ดังนั้น ถ้ายังอยากได้ออร์เดอร์มาต่อลมหายใจ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ไม่มีทางเลือก
นอกจากยอมจ่าย GP และได้แต่ฝากความหวังว่า บรรดาแอปส่งอาหารที่เรียกเก็บค่า GP
จะยอมลดค่า GP ลง เพื่อกอดคอกันผ่านช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปให้ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ถ้าจะโทษแอปส่งอาหารฝ่ายเดียว ก็ดูจะใจร้ายเกินไป
เพราะธุรกิจเหล่านี้ ดูผิวเผิน อาจไม่ต่างจาก “เสือนอนกิน” ที่ลงทุนสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา
เพื่อเป็น “ตัวกลาง” ให้ลูกค้า ร้านอาหาร และคนขับส่งอาหาร มาเจอกันก็จริง
แต่อย่าลืมว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็มีต้นทุนที่ต้องแบก
ตั้งแต่ ค่าพัฒนาแพลตฟอร์ม, ค่าพนักงาน, ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายให้กับไรเดอร์ หรือคนขับที่คอยจัดส่งอาหาร, ค่าการตลาด เพื่อโปรโมตให้ผู้ใช้รู้จัก
แถมยังต้องขยันอัดโปรโมชัน ยอมควักเนื้อ จัดโปรค่าส่งฟรี หรือ คิดค่าส่งในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง เพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้บริการ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมธุรกิจเหล่านี้ ยอดผู้ใช้งานโตระเบิดก็จริง แต่ยังไม่มีเจ้าไหน ที่สามารถทำกำไรได้
ถ้าไปลองดูผลประกอบการในปี 2562 ของแอปส่งอาหาร ในบ้านเรา จะพบว่า