7 พ.ค. 2021 เวลา 11:11 • ปรัชญา
สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ
ทุกคนย่อมทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่เหตุไฉน ถึงยังไม่พ้นไปจากทุกข์กันสักที
Photo by Caleb Russell on Unsplash
เหตุคือ จิตไม่ตั้งมั่น
ไม่สามารถปลุกการระลึก
การรับรู้ให้ "ตื่น" ขึ้นมา
ยังไม่สามารถเห็นทุกสิ่งถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
ถูก "อคติ" บดบังเอาไว้
2
คล้าย ๆ กับเมฆหมอก ที่ปกคลุมเอาไว้
มนุษย์ทั้งหลายถูกเมฆหมอกแห่งอวิชชา
ปกปิดความจริงเอาไว้
มี "ผัสสะ" บังหน้า
หรือ การปรุงแต่งภายในบังตาเอาไว้
จุดตั้งต้นของการเห็นความจริงตามความเป็นจริง
คือ การฝึกให้เกิดจิตตั้งมั่น
1
หรือ เรียกว่า กัมมนีโย (จิตที่ควรแก่การงาน)
ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ยาวนาน และต่อเนื่องมากพอ
ยาวนานแค่ไหน มากแค่ไหน ถึงจะพอ
ไม่มีใครรู้
เป็นเรื่องปัจเจก
มีหลายเหตุหลายปัจจัย
รู้แค่เพียง ฝึกให้ได้มากที่สุด
ทั้งในรูปแบบ และในชีวิตประจำวัน
มิเช่นนั้น เวลาเรียนรู้อะไร เห็นอะไร
ก็จะหลงไปเป็นสิ่งนั้น
อินเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกัน
1
จิตตั้งมั่น คือ การปลุกการรับรู้ให้ตื่นขึ้นมา
เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์
ไม่หลงจมลงไปในเนื้อเรื่อง
2
ทำจิตให้เป็นดังญาณ
เหมือนดั่งตาเห็นรูป
ให้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของจิต
ค่อย ๆ แหวกเมฆหมอกนั้นออก
ทุก ๆ อารมณ์ ความรู้สึกทั้งหลาย
เป็นเพียงหมอกควันจากการปรุงแต่ง
2
จึงเกิดเป็นสุข ๆ ทุกข์ ๆ
วนเวียนกันไปมา
เมื่อเกิดผู้ยึดถือขึ้น
จึงเกิดเป็น ผู้เสวยอารมณ์
หลงจมลงไปในภพ
อินไปในเนื้อเรื่อง
1
เกิดเป็นผู้ทุกข์ขึ้นมา
1
เมื่อพัฒนาจนเกิดจิตตั้งมั่น
1
จะทำให้เห็นเบื้องหลังทั้งหมดของการปรุงแต่ง
อุปมา คล้ายกับมีกล้องวงจรปิดติดไว้ตลอดเวลา
1
เห็นการถ่ายทำตั้งแต่ เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง
ทุก ๆ รายละเอียด
เห็นชัดแล้วว่า
แต่ละรายการทีวี หนัง ละคร ซีรีส์ ฯลฯ
1
ที่เราเห็นมันฉายขึ้นจอเรียกน้ำตา ดราม่า
สนุกสนาน ฯลฯ
ที่คิดว่ามันเป็นความจริง
เป็นเพียงฉากละคร
ที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาชั่วคราว
2
ถ่ายฉากนั้นจบ ทุกตัวแสดงก็แยกย้ายกันไป
เตรียมฉากอื่นต่อ
2
มันจะค่อย ๆ เห็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละช็อต
สะท้อนมาที่ชีวิตของแต่ละคน
ความต่อเนื่องของชีวิต
