5 พ.ย. 2022 เวลา 01:00 • การเกษตร
ความตั้งใจในวัยใกล้เกษียณ...ตอนที่ 6
"ตั้งใจจะสร้างป่าเล็กๆ เป็นของตัวเอง และแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นที่ทำกินในยามแก่เฒ่า ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙"
ตอนที่ 6 พัฒนาไปอีกขั้น...เพาะเองปลูกเอง
เนื่องจากในปี 2562 มีการออก พรบ.ป่าไม้(ฉบับที่ ๘) ปลดล็อคพันธุ์ไม้ในมาตรา ๗ ให้สามารถตัดโค่นไปใช้ประโยชน์ได้หากปลูกในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ ส่งผลให้มีการจับจองกล้าไม้จากศูนย์เพาะชำจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ในปี 2563 ไม่ได้รับกล้าไม้จากศูนย์เพาะชำ แต่ถึงจะได้มาก็ยังเป็นพันธุ์ไม้ชนิดเดิม คือ ตะเคียนทอง พะยอม มะฮอกกานี หลุมพอ เป็นไม้หลักที่มีอยู่บ้างแล้ว อยากจะลองพันธุ์ไม้ชนิดอื่นๆดูบ้าง🌿☘🌾
ส่วนตามร้านขายต้นไม้ของเอกชน ก็ยังคงพอหาได้แต่ราคาเฉลี่ยต่อต้นตกต้นละประมาณ 10 บาท ซึ่งคิดว่าแพงไป ครั้นจะสั่งทางอินเตอร์เน็ตก็มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเมื่อเทียบกับราคาต้นไม้ก็ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร และบางครั้งใส่กล่องหรือห่อไม่ดี ทำให้ต้นไม้เสียหายขณะขนส่งได้ ต้องเสียเวลามาดูแลกว่าต้นจะแข็งแรงจนนำไปปลูกได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาจึงคิดจะเพาะต้นไม้ด้วยตัวเองเพื่อนำมาปลูก
เมล็ดพันธุ์หลากหลายชนิด
การเพาะเมล็ดต้นไม้ด้วยตัวเองนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ เมล็ดพันธุ์ เราจะหาเมล็ดพันธุ์จากที่ไหน ซึ่งต้องขอบอกว่าเราโชคดีที่อยู่ในยุค social อย่างปัจจุบัน เพราะใน facebook มีขายกันเยอะมาก เพียงแต่เราต้องลองเข้าไปในกลุ่มที่มีคนสนใจเรื่องราวพวกนี้เช่นเดียวกับเรา ซึ่งจะพบว่ามีทั้งแจกฟรี แจกโดยขอเพียงแค่ค่าส่งของหรือเสนอขายให้เลือกซื้อเลือกหาเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการ เยอะแยะมากมายไปหมด🌳🌳
นอกจากในอินเตอร์เน็ตแล้ว แหล่งเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ตามธรรมชาติก็มีอยู่รอบตัวเรา เช่นตามแหล่งท่องเที่ยว วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ ริมถนน เมื่อพบเจอเราก็สามารถเก็บมาเพาะได้ โดยไม่ต้องซื้อหาให้เสียเงินทอง เพียงอาศัยความกล้าหาญนิดหน่อย ไม่ต้องกลัวคนจะมองว่าบ้าบอ ซึ่งผมได้เมล็ดมาจากแหล่งประเภทนี้เยอะมาก บางครั้งก็ได้จากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนที่ชอบปลูกและเพาะต้นไม้เหมือนกัน
