9 พ.ค. 2021 เวลา 04:28 • ไลฟ์สไตล์
กับดักอันใหญ่
"พอจิตมันตั้งมั่นขึ้นมา คราวนี้กำลังมันพอ
มันจะก้าวหน้าต่อไปเรื่อย มันก็จะเห็นสภาวะรูปธรรม
นามธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
จิตเป็นแค่คนรู้คนดู ไม่อิน ไม่หลงใหลเข้าไปวุ่นวายด้วย
สักว่ารู้ว่าเห็นไปเรื่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่ง
ถึงช่วงหนึ่งจิตมันจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ
สุขเกิดขึ้นแล้วมันก็ดับ ทุกข์เกิดขึ้นแล้วมันก็ดับ
กุศล อกุศลเกิดแล้วมันก็ดับ จิตสงบเกิดแล้วก็ดับ
จิตฟุ้งซ่านเกิดแล้วก็ดับ
ไม่เห็นมีอะไรเลยที่จะเที่ยงแท้ถาวร
เอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้เลย
ใจมันรู้สึกไม่มีที่พึ่งที่อาศัยเลย
ที่ภาวนาอยู่นี่ ดูไปที่ไหน โอ๊ย มีแต่ของที่แตกสลาย
เฝ้ารู้เฝ้าดู จิตมันจะผ่านแบบนี้
บางทีก็เกิดเบื่อมากเลย เบื่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ตรงเบื่อเรียกว่ามีนิพพิทา ตรงที่มันเห็นว่า
โอ๊ย ไม่มีสาระแก่นสารเลย มีแต่ทุกข์มีแต่โทษ
เขาเรียกอาทีนวญาณ
แต่ละคนจะผ่าน แล้วใจมันก็เริ่มอยากจะหนีไปให้พ้น
ร่างกายนี้น่าเบื่อหน่าย จิตใจนี้น่าเบื่อหน่าย
มีแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
เมื่อไรจะพ้นไปสักที ใจมันอยากพ้นไป
แต่จะพ้นไปได้อย่างไร มันพ้นไม่ได้
ไปไหนมันก็เอาร่างกายไปด้วย
หนีมาอยู่ในวัดมันก็เอาร่างกาย
ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตามาด้วย
ไปอยู่ที่ไหนมันก็เอาจิตใจไปด้วย
เพราะฉะนั้นมันไม่มีที่จะหนี
เราเห็นทุกข์เห็นโทษ เห็นความน่าเบื่อหน่าย
อยากหนี แต่หนีไม่ได้ จะหนีอะไร
จะหนีจากกาย จะหนีจากใจ
มันหนีได้ที่ไหน พอหนีไม่ได้
เราพยายามดูต่อไป อดทนเอา
ตรงนี้หลายคนก็ผ่านไม่ไหว
เห็นมันเบื่อเลยเลิกปฏิบัติไปเลย เห็นแต่ทุกข์เห็นแต่โทษ
ทำไมชีวิตไม่รื่นเริงเหมือนชาวบ้านเขาบ้าง ได้เฮฮาปาร์ตี้
ไปกินเลี้ยง กินโต๊ะแชร์ เข้าผับเข้าบาร์ อุ๊ย ดูมีความสุข
พอเราภาวนาเราต้องอดทนนะตอนนี้ จิตมันจะท้อถอยแล้ว
มันเห็นว่าหนีกลับไปอยู่กับโลกไม่เห็นจะทุกข์เท่านี้เลย
อยู่กับโลกยังไม่เคยทุกข์ขนาดนี้เลย
มาภาวนาทำไมมีแต่ทุกข์ขนาดนี้ ใจมันเบื่อหน่ายท้อแท้
ต้องอดทน รู้ทันลงไป
กลับไปอยู่กับโลก ก็ไปอยู่กับความสกปรกโสมมเหมือนเดิมนั่นล่ะ
แล้วชีวิตมันมีอะไรดีขึ้น คนในโลกน่าสงสารจะแย่แล้ว
หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย
เราคอยรู้ๆ ไป อดทนไว้ อย่าถอย
มันเป็นทางผ่าน มันเป็นด่าน
เป็นกับดักอันใหญ่ที่จะดักเราไม่ให้ก้าวต่อไป
ให้เราท้อแท้ถอดใจเสีย
เราไม่ถอดใจ สู้ ดูไปๆ กลับไปอยู่กับโลกแล้วมันได้อะไร
โลกก็มีแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเหมือนกัน
เพราะปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าอยู่ในวัดหรืออยู่ที่ในโลกธรรมดา
ปัญหามันอยู่ที่กายนี้มันทุกข์ต่างหาก
ปัญหามันอยู่ที่จิตใจเป็นทุกข์ต่างหาก
ไม่ว่าหนีไปอยู่ที่ไหน มันก็ทุกข์ทั้งนั้น
พอมันเห็นตรงนี้ จิตมันจะค่อยๆ เป็นกลาง
แล้วมันก็จะดูสภาวะเกิดดับๆๆ ต่อไปเรื่อยๆ
แต่คราวนี้ดูแบบไม่มีความหวังอะไรแล้ว
ไม่ลุ้นแล้วว่าเมื่อไรจะพ้นจากความทุกข์ในร่างกาย
เมื่อไรจะพ้นจากความทุกข์ในจิตใจ
เพราะมันแจ่มแจ้งแล้ว มันไม่พ้นหรอก
กายนี้อย่างไรก็ทุกข์ ใจนี้อย่างไรก็ทุกข์
ก็ฝึกๆๆ อดทนนะ
ฝึกไปถึงจุดหนึ่งจิตมันเป็นกลาง
ตรงที่จิตเป็นกลางนี่มันเป็นจุดแตกหักแล้ว จุดสำคัญแล้ว
จิตมันเป็นกลางเพราะปัญญา
ปัญญามันเห็นความจริงแล้วว่า ร่างกาย เวทนา หรือสังขาร
หรือกระทั่งตัวจิตใจเองไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ทุกสิ่งทุกอย่างเสมอกันหมด
สุขกับทุกข์ก็เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์
ดีกับชั่วก็เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์
ร่างกายนี้ก็เป็นแค่สมบัติของโลก อยู่ชั่วคราว
มันก็เป็นไตรลักษณ์อีก
เฝ้าดูๆ ทุกหนทุกแห่งมันมีแต่คำว่า ไตรลักษณ์ๆ
พอเห็นอย่างนี้ใจก็เข้าสู่ความเป็นกลางด้วยปัญญา
สุข ทุกข์ ดี ชั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างเสมอกัน
มันก็จะไม่ได้อยากได้อย่างนี้เกลียดอย่างนี้
ตรงนี้เราได้ญาณ วิปัสสนาญาณที่สูงมาก
ตัวนี้สำคัญชื่อ สังขารุเปกขาญาณ ญาณแปลว่า ปัญญา
ปัญญาที่เป็นอุเบกขาต่อความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง
ร่างกายก็เป็นความปรุงแต่ง เวทนาก็ความปรุงแต่ง
สังขารในจิตตสังขารปรุงดีปรุงชั่วอะไรมันก็เป็นของปรุงแต่ง
ตัวจิตเองก็เป็นของปรุงแต่ง เกิดดับๆ เหมือนกัน
ตัวผู้รู้เดี๋ยวก็กลายเป็นตัวผู้คิดอะไรอย่างนี้
มันเห็นทุกอย่างเสมอกันไปหมด ใจก็หมดความดิ้นรน
แต่ถ้าเรายังไม่เห็นตรงนี้ ใจยังดิ้นไม่เลิก
ทุกอย่างมันเสมอกันแล้วใจมันก็หยุดการดิ้นรน
พอหยุดการดิ้นรนแล้วจิตมันจะรวม
พอจิตมันไม่ดิ้นรนวุ่นวายแล้ว ไม่มีนิวรณ์แล้ว
จิตเข้าสมาธิของมันเอง
แล้วอริยมรรคอริยผลก็จะเกิดขึ้น นี่คือเส้นทางเดิน"
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
2 พฤษภาคม 2564
ที่มา อ่านธรรมคำสอน https://www.facebook.com/TimelyDhamma/photos/a.1412754818756472/4269814179717174/
โฆษณา