16 พ.ค. 2021 เวลา 04:00 • ธุรกิจ
แพทย์ผู้หลงใหลในการเขียนและความสนุก การทำงานที่ควบคู่กับความชอบ
.
วันนี้ Career Fact จะมาเล่าเรื่องราวของ ‘หมิง’ นักเรียนเเพทย์ที่เกือบยอมแพ้ต่อการเรียนสู่การเป็นแพทย์ความงามและนักเขียนในคราวเดียวกัน
.
ชีวิตและกรอบของสังคม ความหวังและความชอบที่สวนทาง ความยากลำบากในเส้นทางหมอ
ติดตามได้ที่นี่
.
.
#ชีวิตและความฝันในวัยเด็ก
.
หมิงเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบของสังคมมาโดยตลอด สังคมที่กำหนดว่าต้องเรียนให้เก่ง เข้าโรงเรียนที่ดี สอบให้ได้อันดับต้นๆ เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ และเรียนคณะเเพทย์หรือวิศวะ สังคมถึงจะชื่นชม ทำให้หมิงอยากเป็นหมอเพราะคิดว่าอนาคตจะสดใสและได้การยอมรับจากคนรอบข้าง จนทำให้หมิงเป็นเด็กที่ไม่กล้ามีความฝันเป็นของตัวเอง
.
หมิงเล่าว่าตัวเขาในวัยเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอาชีพอยู่หลากหลายมากมายขนาดไหน เพราะตัวเลือกที่สังคมและห้องเรียนมอบให้คือ ครู หมอ พยาบาล หมอฟัน เจ้าของธุรกิจ การที่มีตัวเลือกไม่มากและอยู่ในสังคมของเด็กเก่ง คนรอบตัวก็มีแต่จะเข้าแต่หมอ วิศวะ เลยยิ่งเหมือนถูกจำกัดอยู่ในกรอบที่ไร้ตัวเลือกเข้าไปใหญ่
.
.
#ความรู้สึกเมื่อได้เข้าไปเรียนแพทย์จริงๆ
.
ในความคิดของหมิงก่อนเข้าไปเรียนแพทย์ เขารู้สึกว่าการเป็นหมอไม่ใช่เรื่องยาก แค่การตรวจคนไข้ ดูอาการ แล้วก็สั่งจ่ายยา แต่พอเขาเข้าไปเรียนจริงๆ มีหลายอย่างที่จะต้องเจอก่อนจะออกไปทำงานในฐานะของแพทย์คนหนึ่ง ทั้งการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น การเรียนเนื้อหาที่เยอะมากๆ ต้องคิดวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่การท่องจำอย่างเดียว อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของการทำงาน เพราะอาชีพนี้ไม่ใช่แค่การท่องจำอย่างเดียว ยังต้องเจอกับคนไข้ เจอกับเพื่อนร่วมงาน พบปะสังคม เจอสิ่งที่ไม่ได้เขียนอยู่ในตำรา ไม่ใช่แค่การสอบทฤษฎีเท่านั้นแต่ยังมีการปฏิบัติ อยู่เวรดึก อดนอน เข้าห้องผ่าตัด รวมทั้งประสานงานกับคนอื่น
.
.
#ความท้าทายของการเรียนแพทย์
.
ตัวอย่างของหมิงคือ การเรียนมัธยมปลายจะมีเวลาเรียน เวลาสอบ เวลาอ่านหนังสือแยกกันชัดเจน แต่สำหรับนักเรียนแพทย์จะไม่มีแบบนั้น เพราะถ้าต้องอยู่เวรข้ามคืนและมีสอบต่อในตอนเช้า เวลาพักก็มักจะไม่มีความแน่นอน และขึ้นอยู่กับว่าแต่ครั้งจะเจองานที่หนักหรือเปล่า เขาจึงต้องปรับตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำงานต่อไปได้ในทุกๆ วัน
.
.
#จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับการเป็นเเพทย์
.
