Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูก่อนนอน
•
ติดตาม
21 พ.ค. 2021 เวลา 15:06 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน ลูกคนที่สี่
ครอบครัวของฉันย้ายเข้ามาในบ้านหลังใหม่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นบ้านสไตล์สวนที่สวยมาก เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นพื้นที่ชนบทนอกตัวเมือง แต่ตอนนี้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่มากขึ้น จนตอนนี้กลายเป็นย่านชานเมืองที่กว้างขวางมากขึ้น
เป็นเวลาประมาณ 9 เดือนแล้วที่พ่อของเราเสียไป แม่อยากให้เราย้ายออกจากบ้านหลังเก่า แม่ทำใจไม่ได้เพราะบ้านหลังเก่ามีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อเยอะเกินไป เธอต้องการให้เรามีบ้านที่เย็นสบายและกว้าง เพื่อเอาไว้วิ่งเล่นและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้บ้านหลังนี้ในราคาที่เหมาะสม เพราะเจ้าของเดิมคือหญิงชราคนที่ล่วงลับไปแล้วและครอบครัวของพวกเขาต้องการที่จะขายบ้านหลังนี้มากๆอยู่แล้ว เจ้าของเดิมจากไปอย่างสงบในระหว่างนอนหลับ เรื่องนี้ทำให้เราอึดอัดเล็กน้อยเลยไม่มีเข้าไปอยู่ในห้องนอนของเธอเลย เราทำให้ห้องนั้นเป็นห้องพักเวลาที่มีแขกมาเยี่ยม
เรามีเพื่อนบ้านที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งชื่อ ลีอาห์ เธออยู่บ้านข้างๆเรา (ห่างออกไปประมาณครึ่งไมล์) เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอต้อนรับพวกเราอย่างดี เจ้าของบ้านเดิมเป็นเพื่อนเก่าของเธอ และไม่ช้าแม่ของฉันก็รับหน้าที่เป็นเพื่อนใหม่ของเธอ พวกเขากลายเป็นเพื่อนซี้กันทันที โดยมักจะหัวเราะคิกคักกันในครัวของเราทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
ลีอาห์ชอบเล่าเรื่องวูดูให้เราฟัง และเธอก็เป็นคนที่อยู่ในลัทธิวูดูอีกด้วย ซึ่งเมืองนี้มีคนที่ศรัทธาเรื่องวูดูแบบเธออีกเยอะพอสมควร เธอมีเครื่องรางนำโชคและป้องกันภัยมากมาย เธอบอกฉันว่าคุณสามารถพูดคุยกับวิญญาณได้ถ้าคุณเขียนจดหมายและวางไว้ในที่ที่คิดว่าพวกเขาจะหาเจอ
ฉันมักจะเห็นเธอตอนดึกๆที่หน้าบ้าน ทุกครั้งที่เห็น เธอจะมายืนตรงกล่องจดหมาย (ฉันเห็นเธอจากหน้าต่างในห้องของฉัน) พอถึงตอนเช้า จดหมายจะหายไปหมดเลย เย็นวันนึง ฉันเห็นเธอใส่อะไรสักอย่างไปในกล่องจดหมาย และทันทีที่เธอเดินกลับออกไปไกลพอ ฉันก็วิ่งออกไปดูว่าเธอใส่อะไรในกล่องจดหมายของเรา แล้วฉันก็เจอซองจดหมายเล็ก ๆ สีเงินที่เขียนถึงแม็กกี้ ซึ่งแม็กกี้คือชื่อเจ้าของบ้านคนก่อน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังทดสอบสิ่งที่เธอเคยพูด ว่าจะสามารถคุยกับวิญญาณได้ ถ้าหากวางจดหมายไว้ในที่ที่วิญญาณสามารถหาเจอได้ ฉันยืนอยู่ที่กล่องจดหมายนั้นและเฝ้ามองมันอยู่สองสามชั่วโมง ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้า ฉันลองเปิดกล่องจดหมายดู