จะถูกตัดแบ่งย่อยออกเป็นช่วง ๆ ขณะ ๆ
1
เดี๋ยวก็เป็นเวทีของความโลภ โกรธ หลง
ก่อนจะก่อตัวเป็นตัณหาขึ้นมา
1
มาจากการกระทบผัสสะทวารทั้ง ๖
วิญญาณที่มีเชื้อของอวิชชาอยู่แล้ว
ก็จัดการปรุงแต่งต่อ
1
ผลักดันให้ออกไปแสวงหา
จากนั้นก็สลายตัว แยกย้ายกันไป
1
สักพักก็ปรุงต่อ
1
สลับไปมา
ปรุงบ้าง ไม่ปรุงบ้าง
สติระลึกทันตรงไหน ก็จะเห็นละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ
1
เมื่อเริ่มเห็นสภาพปกติที่ไม่มีการปรุงแต่งมากเข้า
จะเริ่มจับทางได้แล้ว
ว่า “ถูกหลอก”
มีแต่ของเกิด ๆ ดับ ๆ
ที่เราเห็นว่ามันมั่นคงสืบเนื่องอยู่ตลอดเวลา
จริง ๆ แล้ว มันเกิด ดับอยู่ทุกขณะ
แปรปรวนกันไปมา
1
เพราะความปรุงแต่ง
ที่จิตไม่ตั้งมั่นพอ จึงมองไม่เห็น
มีการจัดฉากเอาภาพมาเรียงต่อ ๆ กัน
กลายเป็นวีดีโอฉายต่อเนื่องกัน
1
วินาทีก่อนหน้า มันเกิดขึ้นและจบไปแล้ว
ทุกอย่างดับ ไปหมดแล้ว ในแต่ละขณะจิต
1
ทุกข์ทั้งหลาย
เกิดขึ้นมาได้ เพราะความยึดถือว่าทุกสิ่งมั่นคง
จึงหลงยึดในสภาวะต่าง ๆ
เกิดความสำคัญมั่นหมาย
เป็นนั่น เป็นนี่ มีเรา มีเขา กันขึ้นมา
2
จนกระทั่ง จิตตื่นขึ้นมา
จึงได้เผชิญกับความเป็นจริง
รู้เท่าทันการปรุงแต่งจากกิเลส
ทุกสิ่งที่หลงยึดถือ
เป็นเพียงภาพมายา
มีสภาพแปรปรวน ผันเปลี่ยน ตลอดเวลา
ไม่เคยมีอยู่จริง
1
ทุกสิ่งในโลกเริ่มต้นมาจากการไม่มี
เกิดการผันแปรไป ไม่เคยเหลือสภาพเดิม
2
แผ่นดินว่าง ๆ
สร้างบ้านทับที่ดินเดิม
เปลี่ยนเจ้าของมาเรื่อย ๆ
และจะถูกเปลี่ยนไปอีกต่อ ๆ ไป
1
...
เกิดอาการสลดสังเวชใจ
จึงเกิดการปล่อย การวางความยึดมั่น
เป็นลำดับ ๆ
จนสลัดคืนทุกสิ่งที่เคยหลงใหล เพลิดเพลิน ได้ปลื้ม
ในขันธโลกออก
ภพจึงขาดสะบั้นลง
1
วางกล้องวงจรปิดลงไปด้วย
ที่มันเห็นทุกสิ่งได้
เพราะมันมี 'กล้อง'
จึงยังหลงยินดีพอใจเป็นขณะ ๆ
เมื่อวางความยึดถือจนหมด
กิเลสก็หายหน้ากันไปเอง
มันปรุงแต่งสร้างเรื่องกันไม่ขึ้น
เพราะไม่มีคนหลงดู หลงอิน
ไม่มีใครเล่นด้วย
1
มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์
1
ขันธ์ทั้งห้าทำงานไปตามธรรมชาติ
1
ทุกข์จึงไม่มีที่ตั้ง ...
1
📍 หมวดศีล จัดการกับการกระทำทางกาย วาจา
หมวดสมาธิ กับ ปัญญา จัดการกับการชำระจิตให้บริสุทธิ์
วางความยึดมั่นถือมั่นทั้งหมดลง
จิตวางจิต
กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้ที่ใสบริสุทธิ์มาแต่เดิม
ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส ไร้การปรุงแต่ง ...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา