14 พ.ค. 2021 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
"Mövenpick" แบรนด์ไอศกรีม และ เครือโรงแรม ตกลงมีเจ้าของเดียวกัน ?
เคยรู้สึกสับสนบ้างไหม เวลาที่เราเห็นเครือโรงแรมหรู ที่มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อว่า Mövenpick
แล้วเราก็อดนึกถึงแบรนด์ไอศกรีมพรีเมียม กลิ่นวานิลลาเข้มข้น ที่มีชื่อเดียวกัน อย่าง Mövenpick ไม่ได้
เรื่องนี้อาจทำให้บางคนเข้าใจว่า
ทั้ง 2 แบรนด์นี้ คือ แบรนด์เดียวกัน หรือมีเจ้าของเดียวกัน
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ทั้ง 2 แบรนด์ มีจุดเริ่มต้นมาจากผู้ก่อตั้งคนเดียวกัน
แต่ปัจจุบัน แต่ละแบรนด์ มีเจ้าของเป็นคนละคนกันแล้ว
1
โดยจุดเริ่มต้นของแบรนด์ไอศกรีมพรีเมียม Mövenpick
เกิดขึ้นมาจาก คุณ Ueli Prager นักธุรกิจชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่เดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบซูริก แล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะเปิดร้านอาหาร ที่มีบรรยากาศเรียบหรูและผ่อนคลาย เหมือนกับทะเลสาบซูริก
1
คุณ Ueli Prager ตัดสินใจเปิดร้านอาหารแบบ “Casual Dining” แห่งแรกในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1948 ในชื่อว่า “Mövenpick”
1
โดย Möwe ในภาษาเยอรมัน แปลว่า นกนางนวล
และ Pick แปลตรงตัวว่า การเลือกหยิบ
พอรวมกัน Möwe-pick หมายถึง การเลือกรับประทานอาหารแบบสบาย ๆ เหมือนกับเวลาที่นกนางนวลบินโฉบลงมาหยิบอาหาร แล้วบินกลับขึ้นไปทานบนท้องฟ้า
3
และด้วยอาหารที่มีคุณภาพกับราคาปานกลาง ที่จับต้องได้ของคนทั่วไป
ทำให้ร้านอาหาร “Mövenpick” ของคุณ Ueli เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
จนสามารถขยายร้านอาหาร ออกไปได้มากกว่า 8 สาขา ทั่วสวิตเซอร์แลนด์
พร้อมกับเริ่มขยายสาขา ไปที่สหรัฐอเมริกา
1
นอกจากเชนร้านอาหาร ที่กิจการกำลังไปได้ดีแล้ว
คุณ Ueli ยังได้เริ่มต้นทำกิจการร้านไวน์ อย่าง “Mövenpick Wein”
ร้านกาแฟ และกาแฟสำเร็จรูป อย่าง “Mövenpick Café”
ซึ่งวันหนึ่ง คุณ Ueli ต้องการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับร้านอาหารของเขา
จึงตัดสินใจทำ ไอศกรีมเข้มข้นสูง ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เพื่อเป็นเมนูของหวานปิดท้ายมื้ออาหาร ให้กับลูกค้าของเขา
1
และในปี ค.ศ. 1968 ก็เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ไอศกรีมพรีเมียม “Mövenpick Ice Cream”
1
โดยจุดเด่นของ “Mövenpick Ice Cream” จะอยู่ที่ไอศกรีมกลิ่นวานิลลา ซึ่งมีกลิ่น ความเข้มข้น และคุณภาพ ที่มาจากวัตถุดิบอย่างนมวัวฟาร์ม ที่คุณ Ueli เลี้ยงขึ้นมาเองอย่างเอาใจใส่
เมื่อธุรกิจร้านอาหารกำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัว
คุณ Ueli เลยตัดสินใจมองหาโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยการเปิดโรงแรม “Mövenpick”
ซึ่งเขามองว่า ตัวเองมีศักยภาพและความพร้อม ที่จะรุกธุรกิจนี้
ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คุณภาพอาหาร กาแฟ ขนมหวาน หรือแม้แต่คุณภาพการบริการของพนักงาน
1
เขาได้เริ่มต้นเปิดโรงแรม “Mövenpick Hotels & Resorts” ขึ้นมา 2 แห่ง ซึ่งอยู่หน้าสนามบิน Zurich International
อย่างไรก็ดี การลงทุนเปิดโรงแรมครั้งนี้
ถูกนักธุรกิจและนักลงทุนหลายคนในสมัยนั้น มองว่าเป็นเรื่องตลก
เพราะยังไม่เคยมีใครที่ไหน มาเปิดโรงแรมใกล้กับสนามบินมาก่อน
แต่คุณ Ueli กลับมองต่างออกไป
ซึ่งเขามองว่า การเปิดโรงแรม ก็เหมือนกับการเปิดร้านอาหาร ที่ลูกค้าต้องการอิสระ และความเป็นส่วนตัวในการทานอาหาร
บางทีแล้ว ผู้เข้าพักที่เป็นนักธุรกิจเอง ก็อาจต้องการสถานที่พักผ่อน ที่สะดวกต่อการเดินทาง
และห่างไกลจากตัวเมือง ซึ่งมีคนพลุกพล่าน
1
เรื่องนี้จึงทำให้ “Mövenpick Hotels & Resorts” กลายเป็นโรงแรมแห่งแรก ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่เริ่มเปิดให้บริการอยู่หน้าสนามบิน
1
หลังจากนั้น คุณ Ueli ก็ได้ขยายกิจการโรงแรม ออกไปสู่ประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศในแถบยุโรปตะวันออก, แถบตะวันออกกลาง รวมถึงภูมิภาคเอเชีย
ถึงแม้ว่า เรื่องราวต้นกำเนิด ไอศกรีมและโรงแรม “Mövenpick” ทั้ง 2 แบรนด์
จะมีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้ก่อตั้งคนเดียวกัน อย่างคุณ Ueli Prager
แต่ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ ก็ได้มาถึงจุดทางแยก
ด้วยการถูกซื้อกิจการ จาก 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก
อย่างบริษัท Nestlé เจ้าตลาดแห่งขนมและไอศกรีมทั่วโลก จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และบริษัท Accor เครือโรงแรมจากประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นเจ้าของโรงแรมมากกว่า 5,100 แห่งทั่วโลก
2
มาเริ่มกันที่ Mövenpick Ice Cream ที่ถูกซื้อโดย Nestlé กันก่อน
1
โดย Nestlé ในขณะนั้น กำลังเริ่มขยายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เข้าไปสู่ตลาดบนของขนมหวาน หรือ “Super Premium Brand”
จึงได้มีความสนใจเข้ามาลงทุนในแบรนด์ไอศกรีม ที่มีคุณภาพสูงอย่าง Mövenpick
3
สุดท้ายแล้ว Nestlé เลยตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ “Mövenpick Ice Cream” ในปี ค.ศ. 2003
และได้รีแบรนด์เป็น “Mövenpick Swiss Premium Ice Cream” ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้
(หมายเหตุ: Nestlé ไม่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตและจัดจำหน่ายไอศกรีม Mövenpick ในประเทศนิวซีแลนด์)
ต่อมาในปี ค.ศ. 2016 Nestlé ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ไอศกรีม Mövenpick
จึงได้ขยายความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไอศกรีมเจ้าใหญ่ จากสหราชอาณาจักร อย่างบริษัท “R&R Ice Cream” ในรูปแบบของกิจการร่วมค้า
และได้ก่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ขึ้นมา ในชื่อว่า “Froneri International Limited”
1
ซึ่งปัจจุบัน บริษัทร่วมค้า “Froneri” ไม่ได้มีเพียงแค่แบรนด์ไอศกรีม Mövenpick อย่างเดียว
แต่ Froneri ยังมีการร่วมผลิตและจัดจำหน่ายไอศกรีม ให้กับแบรนด์ชื่อดังอีกมากมาย
เช่น Häagen-Dazs, OREO, Daim, KitKat, Toblerone
ทีนี้ก็มาถึงคิวของเครือโรงแรม Mövenpick Hotels & Resorts กันบ้าง
โดย Accor ได้ทำการเข้าซื้อกิจการของ Mövenpick Hotels & Resorts ในปี ค.ศ. 2018
ด้วยมูลค่า 18,215 ล้านบาท
เพราะต้องการที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
พร้อมกับขยายกลุ่มลูกค้า มายังตะวันออกกลางและเอเชีย มากขึ้น
ทั้งนี้ Accor เป็นเครือโรงแรมสัญชาติฝรั่งเศส ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก
เปิดให้บริการมากถึง 110 ประเทศทั่วโลก
มีจำนวนโรงแรมมากกว่า 5,100 โรงแรม และมีจำนวนห้องพักให้บริการมากกว่า 700,000 ห้อง
ปัจจุบันเครือโรงแรม Mövenpick มีอยู่ 102 โรงแรมทั่วโลก
ซึ่งคิดเป็น 2% ของจำนวนโรงแรมทั้งหมดของ Accor
(จำนวนที่อ้างอิง นับรวมโรงแรมที่ได้รับสิทธิ์ในการบริหารเข้าไปด้วย)
1
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องราวของแบรนด์ “Mövenpick” ที่มีชื่อเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ มีเจ้าของต่างกัน นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า เครือโรงแรม Mövenpick Hotels & Resorts ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006
โดยเริ่มเปิดโรงแรมแห่งแรกของภูมิภาคเอเชีย ในชื่อว่า “Mövenpick Resort & Spa Karon Beach Phuket” ซึ่งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย นั่นเอง
1
และปัจจุบัน เครือโรงแรม Mövenpick Hotels & Resorts มีที่พักให้บริการในประเทศไทย ทั้งหมด 10 แห่ง ด้วยกัน
โฆษณา