จดหมายซองสีเงินมันหายไปแล้ว
ยอมรับเลยว่าตอนแรกฉันไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังเลย แต่เหตุการณ์ตอนนั้น มันทำให้ฉันเชื่อเรื่องนี้ขึ้นบ้างแล้ว ถ้าลีอาห์คุยกับแม็กกี้ได้ ฉันก็อาจจะคุยกับพ่อได้! ฉันเก็บกล่องใส่ของไว้ใต้เตียงของตัวเอง ภายกล่องในเต็มไปด้วยเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ และรูปภาพที่ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ ฉันเปิดมันดูทุกครั้งตอนที่ฉันคิดถึงพ่อ มันช่วยเยี่ยวความรู้สึกฉันได้
ไม่กี่คืนหลังจากที่ฉันพยายามหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับจดหมายของลีอาห์ มันหายไปได้ยังไง ฉันตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกได้คือ ต้องลองทำในแบบเดียวกับลีอาห์ ฉันเขียนจดหมายถึงพ่อ ซึ่งในตอนแรกฉันรู้สึกว่า นี่ฉันทำอะไรอยู่! มันจะได้ผลจริงๆเหรอ! นี่คือข้อความที่ฉันไว้ในจดหมาย:
“ ถึงพ่อ
หนูคิดถึงพ่อ! ที่ที่พ่ออยู่เป็นยังไงบ้าง? แม่ซื้อบ้านหลังนี้ให้เราและเรามีเพื่อนบ้านที่ไม่เลวเลยชื่อลีอาห์ เราทุกคนชอบที่นี่มาก เมื่อก่อนในทุกเช้า หนูต้องทนฟังเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆของพ่อในห้องน้ำ ตอนนั้นหนูยอมรับว่าหนูอารมณ์เสียมากเวลาได้ยิน แต่ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าเสียงของพ่อมันตลกและมีเสน่ห์มากแค่ไหน
รักพ่อเสมอ
จูเลีย”
ฉันวางจดหมายไว้ในกล่องใส่ของของฉัน แล้วก็สอดกลับเข้าไปที่ใต้เตียง พอฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จดหมายมันหายไป ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับจดหมาย พ่อได้รับจดหมายจริงๆเหรอ? แล้วเขาจะเขียนตอบกลับมาได้รึเปล่า?
วันนั้นฉันต้องไปโรงเรียน ฉันได้แต่เก็บความตื่นเต้นในการเขียนจดหมายของฉันไว้ พอเลิกเรียนฉันรีบกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด พอถึงบ้านก็พุ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม แต่พี่ชายของฉันกำลังร้องเพลงดังลั่นในห้องน้ำซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน แต่ฉันคิดว่าเขากำลังพยายามทำในแบบเดียวกับพ่อของเรา เราทุกคนคิดถึงพ่อมาก
ฉันเคาะประตู "เร็วๆหน่อย! ฉันปวดฉี่!"
เขายังคงร้องเพลงโดยไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูดเลยแม้แต่น้อย
“เจย์ นายจะอาบน้ำอีกนานไหม?”
เขายังคงร้องเพลงต่อไป แต่แล้วก็มีคนมาแตะที่ไหล่ของฉัน พอฉันหันไปมองก็ถึงกับตกใจ เขาคือเจย์พี่ชายของฉัน เจย์พูดกับฉันว่า“ ใจเย็น ๆ จูเลีย ฉันไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ ประตูล็อคอยู่เหรอ? งั้นเดี๋ยวฉันเปิดให้” ฉันได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ ถ้าไม่ใช่เขา แล้วใครกันล่ะที่อยู่ในห้องน้ำ!