“ยากมากเลยครับ” หมิงกล่าว เพราะถ้าเราไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมันเหมาะกับเราหรือไม่ การที่เราจะมั่นใจได้ว่าเราชอบสิ่งนั้นเราจะต้องเจอกับสภาพแวดล้อม สัมผัส และได้ลองอยู่กับสิ่งนั้นจริงๆ การที่จะตัดสินใจได้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบนั้นจะมาหลังจากที่เราได้ลองเข้าไปสัมผัสเอง
.
บางคนที่จบหมอมาก็ไม่ได้ไปต่อทางนี้ อาจจะไปหาสิ่งที่เขาชอบจริงๆ เป็นเชฟ เป็นนักบิน หรือบางคนระหว่างเรียนรู้ตัวว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบจริงๆ ก็ซิ่วไปเรียนคณะอื่น เราไม่สามารถตัดสินก่อนได้เลยถ้าเราไม่เผชิญมันด้วยตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่าเราชอบงานสายนี้จริงรึเปล่าหมิงแนะนำให้ลองเข้ามาสัมผัสดูเลยจะได้รู้ตัวเอง
.
.
#ความท้อในชีวิตนักเรียนเเพทย์
.
หมิงเล่าว่าช่วงปี 3 เป็นช่วงนี้เรียนหนักมาก อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เลคเชอร์ทั้งวัน แต่คะแนนที่ได้ก็น้อยนิด บางตัวก็สอบตก จนทำให้หมิงเริ่มรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา เลยปรึกษากับครอบครัวว่าอยากเปลี่ยนสาย ไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เพราะตัวหมิงเองก็เคยเป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน และสนใจในเรื่องการแสดง และโฆษณา แถมครอบครัวก็ไม่ได้ห้ามอะไร พอปรึกษาครอบครัวเเล้วหมิงจึงไปคุยกับฝ่ายการศึกษาว่าอยากลาออก และได้คำแนะนำมาว่าให้ทนเรียนไปให้จบปี 4 ก่อน เพราะจะได้วุฒิวิทยาศาสตร์บัณฑิตติดตัวไว้ อย่างน้อยที่เรียนมาแล้วถึง 3 ปี จะได้ไม่เสียเปล่า
.
ช่วงที่พยายามเรียนให้จบปี 4 หมิงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนิเทศศาสตร์ไปด้วยเพื่อให้มั่นใจในเส้นทางที่เลือกต่อไป แล้วก็ได้เข้าใจเหตุผลในหลายๆ ด้าน ทั้งบวกทั้งลบ ส่วนเรื่องนิเทศและการแสดงที่อยากลองทำ ถึงจบแพทย์มาก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ เลยมีเหตุผลที่จะเรียนแพทย์ให้จบมากขึ้น แต่พอเรียนแพทย์ปี 4 จริงๆ มันกลับแตกต่างจาก 3 ปีที่หมิงเคยเรียนมา เพราะเป็นช่วงที่ได้ลงมือทำงานในโรงพยาบาลจริงๆ ไม่ใช่แค่เรียนทฤษฎี ทำให้เขาได้พบเจอผู้คนมากขึ้น ทั้งได้เจอรุ่นพี่ ได้รักษาคนไข้จริงๆ จนหายดี ทำให้รู้สึกเริ่มประทับใจในอาชีพแพทย์ และเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมีคุณค่าขึ้นมา จนสุดท้ายหมิงก็ตัดสินใจที่จะเรียนแพทย์ต่อไป
.
.
#จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียน
.
หมิงเล่าว่าช่วงที่เขากำลังจะขึ้นปี 4 นั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต้องปิดเรียน สำหรับนักเรียนแพทย์การได้หยุดพักเป็นเรื่องที่พิเศษมาก หมิงเลยหาอะไรทำแก้เบื่อด้วยการเปิดแอคเคาท์ Twitter ในชื่อ @Guplia (กูเพลีย) เพื่อเผยแพร่แคปชั่นและมุกตลกที่เพลียๆ จากชีวิตของตัวเอง พอมีคนตามเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งสนุกกับการทำ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนติดตามเพิ่มไวคือในช่วงนั้นถ้ามีคอนเทนต์ที่มีคนรีทวีต (เหมือนกับการแชร์ใน Facebook) มากๆ แอคเคาท์ Thai Trend Tweet ก็จะรีทวีตต่อทำให้ทวีตดังกล่าวแพร่หลายและเริ่มมีคนดังมาติดตามเยอะขึ้น จนส่งผลให้มีผู้ติดตามเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ Salmon Books มาเห็นทวีตต่างๆ ของเขาที่ไวรัล เขาเลยได้รับคำชวนไปเขียนหนังสือและได้ตีพิมพ์ในที่สุด
.
.
#หลังจากเรียนจบทำอาชีพอะไร
.
หมิงบอกว่า โดยทั่วไปเมื่อเรียนจบแพทย์ศาสตร์ 6 ปี ขั้นต่อไปคือจะต้องไปใช้ทุนและเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง แต่หมิงบอกว่าเขาไม่ได้ไปในทางนั้นแต่เลือกออกไปทำงานเป็นแพทย์ GP (General Practitioner แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป) เป็น OPD (Out-Patient Department) คือดูแลผู้ป่วยนอกที่ได้รับการรักษาแบบไม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะออกหนังสือเล่มแรก ‘#เรียนหมอหนักมาก’ หลังจากนั้นด้วยความที่หมิงชอบเกี่ยวกับความสวยความงามตั้งแต่ตอนเรียน เลยเรียนเพิ่มเติมทางด้านความงามและทำงานเป็นแพทย์เสริมความงามและเขียนหนังสือเล่มถัดมาควบคู่กันไป
.
.
#จุดที่ต้องเลือกว่าต้องทำงานงานใดงานหนึ่ง
.
หมิงบอกว่าเขาสามารถบาลานซ์ระหว่าง Work-Life ได้อย่างดี ทั้งการเขียนและการทำงานในคลินิคสามารถแบ่งเวลากันได้ลงตัว แต่หลังจากทำงานได้สองปีเริ่มเห็นปัญหาในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องทีมหรือองค์กร บวกกับงานเขียนที่ยิ่งเขียนยิ่งท้าทาย หลังจากออกหนังสือไปสามเล่มก็ถึงจุดที่เริ่มอิ่มตัว เป็นหนึ่งในบทเรียนว่าการเป็นนักเขียนควบคู่ไปด้วยนั้นเริ่มไปต่อไม่ได้ เขาจึงเลือกวางมือแล้วไปตั้งใจกับการเป็นแพทย์ความงามอย่างเต็มที่
.
.
#ก้าวต่อไปในอนาคต
.
ตอนนี้หมิงเป็นหมอเต็มตัวและไม่ได้เขียนหนังสือแล้ว แต่ก็ยังมีรายได้เสริมบ้างทั้งกองทุนทั้งหุ้น ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ทำให้แผนในการทำงานที่เขาคิดไว้ต้องพักไปก่อน แต่ก้าวต่อไปในชีวิตของหมิงคือ เขาอยากเปิดคลินิคเสริมความงามเป็นของตัวเอง และด้วยความที่คนรอบตัวและเพื่อนๆ ของหมิงทำธุรกิจกันเยอะเขาก็คิดว่าในอนาคตอาจร่วมธุรกิจกับเพื่อนเพื่อเปิดร้านคาเฟ่หรือธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเเพทย์ไปด้วย
.
.
“การเรียนแพทย์ถ้าไม่ลองมาเรียนเองไม่มีทางรู้ เพราะการแก้ปัญหาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ไม่ใช่การเรียนที่เรียนสบายๆ และจบสบายๆ มันทำให้ต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเราอยากทำอาชีพนี้จริงๆ หรือเปล่า เพราะเราต้องมอบเวลาส่วนหนึ่งไปกับการทำงานจนอาจทำให้ชีวิตบางส่วนของวัยรุ่นขาดหายไป” หมิงกล่าว
.
.
#careerfact #cariber
………………
Career Fact เพราะทุกอาชีพ... มีเรื่องราว
ติดตาม Career Fact ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/careerfact
เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละแวดวงได้ที่ https://www.cariber.co/ แพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความรู้และประสบการณ์จากผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญในทุกแวดวง ไร้ข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา
โฆษณา