19 พ.ค. 2021 เวลา 04:09 • นิยาย เรื่องสั้น
เมื่อ 3 พ่อค้ามาเจอกัน เรื่องมัน มัน
จึงเกิดขึ้น
เตียวหุยขายหมู กวนอูขายถั่วเขียวชั้นดี
เล่าปี่ทอเสื่อขาย
ก็ไม่รู้ซินะว่าอะไรเข้าไปดนจิตดนใจให้อาจารย์ ล่อกวน ตง เขียนพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กออกมาได้สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจดีเหลื๊อเกิน
นับถือๆ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบวรรณกรรมเรื่องสามก๊กมาก
ไม่ว่าจะถูกนำมาทำเป็นหนัง สร้างเป็นละคร
หลายเวอร์ชั่นดูกี่ทีก็ยังสนุก
ทั้งๆ ที่ก็รู้แหละว่าตาอินกับตานาได้แค่หัวกับหางปลาไปครอง
สุดท้ายตาอยู่เป็นใคร มาจากไหนก็ไม่รู้
คว้าเอาปลาทั้งตัวไปกินเฉยเลย
เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลกว่า 3 ใน 4 ส่วน
จะอีนุงตุงนังเกี่ยวพันอยู่กับชายสามท่านนี้
ขอพูดถึงตอนที่ผมชอบมากเป็นตอนเปิดตัว
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เมื่อสามชายมาเจอกัน
แล้วสาบานเป็นพี่น้องที่สวนท้อหลังบ้านเตียวหุย
เล่าปี่ สมยาพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้
พื้นเพเป็นคนบ้านเล่าสองฉุน เมื่อครั้งยังเล็กชีวิตลำบากยากจน ยึดอาชีพ ทอเสื่อขายเลี้ยงชีพ
แม้ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือแต่มีสติปัญญาดี
เฉลียวฉลาด สงสัยเล่าปี่จะชอบเรียนเพลงกระบี่มากกว่า
อายุได้ 25 ปี
เมื่อสำเร็จวรยุทธขั้นเทพ จนอาจารย์เต้เหี้ยน(คนละคนกับเหี้ยนเต้)ไม่มีอะไรจะสอนเล่าปี่จึงออกท่องเที่ยวไปในยุทธภพแต่ก็ยังยึดอาชีพทอเสื่อขาย
อันที่จริงฝีมือระดับเล่าปี่เขาน่าจะไปเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย หรือรับจ้างทวงหนี้ก็ได้
ไม่น่ามาเดินสายขายเสื่อผืนหมอนใบให้เมื่อยน่อง
กวนอู
จอมยุทธผู้กล้าจากดินแดนฮอตั๋งไกเหลียง
วันหนึ่งเผลอไปนวดก้านคอพ่อค้าหน้าเลือด
ด้วยสันแข้งแรงไปหน่อยปรากฎว่า
คอหักตายคาที่ เลยต้องคดี หนีหัวซุกหัวซุน
ยึดอาชีพขายถั่วเขียวออแกนิคเลี้ยงปากท้อง
บังเอิญเดินทางมาพบกับเล่าปี่และเตียวหุยโดยมิได้นัดหมาย
เตียวหุย
พ่อค้าขายหมู ขายสุรา ชาวเมืองตุ้นก้วน พูดจาเสียงดัง ฐานะจัดว่าร่ำรวย
นิสัยรักพวกพ้อง ชอบคบหาผู้มีสติปัญญา อุดมการณ์แรงกล้า อยากช่วยบ้านเมืองปราบโจรผู้ร้าย
เมื่อคราวที่บ้านเมืองเกิดโจรโพกผ้าเหลืองออกอาละวาดปล้นค่ายตามหัวเมืองน้อยใหญ่เพื่อหวังจะยึดอำนาจพระเจ้าเลนเต้ นั้น
(อ่านปฐมบทที่มาของโจรโพกผ้าเหลืองได้ที่)
เล่าปี่ยืนดูพ่อค้าขายหมูกับพ่อค้าถั่วเขียว
ตีกันโดยที่ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร
ในใจแอบคิดฝันหวานไปไกลว่า
'สองคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา จัดว่าเป็นยอดจอมยุทธ
แห่งยุคสมัยไร้เทียมทานด้วยกันทั้งคู่ คงไม่ใช่แค่พ่อค้าขายหมู พ่อค้าขายถั่วกระจอกๆ
ถ้าได้ทั้งสองมาร่วมงาน การใหญ่ที่คิดไว้
ต้องสำเร็จได้เป็นแน่'
ยิ้มน้อยๆที่มุมปาก พร้อมกับหัวเราะในลำคอ หึ! หึ!
เมื่อคิดได้ดังนั้น
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต เล่าปี่จึง
ใช้วรยุทธขั้นเทพตีลังกาสามตลบ เข้าไปห้าม
'ศึกวันรวมญาติ'
ทำเอากวนอูกับเตียวหุยถึงกับยืนงงในดงทีน
ว่าหมอนี่มันเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงได้มี
วรยุทธล้ำเลิศปานฉะนี้
1
สามารถรับได้ทั้งเพลงหมัดพลังหมูขุนของเตียวหุย
และพลังฝ่ามือถั่วเขียวออแกนิคของกวนอู
ได้สบายๆ
เมื่อต่างฝ่าย ต่างได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน
พูดจาปราศัยถูกคอกัน รู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีอุดมการณ์อยากช่วยเหลือบ้านเมืองปราบโจรผู้ร้ายเหมือนกัน
จึงตกลงปลงใจกรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องที่สวนท้อหลังบ้านเตียวหุย
(เวอร์ชั่นละครทีวี ปี1994, ในหนังสือบอกแค่นั่งคุยกันเฉยๆ ไม่มีต่อยตี)
เล่าปี่อายุมากสุดที่ประชุมยกให้เป็นพี่ใหญ่
กวนอูเป็นพี่รอง
เตียวหุยน้องเล็ก
เมื่อรวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นกองทหารอาสาได้พอประมาณ โดยมีน้องเล็กเตียวหุยเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการภายใต้สโลแกน
'มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน'
จากนั้นพลพรรคของเล่าปี่ก็ได้ช่วยราชการบ้านเมือง ปราบโจรโพกผ้าเหลืองตามราชโองการขององค์ฮ่องเต้ได้สำเร็จ
สร้างความชอบได้พอประมาณ
แรกๆ เล่าปี่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นขุนนาง
เพราะไม่มีเส้นสาย
ด้วยอาศัยขุนนางน้ำดีชื่อเตียวกิ๋นช่วยทูลความชอบ
ขอปูนบำเหน็จรางวัลให้ จึงได้รับการแต่งตั้งให้ไป
เป็นเจ้าเมืองเล็กๆที่ อันห้อก้วน
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องราวสามก๊กในตอนนี้
1) นกไม่มีขน คนไม่มีปีก ขออภัย
นกไม่มีขนคนไม่มีเพื่อนบินขึ้นที่สูงไม่ได้
ทำงานใหญ่สายสัมพันธ์ต้องดี เพราะงานบางอย่าง
ทำคนเดียวไม่ไหวครับ หนัก และเหนื่อยเกินไป
ดีไม่ดีอาจตายก่อน เช่น มีคำสั่งซื้อเสื่อ 100 ผืนให้เล่าปี่เอาไปส่งภายใน 1 เดือน
ต่อให้เล่าปี่ทำทั้งวันทั้งคืนไม่หลับไม่นอนก็ทำไม้ได้
2) เป้าหมายมีไว้พุ่งชน,กระทิงแดง
คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง เป้าหมายต้องชัดเจน
เริ่มจากก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวสำคัญ ค่อยเป็น
ค่อยไป
งานบางอย่างไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยลงมือทำ
เราสามารถทำทั้งๆ ที่มันยังไม่พร้อมนี่แหละ เพราะถ้าต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม ชาตินี้คงไม่ต้องทำมาหารับประทานอะไร
4) เรือเล็กควรออกจากฝั่ง,บอดี้แสลม
คนที่มีความรู้ความสามาถอยู่ที่ไหนก็ได้ หากอยู่ในที่ที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่รู้สึกเบื่อหน่าย อึดอัด
ก็ลองออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ออกไปสำรวจโลกภายนอก ไปลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำ
ไม่แน่ท่านอาจได้ไอเดียดีดี มาพัฒนาชีวิต
ให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
5) ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน,ขงเบ้ง
ที่บ้านของเล่าปี่มีต้นหม่อนอยู่ต้นหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหมือนฉัตร รถทรงของ องค์ฮ่องเต้ จึงทำนายว่าโตไปจะไม่โกง
ขออภัยโตไปเล่าปี่จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
(ต้นหม่อนถ้าเราแต่งกิ่งก้านดีดีปลูกที่ไหนก็มีรูปร่าง
คล้ายฉัตร)
ท่าทางเล่าปี่จะอินกับเรื่องนี้มาก
ถึงกับเคยพูดคุยกับเพื่อนๆ ละแวกนั้นว่าจะถ้าได้เป็นใหญ่จริงดังว่าจะตัดเอาต้นหม่อนไปทำฉัตร
(เมื่อครั้งได้เมืองเสฉวนมาครองก็ไม่เห็นมีกล่าวไว้ว่าพระเจ้าเล่าปี่ได้กลับไปตัดเอาต้นหม่อนต้นนั้น
มาทำฉัตร สงสัยลืมไปแล้ว)
ด้วยความมุมาะนะของเล่าปี่สุดท้ายได้เป็นใหญ่
จริงสมดังใจ และต้องตามคำทำนายของหมอดู
หากมองในมุมกลับ
ถ้าเล่าปี่เชื่อตามคำทำนายของหมอดูไม่สนใจการเรียน ไม่มีความพากเพียรมากพอที่จะสานฝันให้สำเร็จดังใจหวัง
นั่งๆ นอนๆ ทอเสื่อขายไปวันๆ ความฝันก็คงเป็นได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ไม่มีวันเป็นจริง
หมอดูก็คงเป็นไม่ต่างอะไรกับหมอเดา
(แต่หมอดูคนนี้แม่นมาก)
😁
อ้างอิง
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน)
เครดิตภาพ
เกษตรเอส'Society
"อยากเห็นคนในสังคมนี้ 
มีรอยยิ้มและความสุข"
หากชอบช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานด้วยนะครับ หรือจะเข้ามาเขียนคอมเม้นต์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ยินดีครับ
ติดตามอ่านบทความได้ที่
😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา