ซึ่งแรงบันดาลใจในรายการเกมโชว์ในยุคที่อาจจะเปรียบเป็นยุคทองของเกมโชว์ไทยมีมากมายหลายรายการ เริ่มจาก มาตามนัด ที่ไปเอาเกมใบ้คำที่คนไทยล้วนจดจำจาก The $25,000 Pyramid, เซียนทีวี ของ BEC TERO Entertainment (ปัจจุบันคือ TERO Enetrtainment) และ เวลาพารวย ของ Evening Star Entertainment ที่ไปดึง Greed มาทั้งดุ้น, เกมปริศนา ของ Shadow Entertainment (SHADOW ENTERTAINMENT ในเครือของ RS) ที่ครบองค์ประกอบแห่งแรงบันดาลใจจาก Wheel of Fortune, หรืออย่าง ขวัญถุงเงินล้าน ของ TV Thunder ที่ไปดึงจาก The Million Pound Drop แบบเต็มสูบ แม้กระทั่งรายการเกมโชว์รายการแรกของเมืองไทยอย่าง ภาพปริศนา ก็ยังได้รับแรงบันดาลใจจาก Photoquiz และยังมีหลายรายการที่เราไม่ได้กล่าวถึงอีกมากมาย[2]
และยังมีอีกรายการที่โดนข้อครหาในเรื่องลิขสิทธิ์ อย่างเช่น เวลาพารวย ที่ Dick Clark Productions ส่งความคิดถึงมาหา (ด้วยการจะฟ้อง) และ ขวัญถุงเงินล้าน ที่ได้รับเสียงปลายสายจาก Endemol Shine Group (ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม Banijay) เช่นเดียวกัน
การกู้หน้าของวงการโทรทัศน์ไทยกับการซื้อลิขสิทธิ์
หลังจากที่ขวัญถุงเงินล้านเสียวไส้เพราะ “เสียงจากปลายสาย” จาก Endemol Shine Group แล้ว ก็ดูเหมือนว่าบ้านเราจะได้วีรบุรุษที่กู้หน้าของการซื้อลิขสิทธิ์อย่าง Zense Entertainment ที่นำทัพโดยหัวเรือใหญ่อย่าง “บอสเอ - วราวุธ เจนธนากุล” ที่ซื้อ “Step Right Up” มาทำในชื่อ “Step Right Up ใครเก่ง...ใครได้”และ “The Million Pound Drop” มาทำในชื่อ “The Money Drop Thailand” ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือในประเทศไทยอีกครั้งสำหรับตลาดซื้อขายรูปแบบเกมโชว์
ความบ้าระห่ำในการซื้อลิขสิทธิ์
หลักจากนั้น Zense ก็ซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศมาทำอีกหลายรายการไม่ว่าจะเป็น ช่วยฉันที Do me a favor, The Love Machine วงล้อ ลุ้นรัก, ตกสิบหยิบล้าน Still Standing Thailand, Couple or Not? คู่ไหน..ใช่เลย, แหวน 5 ท้าแสน - 5 Golden Rings, Guess My Age รู้หน้า ไม่รู้วัย เรียกได้ว่าเป็นผู้นำเทรนด์ซื้อลิขสิทธิ์จากฝั่งยุโรปในยุคนี้
แต่ถ้ามีฝั่งยุโรปแล้วก็ต้องมีฝั่งเอเชีย ซึ่งตำแหน่งนี้ผมคงต้องยกให้กับ Workpoint (อดีต)เจ้าพ่อแห่งรายการเกมโชว์ไทย ที่ซื้อจากเกาหลี 3 รายการแต่ก็ปังทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ที่ Season 1 ปังแบบสุด ๆ ฉุดไม่อยู่ (แล้วซีซั่นถัด ๆ มาก็ปั้นจนพัง), Let me In Thailand ศัลยกรรมพลิกชีวิต และ I Can See Your Voice Thailand นักร้องซ่อนแอบ ที่ช่วงนี้ความสนใจก็ลดลงไปเยอะประมาณหนึ่ง แต่ถ้าหากนับตามความเป็นจริงแล้วในอดีต Workpoint ก็ซื้อจากฝั่งยุโรปมาเยอะจนลายตาก็ว่าได้
อีกบริษัทที่หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้คือ TV Thunder (ที่เราแซวเรื่องขวัญถุงฯ ไป) ที่ซื้อลิขสิทธิ์รายการ Take Me Out ที่ทำมาได้ร่วม 10 ปี และยังมี Spin-Off อย่าง Take Guy Out Thailand (ยังไม่นับคอนเทนต์พิเศษที่ถูกต่อยอดมาจากรายการอย่าง Take Me Out Reality และซีรีส์ “เสน่หาสตอรี่”) และยังมีรายการอื่นๆ อีกอย่าง Family Fighting เกมซ่า ท้ายกบ้าน, Who's asking Thailand ปุจฉามหาชน, Hidden Singer Thailand เสียงลับ จับไมค์, Big Heads Thailand หัวโตสนั่นเมือง และหนึ่งในรายการตำนานของสหรัฐอเมริกาอย่าง The Price is Right Thailand หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ราคาพารวย”
ยังมีอีกบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่ในวงการซื้อลิขสิทธิ์อย่าง “มีมิติ” บริษัทของอดีตทีมงานเวิร์คพอยท์ผู้ให้กำเนิดรายการดัง ๆ หลายรายการอย่าง “รุ่งธรรม พุ่มสีนิล” ที่ซื้อ Hollywood Game Night ออกมาทำถึงสองเวอร์ชั่น และสองช่อง, To Tell The Truth รายการเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา, Top Chef รายการประชันทำอาหารของเหล่าเชฟ, The Wall รายการที่พลิกชีวิตจากกำแพง, และ Divided ที่สร้างกระแสสังคมได้ในเทปแรกจากความกดดันของตัวผู้เล่น (แม้จะแผ่วลงในสัปดาห์ถัดมาจากการออกอากาศชนกับรายการ “MasterChef Thailand” จากช่องคู่แข่งก็ตาม) และยังมีอีกหลายบริษัทที่ซื้อลิขสิทธิ์มาทำในไทยอีกมากมายที่เราไม่ได้กล่าวถึง