14 พ.ค. 2021 เวลา 02:33 • ความคิดเห็น
บอกเล่าประสบการณ์ ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา "คนไม่น่าสงสาร" ขอเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคน
ภาพจาก www.pixabay.com
เวลาเห็นข่าวบริจาคเงินให้นร.ที่ขาดโอกาส เพราะไม่มีเงินเรียน ใจหนึ่งผมรู้สึกดีมากในความใจบุญและช่วยเหลือกันของคนไทย คือคนไทยไม่ทิ้งกันจริงๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ทำให้นึกถึงประสบการณ์ของตนเองในอดีต และอยากเล่าประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจกับคนอื่นๆที่อาจกำลังเจอปัญหาเช่นเดียวกับที่ผมเคยเจอ
ตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เกือบไม่ได้เรียนปริญญาตรี เพราะที่บ้านไม่มีเงิน
ตอนเข้าเรียนปี 1 เทอม 1 ที่บ้านหากู้เงินมาให้เรียน พอกำลังจะขึ้นเทอม 2 แม่โทรแจ้งว่า "ไม่มีเงินแล้ว ลาออกมาหางานทำเถอะ ไม่ต้องเรียนป.ตรี"
ต้องขอบคุณตนเองที่ตอนนั้นตัดสินใจ "ไม่ยอมแพ้ และต้องหาทางเรียนต่อจนจบให้ได้"
เมื่อเข้าไปเรียนเทอมแรก ผมยื่นกู้กยศ.ไม่ได้ ครับ เพราะทางคณะแจ้งว่าพ่อเป็นข้าราชการบำนาญ ควรเบิกได้ แต่พ่อผมบอกว่า พี่ 3คน เบิกแล้ว ผมจึงหมดโควตาตรงนี้ โดยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว พบว่า ทางกรมบัญชีกลางระบุเอาไว้ สิทธิเบิกของข้าราชการสำหรับบุตร คือ ไม่เกิน 3 คน จริงๆ
แม้แต่ "บัตรทอง"ในการใช้สิทธิรักษาพยาบาล ในตอนนั้นยื่นผ่านคณะ ผมก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกับข้างบน ผมจึงปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ก็ไม่ได้ คือยังเด็กด้วยแหล่ะ ไม่ได้ไปหาข้อมูลอะไรต่อ พอโตมาทำงาน ใช้สิทธิประกันสังคมแทน
ต่อมาผมจึงยื่นขอทุนทำงานของคณะ และนั่นแหล่ะครับ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ตอนสัมภาษณ์ทุน อ.ผู้เป็นกรรมการสัมภาษณ์แจ้งว่า
"มีคนน่าสงสารมากกว่าผม เขาร้องไห้หนักตอนสัมภาษณ์ ดังนั้นเขาจึงได้ทุน"
ยอมรับว่าอึ้งนะ นี่เรามันคงเป็น "คนไม่น่าสงสาร" สินะ (ถ้า ณ moment นั้น มีเพลง คนไม่น่าสงสาร ของแอน ธิติมา แล้วนะ คงเปิดกรอกหูไปหลายวัน :-P )
1
พอรู้ตัวว่าคงไม่มีเงินเรียนแน่ๆ เดินไปหาอาจารย์ในสาขา ทางสาขาก็เลยหาทุนมา support บางส่วน จำได้ว่า ราว 10,000 ต่อปี ก็พอค่าเทอมแต่ไม่ครบทั้งปี ดังนั้นก็ยังต้องหาเงินเพิ่มเพื่อเป็นค่าเทอมเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าหอพัก หาเงินช่วยเหลือทางบ้าน (ส่วนหนึ่งคือใช้หนี้ที่ทางบ้านกู้มาส่งผมเรียนเทอมแรก) และค่าจิปาถะอื่นๆ (ยอมรับว่าก็มีปาร์ตี้บ้างตามเด็กเกือบใจแตก ก็เลยต้องพึ่งลำแข้งตนเอง )
ผมหางานทำแทบทุกอย่างที่ทำได้ ควบคู่กับการเรียน ทั้งรับจ้างพิมพ์งาน รับเขียนโปรแกรม รับทำเว็บไซต์ เขียนบทความ เขียนหนังสือ หลายๆงานคือไม่เคยทำมาก่อน แต่อาศัยความหน้าด้าน ไปของานเขาเลย อย่างงานเขียนบทความ ผมของานจากหลายๆเว็บ หลายๆสำนักพิมพ์ทั้งในเชียงใหม่และกทม. โชคดีมากได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่าน ให้ได้ลองทำ ลองฝึก จนรายได้จากหลักพัน เพิ่มเป็นหลักหมื่น จนเรียนจบป.ตรีได้
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ผมรักการเขียนบทความและการสอนหนังสือ เพราะต้องการแบ่งปันโอกาสแก่คนรุ่นใหม่ หลังจากที่ผมเคยได้รับมันมาในอดีต
วันนี้ผมยังไม่กล้าพูดให้ครอื่นฟังหรอกว่าผมประสบความสำเร็จในชีวิต ดพราะคำว่าสำเร็จในแต่ละคน ตีความไม่เหมือนกัน แต่สำหรับตัวผมเอง การก้าวพ้นจากเหตุการณ์ไม่มีเงินเรียน ใช้หนี้ให้พ่อแม่ได้ มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองมีความสุขจริงๆ อย่างการเขียนบทความ การเป็นอาจารย์แบ่งปันความรู้ ผมว่าผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งตามแบบของผมแล้วล่ะ
ผมเชื่อนะว่า ถ้าเรามุ่งมั่น เราไม่ยอมแพ้ สุดท้ายมันจะมีทางให้เราไปต่อ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
และขอบคุณตัวผมเองและคนที่หยิบยื่นการเป็น "คนไม่น่าสงสาร" ในวันนั้น ให้กับผม
ขอบคุณครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา