีกว่าการซื้อขายหุ้นแบบรู้แค่ชื่อย่อบริษัท แต่ไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไร"
Cr.: pixabay
จบแล้วครับช่วยกด 👍 ❤️ ติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ🥰
โฆษณา