ในช่วงปลายปี 2562 ผมได้เตรียมเพาะเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ไว้หลายชนิด บางชนิดสั่งเมล็ดจากอินเตอร์เน็ต เช่น มะฮอกกานี มะหาด ชิงชัน แคนา มะค่าโมง นนทรี ส่วนบางชนิดก็อาศัยเอาตามแหล่งธรรมชาติ เช่น อินจัน ปาโลซานโตส หว้า อินทนิล เสลา ตะแบก ราชพฤกษ์ กระถินเทพา นุ่น จามจุรี สะเดา จิกน้ำ มะกล่ำต้น กระทิงเป็นต้น
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต้นกล้าจะเติบโตตั้งแต่เพาะจนกระทั่งนำไปปลูกได้ใช้ระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ซึ่งถ้าเราเริ่มเพาะประมาณเดือนธันวาคม เราก็จะนำไปปลูกได้ในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งก็เป็นช่วงของการเริ่มต้นฤดูฝนพอดี
ในปี 2563 ต้นไม้ที่ปลูกมีหลากหลายชนิดเพราะเราเพาะต้นกล้าเอง บางครั้งก็ถอนต้นกล้าที่ขึ้นตามโคนต้นเช่น ยางนา จันทร์กะพ้อ ขี้เหล็กแล้วมาเลี้ยงไว้ในถุงเพาะชำ พอแข็งแรงดีแล้วก็นำไปลงปลูก ทั้งปี 2563 ปลูกไปประมาณ 300 ต้น
สิ่งที่ได้จากการเพาะต้นไม้เอง🌱🌱
1.ได้เรียนรู้วิธีการเพาะเมล็ดของพันธุ์ไม้แต่ละชนิด เพราะแต่ละชนิดจะมีลักษณะเมล็ดที่แตกต่างกัน วิธีเพาะก็ต่างกัน บางครั้งต้องใช้เทคนิคในการเพาะ เช่นต้องแช่น้ำร้อน, ต้องมีการขลิบที่เปลือกเมล็ดก่อนเพาะ, บางชนิดต้องแช่น้ำข้ามสัปดาห์ถึงจะงอกแต่บางชนิดแช่น้ำนานไปก็ทำให้เมล็ดเน่าเสียได้ เป็นต้น
2.ประหยัดค่าใช้จ่าย รวมค่าถุงเพาะ ค่าดินถุง ค่าเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนตกต้นละไม่เกิน 2 บาท แทนที่จะต้องไปจ่ายเงินซื้อตามร้านขายต้นไม้หรือทางอินเตอร์เน็ต เพียงแต่อาจจะใช้เวลารอเวลาที่ต้นไม้โตพร้อมปลูก ซึ่งถ้าวางแผนดีๆ เพาะต้นไม้ในช่วงหน้าร้อน พอถึงหน้าฝนต้นไม้ก็โตพร้อมปลูกพอดี
3.สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ เมื่อเพาะต้นกล้าได้แล้วหากเหลือจากนำไปปลูกก็สามารถนำมาขายหรือโพสต์ขายในอินเตอร์เน็ตได้🎄🎄
4.เราจะรู้สึกรักต้นไม้ที่ปลูกมากขึ้น เพราะมีความผูกพันกับต้นไม้ตั้งแต่เริ่มเพาะจนกระทั่งลงปลูก ซึ่งแต่ละช่วงต้องใช้เวลารอกว่าจะโต ต้องคอยรดน้ำและกำจัดศัตรูพืช
5.ได้รู้ว่าต้นไม้ชนิดไหนออกผลและให้เมล็ดช่วงเวลาไหนของปี เพราะต้นไม้แต่ละชนิดออกผลไม่พร้อมกัน
6.มีอย่างหนึ่งที่คิดว่าสำคัญมาก นั่นคือความสุขที่ได้จากการเพาะกล้าไม้ ทำให้ได้ฝึกตนเองให้รู้จักรอ รอคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่จะเริ่มแตกหน่อ เมื่อแตกหน่อแล้วจะมีลักษณะของต้น ลักษณะของใบเลี้ยง เป็นอย่างไร เมื่อไหร่จะเริ่มแตกใบจริง ลักษณะใบจริงเป็นอย่างไร เหล่านี้คือความสุขที่ผมสัมผัสได้จากการเพาะต้นไม้เอง
สำหรับวิธีการและเทคนิคในการเพาะเมล็ดพันธุ์ต้นไม้หลายชนิดที่ได้ทดลองเพาะนั้น ผมได้เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดในเวปนี้ครับ https://www.blockdit.com/peer.plantpropagation

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา