14 พ.ค. 2021 เวลา 06:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์สามเคลื่อน: แผนพลังงานสะอาดของจีน
Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร
6
จีนประกาศจะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนให้ได้ในปี ค.ศ.2060 นี่เป็นเพียงฝันหวานหรือมียุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ รองรับ?
3
ใครๆ ก็พูดได้ว่าอยากเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด แต่ความเป็นจริงไม่ง่ายนะครับ ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องต้นทุน อย่างในอุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์ของจีน เคยมีคนคำนวณว่าถ้าเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดในการผลิต จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นถึง 130% ทีเดียวครับ
3
ดังนั้น จะเปลี่ยนฝันหวานเป็นยุทธศาสตร์ หัวใจก็คือต้องแก้โจทย์เรื่องต้นทุน
จะลดต้นทุน หนทางเดียวคือต้องเพิ่ม “สเกล” การผลิต เพราะยิ่งผลิตได้ปริมาณมาก ต้นทุนต่อหน่วยก็จะลดลง
2
แต่จะขยายกำลังการผลิตได้ ก็ต้องขยายช่องทางการขนส่งและขยายตลาดผู้ใช้พลังงานสะอาด ถ้าผลิตมาก แต่ไม่สามารถขนส่งไปสนองตลาดได้ เพราะต้นทุนขนส่งสูง ก็ไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีตลาดคนใช้พลังงานสะอาด ใครจะไปกล้าลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต
เช่นนี้แล้ว สามปัจจัยนี้จึงต้องเคลื่อนไปพร้อมกัน มีนักวิชาการด้านพลังงานของจีนเรียกว่าเป็น “ยุทธศาสตร์สามเคลื่อน” คือต้องขับเคลื่อนทั้ง ด้านขยายกำลังการผลิต ด้านขยายการขนส่ง และด้านขยายตลาด
1
ความสำเร็จในอดีตของสหรัฐฯ ที่เคยขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ก็ด้วยการขับเคลื่อนสามอย่างนี้พร้อมกัน
สมัยนั้นในด้านการผลิต มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งอย่าง ร็อกกี้เฟลเลอร์ ได้ตั้งบริษัทสแตนดาร์ดออยล์ ครองส่วนแบ่งการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ถึง 95%
2
ส่วนด้านการขนส่ง ร็อกกี้เฟลเลอร์ ได้สร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านตลาด ก็โชคดีมีเฮนรี่ ฟอร์ด ปฏิวัติสายพานการผลิตรถยนต์ให้ทันสมัย ส่งผลให้รถยนต์กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนสหรัฐฯ ทำให้เกิดความต้องการน้ำมันปริมาณมหาศาล
1
เมื่อใช้สามปัจจัยนี้มาวิเคราะห์ก้าวเดินของจีนในด้านพลังงานสะอาด เราจะเห็นชัดว่าจีนกำลังสร้าง “ยุทธศาสตร์สามเคลื่อน” เพื่อขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในอนาคต
และนี่ไม่ใช่แผนที่เพิ่งคิดวันนี้ แต่เป็นแผนที่เริ่มตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว
2
ด้านการผลิต ย้อนไปสิบปีที่แล้ว ในปี ค.ศ.2009 รัฐบาลจีนเริ่มสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐและทุ่มเงินทุนอุดหนุนมหาศาล
1
ในปี ค.ศ.2015 เครื่องผลิตแผงโซลาร์ในจีนมีจำนวนแซงหน้าเยอรมนี ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก
การอุดหนุนอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของรัฐบาลจีนเป็นประเด็นที่โต้เถียงกันมากในวงนโยบายเศรษฐกิจ เพราะมีทั้งภาพความสำเร็จและความล้มเหลว มีการผลาญเงินไปมหาศาลกับโครงการที่พังเละและลงทุนผิดที่ผิดทาง รวมทั้งปัญหาคอร์รัปชัน
2
แต่ภายใต้เม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มไป ก็ทำให้เกิดกระบวนการลองผิดลองถูก ส่งผลให้จีนขึ้นเป็นผู้นำโลกในด้านการผลิตโซลาร์เซลล์ และภายในเวลา 10 ปี ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนลดลงถึง 89%
ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคเป็นเรื่องใหญ่ในจีนมาตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องแสงอาทิตย์ครับ
พื้นที่ที่แสงอาทิตย์ดีเยี่ยมเหมาะกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์คือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะซินเจียงและกานซู่ แต่ภูมิภาคที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงกลับเป็นพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
ปัญหาจึงเปลี่ยนมาที่ด้านการขนส่ง โจทย์คือจะส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาดในพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่งได้อย่างไร การขนส่งแต่เดิมต้นทุนสูงมาก หากลดต้นทุนตรงส่วนนี้ไม่ได้ ก็จะกระทบกับการขยายกำลังการผลิตพลังงานสะอาด
3
การลดต้นทุนการขนส่งต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีเคเบิลไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ
(Ultra high voltage cable) โดยปกติเคเบิลไฟฟ้าแรงดันสูง (High voltage cable) มาตรฐานจะอยู่ที่ 220 กิโลโวลต์ แต่เคเบิลไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษจะรับได้สูงถึง 800-1,000 กิโลโวลต์ ยิ่งกิโลโวลต์สูง ก็จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
2
ในอดีต แต่ละพื้นที่ของจีนจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน และมีการขนส่งถ่านหินไปที่โรงไฟฟ้าสำหรับผลิตป้อนพื้นที่นั้น ผลคือประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ในด้านการขนส่งถ่านหินก็ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย
แต่การขนส่งด้วยเคเบิลไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ ทำให้สามารถขนส่งไฟฟ้าไปทั่วประเทศได้ โดยสามารถผลิตไฟที่พื้นที่หนึ่งด้วยพลังงานสะอาดและส่งไปที่พื้นที่อื่นที่มีการใช้ไฟสูงได้
1
ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 จีนได้ลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีเคเบิลไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ สามารถขนส่งไฟฟ้าระยะทางไกล 5,000 กิโลเมตร ในระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา มีการคำนวณว่ารัฐบาลจีนทุ่มทุนรวมกันกับเรื่องนี้ถึง 6 ล้านล้านหยวน เทียบได้เป็นเม็ดเงินสามเท่าของที่ใช้ก่อสร้างเขื่อนสามผา ซึ่งเป็นเขื่อนยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดของจีน
2
ด้านสุดท้ายคือ การขยายตลาด สมัยที่สหรัฐฯ ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านน้ำมัน ฝั่งตลาดก็คือ รถยนต์ ในยุคที่จีนหวังจะเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานสะอาด ฝั่งตลาดก็คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
3
อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 จนปัจจุบัน จีนได้ทุ่มเงินให้กับอุตสาหกรรมนี้มากกว่า 3 ล้านล้านหยวน ปัจจุบันจีนเป็นตลาดรถยนต์พลังงานสะอาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
3
ที่สำคัญ รถยนต์พลังงานสะอาดไม่เพียงตอบโจทย์ด้านการขยายดีมานด์การใช้พลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อีกด้วย
2
สาเหตุเพราะพลังงานแสงอาทิตย์ มีข้อด้อยที่สำคัญคือ ขาดความเสถียร เพราะผลิตไฟได้เฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องเก็บพลังงานที่ผลิตได้จากแสงอาทิตย์ตอนกลางวันไว้ในแบตเตอรี่ ปัจจุบัน ต้นทุนการเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ ส่งผลให้ต้นทุนไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สูงกว่าไฟฟ้าจากถ่านหินกว่าเท่าตัว
6
การขยายตลาดรถยนต์พลังงานสะอาด จะมีผลให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ ช่วยกดราคาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ให้ต่ำลง มีการคำนวณว่าหากปริมาณการผลิตแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบัน จะสามารถกดให้ต้นทุนลดลงได้ 28% และทำให้ภายในเวลา 7 ปี ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะเท่ากับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในปัจจุบัน
3
ยุทธศาสตร์พลังงานสะอาดของจีนสะท้อนวิธีคิดพื้นฐานสองอย่างของจีน
 
วิธีคิดแรกก็คือการให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ หรือถ้าใช้ศัพท์ฝรั่งก็คือมองทะลุ Ecosystem ดังเช่นในเรื่องพลังงานสะอาด ต้องมองให้ครบทั้งวงจรการผลิต การขนส่ง การบริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
2
อีกวิธีคิดที่โดดเด่นคือ การใช้ความได้เปรียบของจีนในเรื่อง “สเกล” หรือขนาดตลาดมหึมา นี่เป็นสาเหตุที่จีนประกาศเน้นหมุนเวียนเศรษฐกิจภายใน ใช้ประโยชน์จากตลาดภายในขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้จีนได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตมากที่สุดในโลก
5
แม้ว่า ณ วันนี้ สัดส่วนไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีนยังสูงถึง 60% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด (ตัวเลขนี้ในสหรัฐฯ อยู่ที่เพียง 26.2%) ดูเหมือนในระยะสั้น จีนยังมีการขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินและหลายฝ่ายยังกังวลว่ากลุ่มผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมพลังงานเดิมยังแข็งแกร่ง
1
ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดของจีน เส้นทางจึงยาวไกลและยังเต็มไปด้วยความท้าทาย
2
แต่หนทางของจีนชัดเจนมาก ในระยะยาว ต้องกดต้นทุนพลังงานสะอาดลงให้มากที่สุด ถึงตอนนั้นกลุ่มผลประโยชน์และธุรกิจก็จะหันทิศเอง เพราะพลังงานสะอาดต้นทุนถูกกว่า ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่าการผลิตพลังงานแบบดั้งเดิม
โฆษณา