เจย์เปิดประตูอย่างสบายใจ ภายในห้องน้ำก็ว่างเปล่า ไม่มีการร้องเพลง ฝักบัวไม่ไหล แต่อ่างเปียก ฉันเดินเข้าไปและสังเกตเห็นว่ากระจกมีหมอกเล็กน้อยราวกับว่ามันมาจากไอน้ำของฝักบัว มีข้อความที่กระจกเขียนไว้ว่า "ลูกคิดถึงพ่อเหรอ เสียงพ่อแย่ไหม"
ฉันดีใจสุด ๆ ที่รู้ว่าพ่อกำลังคุยกับฉัน ในคืนนั้นฉันเขียนจดหมายไปอีกฉบับนึง ฉันเขียนไปว่า “ฮ่าฮ่า หนูคิดถึงพ่อมากกว่าที่พ่อจะจินตนาการได้เลยล่ะ! บอกหนูทีสิว่าที่ที่พ่ออยู่เป็นยังไงบ้าง”
เช้าวันนั้นฉันตื่นขึ้นมา จดหมายในกล่องใส่ของหายไป แต่ฉันสังเกตเห็นจดหมายฉบับนึงที่อยู่ใต้ประตู ดูเหมือนว่ามีใครบางคนสอดมันเข้ามาใต้ประตูของฉัน ฉันเปิดมันขึ้นมาดู มันเขียนไว้ว่า “ลูกอยากได้อะไรจากพ่อมากที่สุด?” ฉันแปลกใจกับสิ่งที่พ่อเขียนตอบกลับมา ฉันตัดสินใจเขียนจดไปอีกรอบและรีบไปโรงเรียน ฉันเขียนไปว่า:
“หนูคิดว่าสิ่งที่หนูต้องการมากที่สุด คือให้พ่อกลับมาเล่นกับหนูเหมือนเมื่อก่อน แต่หนูคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้”
พอฉันกลับจากโรงเรียนฉันก็ตรงไปที่ห้อง เพื่อดูจดหมาย ตอนที่ฉันเปิดประตูห้องเข้าไป ฉันเห็นบ้านตุ๊กตาของฉันวางอยู่ตรงพื้นห้อง ซึ่งจริงๆเราเก็บมันไว้ในห้องใต้หลังคาไปแล้ว แม่ของฉันทำงานทั้งวัน พี่ชายของฉันก็กำลังซ้อมว่ายน้ำอยู่ ส่วนพี่สาวของฉันไปห้างกับเพื่อนของเธอ คงไม่มีใครเอามันลงมาไว้ที่ห้องฉันแน่ๆ… แต่อาจจะเป็นพ่อของฉันก็ได้ที่เอามันลงมาไว้ ฉันเห็นจดหมายฉบับนึงวางไว้ข้างๆบ้านตุ๊กตา มันเขียนว่า “มาเล่นกันสิ”
ฉันตัวแข็งทื่อในทันที ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรืออะไรเลย แต่ฉันกลับรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ ฉันตัดสินใจเดินไปที่บ้านของลีอาห์ เห็นเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียงหน้าบ้านโดยมีเจ้าแมวรูฟัสอยู่บนตักของเธอ ฉันบอกเธอว่าฉันรู้เรื่องจดหมายที่เธอเขียนถึงแม็กกี้แล้ว “อ่าใช่ ที่รัก” เธอพูด “แม้ว่าเธอจะตายไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่หยุดคุยกับแม็กกี้เลย เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันและฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหนและรูฟัสก็คิดถึงปลาทูน่าตัวน้อยที่เธอชอบให้มัน ด้วย ฉันเขียนจดหมายคุยกับเธอเกือบทุกวัน” แล้วเธอก็ถามฉันว่า ฉันคิดจะเขียนจดหมายถึงคนตายหรือบ้างรึเปล่า?
ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันไม่อยากที่จะบอกลีอาห์เลย ว่าฉันเขียนจดหมายถึงพ่อของฉันอยู่ตอนนี้ ฉันบอกเธอกลับไปว่า “หนูก็อยากจะลองทำดูบางเหมือนกัน” เธอหัวเราะ “ตกลงที่รัก หนูจะต้องบอกให้เรารู้ด้วยนะ ว่ามันเป็นยังไงบ้าง” ฉันเล่นกับรูฟัสสักพัก ขณะที่ลีอาห์กำลังคุยโทรศัพท์กับหลานชายของเธอ พระอาทิตย์เริ่มตกดินและฉันคิดว่าใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันจึงบอกลาลีอาห์กับรูฟัสแล้วเดินกลับบ้าน
แม่ของฉันและคนอื่น ๆ กลับกันมาแล้ว
“ลูกหายไปไหนมา!” แม่ของฉันตะโกน ฉันบอกเธอว่าฉันไปเยี่ยมลีอาห์ซึ่งทำให้เธอหงุดหงิดเล็กน้อยตั้ง แม่รู้ว่าฉันอยู่บ้านคนเดียวมาระยะหนึ่งแล้วซึ่งทำให้แม่กลัว แต่แม่บอกว่าก็ดีเหมือนกันที่ฉันไปหาลีอาห์ เพราะอย่างน้อยฉันก็จะไม่ได้อยู่คนเดียว จากนั้นเธอก็พูดว่า “ลูกรู้ไหมว่าบ้านตุ๊กตาแพงขนาดไหน” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำถามแปลก ๆ แต่ฉันตอบว่า “ทำไมเหรอแม่?" เธออธิบายว่า “แม่เห็นมันอยู่ในห้องของลูกตอนที่แม่กำลังตามหาลูก และแม่เห็นว่าบ้านตุ๊กตามีแต่รอยขีดจากสีเต็มไปหมด ครั้งต่อไปที่ลูกจะเอาของลงมาจากห้องใต้หลังคา ลูกต้องรอจนกว่าแม่จะถึงบ้านนะลูกรัก”
ฉันรู้สึกแปลกใจสิ่งที่แม่บอก ฉันไม่ได้ทำอะไรกับบ้านตุ๊กตาเลย ฉันนั่งกินอาหารเย็นอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นฉันก็ช่วยทำกับข้าวและเดินกลับห้องด้วยความตกใจ ฉันรู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดแน่นอนในตอนที่ฉันออกจากบ้านไป หลังจากทำอะไรเสร็จ ฉันก็ขึ้นไปที่ห้อง แต่พอฉันเปิดประตูห้อง
บ้านตุ๊กตาไม่ได้มีแค่รอยสีเหมือนกับที่แม่บอกมา แต่มันถูกฉีกออกเป็นชิ้นเลย เศษซากของมันเกลื่อนกลาดเต็มพื้น แม้แต่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ หัวของพวกมันก็หายไป ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเลย แล้วฉันก็เหลือบเห็นจดหมาย ...
“ทำไม ทำไมถึงไม่มาเล่นด้วยกัน!”
ผมของฉันแทบฟูขึ้น ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธที่เล็ดลอดไปทั่วห้อง ฉันพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่คุณจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวได้ยังไง ในเมื่อคุณเขียนจดหมายถึงคนตายที่ทำข้าวของของคุณพัง ฉันรู้สึกแย่มากที่ทำให้พ่อเสียใจแบบนี้ เขาเป็นคนซื้อบ้านตุ๊กตานั้นมาให้ฉัน ดังนั้นมันต้องเจ็บปวดแน่ ๆ ที่เขาต้องเป็นคนทำลายมัน ฉันเขียนจดหมายฉบับใหม่ถึงพ่อทันทีโดยเขียนว่า:
"พ่อ
หนูขอโทษที่ไม่ได้เล่นกับพ่อ หนูรักพ่อ แต่หนูคิดว่าเราต้องปล่อยวางเรื่องนี้ หนูแค่อยากจะบอกอีกอย่างกับพ่อ สิ่งที่หนูไม่เคยมีโอกาสพูดมาก่อน
ลาก่อนนะพ่อ
จากจูเลีย”
คืนนั้นฉันไปนอนกับพี่ชาย เขาไม่ถามด้วยซ้ำว่าฉันกลัวอะไร เพราะเขารู้ว่าฉันกำลังกลัวอยู่ ก่อนที่เราจะเข้านอนเขามาคำนึง “เธอรู้ใช่ไหมว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ประหลาดหรือผีหรอกนะ”
“รู้สิ” ฉันกระซิบตอบ ตอนนั้นฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองโกหกหรือเปล่า แต่ตอบไปแบบนั้นมันทำให้ฉันสบายใจมากกว่า ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรลงไป ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยตอนนี้ ฉันตื่มาวันรุ่งขึ้น มันเป็นวันเสาร์และฉันก็ยังไม่สบายใจที่จะอยู่ในห้องนาน ๆ ฉันแต่งตัวและเดินไปหาลีอาห์ ฉันออกมาจากบ้านโดยไม่ได้ไปดูที่กล่องใส่ของเลย ฉันรู้สึกเหมือนเดินหนีพ่อแม่ที่โกรธและอยากให้พวกเขาใจเย็นลงก่อนที่เราจะคุยกันอีกครั้ง ลีอาห์นั่งอยู่กับรูฟัสตามปกติ
“เฮ้ จูเลีย” ลีอาห์ร้องเรียก “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง” ฉันรู้ว่าลีอาห์กำลังพูดถึงเรื่องจดหมาย และฉันเธอน่าจะวิธีแก้ไขเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ฉันจะเริ่มพูด เธอก็ขัดจังหวะมาก่อน “ฉันเดาว่ามันไม่ได้ผลใช่ไหม?” “เพราะฉันรู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าวิญญาณไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ ฉันต้องใช้กระดาษแบบพิเศษเพื่อเขียนถึงแม็กกี้และฉันว่าเธอก็มีมันใช่ไหม”
ฉันรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโกหกลีอาห์อยู่ เพราะฉันไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ฉันเพิ่งบอกเธอว่ามันได้ผลเพราะจดหมายหายไป “ ว้าว จูเลีย ฉันเดาว่าน่าจะมีคนเล่นพิเรนทร์ในบ้านของเธอนะ น่าจะเป็นพี่ชายของเธอรึเปล่า เด็กผู้ชายมักจะเล่นอะไรแบบนี้แหละ”
เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอบอกว่ามันอาจจะไม่ได้ผลทุกครั้ง เพราะเป็นเรื่องยากที่วิญญาณอ่อนแออย่างแม็กกี้จะทำอะไรได้มาก ยกเว้นเรื่องอ่านจดหมาย แต่บางครั้งแม็กกี้ก็เขียนตอบกลับมาได้ แม็กกี้บอกว่าเธอยังไม่ได้ข้ามไป แต่เมื่อเธอข้ามไปเธอจะไม่ได้รับจดหมายอีกต่อไป แม็กกี้บอกว่าเธอรักลีอาห์และรู้สึกดีกับจดหมายของแม็กกี้ แต่วันหนึ่งแม็กกี้ต้องไป ไปในที่ที่จะไม่ได้เจอกันอีก เวลาผ่านไปแม็กกี้บอกลีอาห์ว่า เธอไม่มีแรงเขียนจดหมายแล้ว แต่ลีอาห์ยังคงเขียนจดหมายต่อไป แม็กกี้บอกว่า ลีอาห์จะรู้เองเมื่อเธอข้ามไปเพราะแม็กกี้จะเก็บเรี่ยวแรงที่เหลือไว้เขียนจดหมายฉบับสุดท้ายให้ลีอาห์
ฉันเดินกลับบ้านในบ่ายวันนั้น ระหว่างทางฉันได้แต่คิดว่าพ่อของฉันจะข้ามไปด้วยหรือเปล่านะ ฉันไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ฉันรู้ว่าฉันเห็นอะไรและทำอะไรไป ฉันเขียนจดหมายถึงพ่อ ฉันได้ยินเสียงเขาร้องเพลงในห้องอาบน้ำ ฉันเห็นข้อความของเขาในกระจก ฉันเห็นบ้านตุ๊กตาและจดหมายของเขา ฉันรู้ว่าไม่มีใครในบ้านย้ายบ้านตุ๊กตาได้ ฉันมั่นใจว่านั่นคือพ่ออย่างแน่นอน
ฉันมาถึงห้อง เศษชิ้นส่วนของบ้านตุ๊กตายังคงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ฉันจำจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันเขียนได้ ฉันขอพ่อปล่อยวางและก้าวต่อไป ฉันกลัวว่าเขาจะโกรธ ฉันกลัวว่าเขาจะบอกว่าฉันไม่รักเขา แต่ฉันอยากดูว่าเขาได้รับข้อความรึเปล่า
ฉันเปิดกล่องเก็บของดู จดหมายมันหายไป
แต่ครั้งนี้มันมีจดหมายฉบับใหม่วางอยู่ มันเขียนว่า "จูเลีย" อยู่บนหน้าซอง ฉันคิดว่าเขาเขียนจดหมายกลับมา ฉันเปิดมัน และฉันก็ตกใจกับสิ่งที่ฉันเห็น
“พ่อของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฉันรีบวิ่งลงบันไดและเตรียมตัวกลับไปหาลีอาห์เพื่อบอกทุกอย่างให้เธอรู้ แต่ฉันไม่จำเป็นต้องไปที่บ้านลีอาห์แล้ว เพราะฉันได้ยินเสียงหัวเหราะของแม่กับลีอาห์ดังมาจากห้องครัว ฉันเดินเข้าไปหาพวกเขา ฉันหยุดชะงักเพราะเห็นบางอย่างที่แม่และลีอาห์มองไม่เห็น ตรงชั้นวางของที่อยู่ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น เราวางกรอบรูปของพ่อไว้เพื่อระลึกถึงเขา แต่มันมีข้อความเขียนไว้ที่กรอบรูปนั้น มันเขียนไว้ว่า "ถ้าเธอพูด พวกเขาจะตาย"
ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ที่ฉันรู้ตอนนี้คือฉันต้องไม่พูดอะไร ฉันก็รู้ว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้น และฉันไม่รู้ว่าจะหยุดมันยังไง
พี่สาวและพี่ชายของฉันกำลังจะไปงานปาร์ตี้ และแม่ของฉันก็อยากไปเที่ยวกับแฟนใหม่ของเธอ ในคืนนั้นฉันเลยต้องไปอยู่ที่บ้านลีอาห์ แม่ของฉันพยายามขอโทษฉัน แต่ฉันไม่โกรธแม่เลย กลับรู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้ออกจากบ้าน และหนีออกไปจาก…ฉันไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร แต่ที่รู้แน่ๆคือ มันไม่ใช่พ่อของฉัน
คืนนั้นลีอาห์ให้ฉันนอนกับเธอและรูฟัส เวลาประมาณเที่ยงคืน เธอเริ่มเขียนจดหมายลงบนกระดาษพิเศษ มันบางมากและเปล่งประกายเป็นสีเงิน เราเดินไปที่บ้านของฉันด้วยกันและใส่จดหมายลงในกล่องจดหมาย วันรุ่งขึ้นแม่มารับฉัน ก่อนที่จะเข้าบ้าน เราแวะไปดูที่กล่องจดหมาย เพราะมีคนเปิดกล่องจดหมายทิ้งไว้ มีจดหมายที่เขียนถึงลีอาห์อยู่ และฉันก็รู้ว่าเป็นใครเป็นคนเขียน กระดาษมีความบางและมีสีเงินเหมือนกัน แม่ถามว่า ฉันจะเอาไปให้ให้มิสลีอาห์ไหม? แน่นอนว่าฉันตอบตกลง
ฉันวิ่งไปตามถนนเพื่อไปยังบ้านของลีอาห์ เธอเปิดจดหมายและเริ่มอ่านขณะที่ฉันนั่งรออยู่กับรูฟัส เมื่อเธออ่านเสร็จแล้วใบหน้าของลีอาห์กลับซีดลง ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นผิวที่ซีดขาวขนาดนั้นบนตัวคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นเธอก็เริ่มตัวสั่น เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอบอกฉันว่าอย่ากลับไปที่บ้านเด็กขาด เธอจะโทรหาแม่แล้วให้ทุกคนก็จะมาทานอาหารกลางวันกันที่บ้านเธอ เธอวางจดหมายลงทันทีและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอลีอาห์หันหลังไป ฉันก็รีบหยิบจดหมายนั้นขึ้นมาอ่าน
“ ลีอาห์สุดที่รัก
ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ฉันใช้เวลานานมากในการเขียนตอบกลับมาหาเธอ ดูเหมือนว่าฉันจะมีพลังวิญญาณในการเขียนจดหมายไม่พอ แค่ตอนที่ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันก็แทบจะเขียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ผู้หญิงที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเก่าของฉันกับครอบครัวของเธอน่ารักมาก และฉันอยากให้เธอรู้ ว่าฉันเฝ้าดูมิตรภาพของพวกเธออยู่และฉันก็มีความสุขมากที่ได้เห็น ฉันคิดถึงการหัวเราะคิกคักในครัวกับเธอ แต่การดูเธอและเพื่อนใหม่ของเธอคุยกัน
เจย์เป็นคนจิตใจดีและดูเหมือนจะดูแลครอบครัวได้เลย แคทเธอรีนเป็นคนมีอารมณ์ขัน ทำให้ฉันและครอบครัวหัวเราะได้เสมอ จูเลียเป็นเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็น มันทำให้ฉันนึกถึงเธอเลยลีอาห์
แล้วก็ลูกคนที่สี่ของพวกเขา เขาออกจะดูเลวร้ายหน่อย เธอรู้จักคนที่ฉันพูดถึงไหม? คนที่มีดวงตาสีดำและกรงเล็บสีดำยาวที่อยู่ในห้องเก่าของฉัน?
เขาเฝ้าดูจูเลียที่น่าสงสารขณะที่เธอนอนหลับและทิ้งจดหมายเล็ก ๆ ที่น่ากลัวไว้รอบ ๆ บ้าน
เมื่อวันก่อนฉันสังเกตเห็นว่าเขาเริ่มเอามีดออกจากลิ้นชักในตอนกลางคืนและนำมันไปไว้ใต้เตียงด้วย แม่ของพวกเขาควรทำอะไรสักอย่างกับลูกคนนี้หน่อยนะ
บางทีเธออาจช่วยได้?
แทบรอการติดต่อครั้งต่อไปไม่ไหวแล้ว!
จากแม็กกี้”
ฉันหายใจไม่ออก ฉันทำได้แค่นั่ง…ตัวแข็งทื่อ…ขณะที่ลีอาห์กำลังกรีดร้องโวยวายอยู่
“โอ้พระเจ้า ช่วยบอกฉันทีว่าเธอไม่เป็นอะไร! รับโทรศัพท์สิ! ได้โปรด รับโทรศัพท์สิ!” เธอตัดสินใจโทรหา 911 เมื่อตำรวจไปที่บ้านของฉัน ลีอาห์กับฉันรออยู่ข้างนอก และนั่นทำให้หัวใจฉันแทบแตกสลาย พวกเขาพบแม่ พี่ชาย และพี่สาวของฉัน ร่างกายของพวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายทั่วบ้าน ตำรวจไม่สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและพวกเขาอาจจะเป็นสัตว์ป่าที่ทำแบบนั้น
แต่ลีอาห์กับฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เรารออยู่นอกบ้าน เราทั้งคู่มองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องนอนของฉัน มีใครบางคนยืนอยู่ที่นั่น มันคือเด็กที่มีดวงตาสีดำแต่มาพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย มันชูนิ้วที่ยาวและแหลมขึ้นมานิ้วหนึ่ง…. ความยาวของนิ้วอาจจะเกือบ 20 เซนเลยก็ว่าได้ มันอ้าปากกว้างพร้อมกับพูดคำว่า “ตาย...”
บันทึก
1
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องสั้น ขวัญผวา
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย