13 มิ.ย. 2021 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
P/E Ratio สำคัญอย่างไร
เราคงคุ้นเคยกับอัตราส่วนนี้กันพอสมควรแล้ว ซึ่งค่า P/E นี้ใช้บอกว่าหุ้นแพงไปแล้วหรือยัง นอกจากนี้แล้ว P/E Ratio มีความสำคัญอย่างไรอีก เรามาติดตามกันเลยค่ะ
(P/E Ratio) หรือ Price-Earnings Ratio คือ อัตราส่วนราคาต่อกำไร
P >> Price คือ ราคา
และ E >> Earning คือ กำไร
ค่า P/E จะช่วยบอกให้เราทราบว่า นักลงทุนต้องจ่ายเงินเท่าไรเพื่อให้ได้กำไร 1 บาท
ตัวอย่าง :
หุ้น XX ราคา 100 บาท บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นใน 4 ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 20 บาท
ค่า P/E ที่คำนวนได้จะเท่ากับ 100/20 = 5
นั่นแสดงว่า นักลงทุนต้องจ่ายเงิน 5 บาท เพื่อให้ได้กำไร 1 บาท ต่อปี
โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งหุ้นตามลักษณะ P/E ได้เป็น 2 กลุ่ม
1) หุ้นมูลค่า (Value Stocks)
หุ้นที่มีทรัพย์สิน หรือหลังจากคิดมูลค่าของบริษัทแล้ว ราคาในตลาดต่ำกว่าความเป็นจริง แต่ถึงอย่างนั้นหุ้นเหล่านี้ราคาก็ไม่ได้สะท้อนตามมูลค่าจริงเสมอไป อาจจะมีช่วงที่ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงหรือสูงกว่าความเป็นจริงจากความไม่สมเหตุสมผลของคนนั่นเอง
2) หุ้นเติบโต (Growth Stocks)
เป็นหุ้นที่ล้อไปกับอนาคต ราคาแพง PE สูง (ผันตามกัน) เนื่องจากคาดหวังการเติบโต หรือราคาอาจให้ความหวังไปกับสตอรี่และนวัตกรรมต่าง ๆ ในอนาคต
ดังนั้นเราจึงเห็นค่า PE สูง ๆ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือกลุ่ม Healthcare ที่มีโปรเจคเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตต่าง ๆ โดยอาจจะสูงถึงหลัก 100 เท่า หรือ 1,000 เท่า ก็มีให้เห็นมาแล้ว เนื่องจากฐานต่ำ และมองว่าเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จึงมองว่ามีมูลค่าตลาดมหาศาลรออยู่
แต่สิ่งที่ต้องคำนึงและควรระมัดระวังสำหรับหุ้นเติบโตนั้น เนื่องจากเป็นหุ้นที่เล่นไปกับอนาคตผ่านความคาดหวังที่ค่อนข้างสูงซึ่งอาจมีความไม่แน่นอนได้เสมอ
⛳ ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการคำนวน P/E
📌 อัตราการเติบโตของบริษัท
เนื่องจากคำนวณค่า P/E เป็นการนำข้อมูลในในอดีตมาใช้ แต่สำหรับบางบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงเปอร์เซ็นต์การเติบโตด้วย เพราะหากใช้ P/E ในอดีตเพียงอย่างเดียว อาจดูเหมือนว่า หุ้นนั้น ๆ มี P/E สูงมากไปแล้ว ไม่น่าลงทุน ทั้งที่จริงแล้ว ราคาของหุ้นนั้นอาจยังน่าลงทุนอยู่
📌 กลุ่มอุตสาหกรรม
ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม มีการเติบโตที่แตกต่างกัน เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค จะมีการเติบโต ต่ำกว่า หุ้นบริษัทเทคโนโลยี เป็นต้น ดังนั้น หากนำค่า P/E ของบริษัท 2 บริษัท ที่อยู่คนละกลุ่มอุตสาหกรรม มาเทียบกัน ก็จะได้รับข้อมูลค่าที่คลาดเคลื่อนได้ เช่น
หุ้น XX อยู่กลุ่มสื่อสาร มีค่า P/E 20 ในขณะที่หุ้น YY อยู่ในกลุ่มโรงพยาบาล มีค่า P/E 15 หากเปรียบเทียบกันแล้ว หุ้น YY จะดูน่าลงทุนมากกว่า แต่เมื่อไปเทียบในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจสื่อสารแล้ว พบว่า P/E เฉลี่ย มากกว่า 30 ในขณะที่กลุ่มโรงพยาบาล P/E ส่วนใหญ่ อยู่ที่ 5
👉 นั่นกลับแสดงให้เห็นว่า ในกลุ่มสื่อสาร หุ้น XX ยังน่าลงทุนอยู่ ในขณะที่หุ้น YY นั้นมีค่า P/E สูงกว่าบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
⛳ ข้อเสียของการใช้ P/E มาวิเคราะห์
1
📌 กำไรต่อหุ้น ที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง
📌 สภาวะที่อัตราเงินเฟ้อสูงอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ธุรกิจที่มีสินค้าคงคลังจำนวนมาก ดูเหมือนจะมีค่า P/E ต่ำ เพราะ EPS หรือ กำไรต่อหุ้นสูง แต่เมื่อสินค้าดังกล่าวหมดไป แนวโน้ม EPS ในอนาคต ก็อาจจะลดลง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
1
📌 หุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นหุ้นที่อยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสมต่อการลงทุนเสมอไป เพราะบางบริษัทที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีอัตรากำไรในอนาคตที่ต่ำลง ราคาหุ้นก็จะลดลงไปก่อนเลย ทำให้ P/E ต่ำ
💦........อย่าลืมนะคะ ถ้าคิดจะลงทุนในหุ้น ต้องหมั่นทำการบ้าน ศึกษาวิธีการลงทุนเยอะๆ ความรู้จะช่วยป้องกันเงินทุนของเราและยังช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ 😊
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
สามารถเยี่ยมชมเราผ่านช่องทางอื่นตามลิ้งข้างล่างนี้ค่ะ :
ขอบคุณกำลังใจและการติดตามนะคะ ทุกการอ่าน ไลค์ แชร์ หรือคอมเม้นท์มีความหมายเสมอค่ะ ❤❤🙏🙏❤❤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา