20 พ.ค. 2021 เวลา 07:24 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน ผมตายในวันเกิดของทุกปี
ผมตายเป็นครั้งแรกในวันที่ 18 สิงหาคม 2549 เป็นการตายที่ผมก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมแค่ไปดื่มผ่อนคลายที่ผับ หลังจากที่เหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน ตอนนี้ผมอยากได้เครื่องดื่มสักแก้ว ดังนั้นผมจึงเดินไปที่บาร์เทนเดอร์ แต่ขณะที่กำลังเดินไป ผมรู้สึกว่าเหมือนว่ามีคนต่อยเข้าที่สีข้างของผม ตอนแรกผมคิดว่าอย่างนั้น แต่แล้วผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและกระแสเลือดที่ไหลรินลงบนเสื้อของผม ในตอนนั้นผมได้รู้แล้วว่าผมถูกแทง
มันไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้น แต่มันก็พอที่จะทำให้ผมทรุดลงกับพื้นได้ ในตอนนั้นผมแทบไม่ได้ห่วงชีวิตเลย กลับห่วงแค่สูทราคาแพงของผมว่ามันจะเปื้อนเลือดขาดไหนเท่านั้น
ความตายกำลังคลืบคลานเข้ามา อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ผมคิดขณะที่ลมหายใจของผมกำลังจะหมดลง โลกรอบตัวเริ่มค่อยๆจางหายไปเป็นสีดำและในที่สุดผมก็ตาย
จากนั้นผมก็พบกับความว่างเปล่า มันมีแต่ความมืดรอบตัว ผมถูกพาไปสู่โลกใหม่ที่ปราศจากความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานหรือความตาย ผมเห็นผู้คนที่กำลังเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดจะตายเช่นเดียวกับผม แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าปลายทางของแต่ละคนคือที่ไหน เท่าที่ผมรู้ก็คือ ผมไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ความกังวลและความกลัวทั้งหมดของผมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
แสงสว่างปรากฏขึ้นในที่ไกลออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมรู้ว่านั่นจะเป็นจุดหมายสุดท้ายของผม จุดมุ่งหมายสุดท้ายของผมในชีวิตช่วงสั้นๆนี้ ที่ผมจะได้ไป น่าเสียดายที่ผมไม่เคยไปได้ที่นั่น ...
แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองพร้อมกับร่างกายที่เปียกโชกจากเหงื่อ ผมตัวสั่นเหมือนคนบ้า ผมรีบสำรวจแผลที่โดนแทง... แต่มันไม่มี อันที่จริงผมไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
เรื่องทั้งหมดเป็นความฝันอย่างงั้นเหรอ? โทรศัพท์ของผมสว่างขึ้นบนโต๊ะข้างเตียง ผมหยิบมันขึ้นมาดู มีข้อความและสายที่ไม่ได้รับมากมาย
“เฮ้พวกเราอยู่ที่ผับ นายจะมารึเปล่า?” ข้อความแรก ส่งเมื่อ 21:43 น.
“ริค นายอยู่ที่ไหน?” ข้อความที่สอง ส่งเมื่อ 22:23 น.
จากนั้นมีโทรศัพท์สองสามสายและอีกข้อความหนึ่ง “ฉันเดาว่านายคงหลับไปแล้วใช่ไหม? งั้นฉันจะดื่มอีกช็อตเพื่อนาย สุขสันต์วันเกิด ริค” แล้วก็มีโทรศัพท์อีกกว่ายี่สิบสาย แต่มีอยู่ข้อความนึงที่ทำให้ผมสั่นไปทั้งกระดูก
ข้อความคือ “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับแดนนี่!” ผมรีบโทรกลับไปทันที นิ้วของผมสั่นเทาจากความทรงจำที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้ว่าการตายของผมจะเป็นฝันร้าย ที่ผมรู้คือเมื่อคืนผมควรจะอยู่ที่ผับกับเพื่อนๆ
โทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งแล้วเจคก็รับสาย “ ริค นั่นนายเหรอ? นายอยู่ไหน?" เจคถามด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าและตื่นตระหนก “ฉัน... ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันว่า ฉันคงจะเผลอหลับไป” ผมตอบ “แดนนี่โดนแทงเมื่อคืน” เจคพูดโดยไม่ฟังคำอธิบายของผม “ ถูกแทงหรอ? เขาถูกแทงได้ยังไง?” “ฉันไม่รู้ มีใครบางคนเดินมาหาเขาและแทงเขาที่ด้านข้าง”
ผมเกือบทำโทรศัพท์หล่นด้วยความตกใจ แดนนี่ถูกทำร้ายเช่นเดียวกับผม ในสถานที่เดียวกัน ความคิดนับพันแล่นเข้ามาในหัวของฉัน ผมคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “แดนนี่เป็นไงบ้าง?” “หมอกำลังผ่าตัดให้เขาอยู่ พวกเขาจะบอกอาการให้ภรรยาของเขารู้เท่านั้น”
“เจค?” ผมร้องเรียก แล้วเจคก็ตอบกลับมาว่า “ เขา... เขาตายแล้ว…แดนนี่ตายแล้ว…” ช่วงเวลาต่อมากลายเป็นอะไรที่พร่ามัว เราทุกคนรู้จักแดนนี่ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กและตอนนี้เขาจากไปแล้ว โดยฆาตกรที่เป็นใครก็ไม่รู้
ถึงอย่างนั้นผมก็อดคิดไม่ได้ว่า จริงๆแล้วควรเป็นผมที่ตายในคืนนั้น
เวลาเดินผ่านไปโดยไม่มีคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนร่วมงานบางคนลาออกหลังจากที่แดนนี่ตาย ผมพยายามก้าวต่อไปอย่างไร้ความหวัง ผมไม่เคยบอกพวกเขาด้วยซ้ำว่าผมเจออะไรในคืนนั้น ถึงบอกไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาอยู่ดี
หนึ่งปีผ่านไปผมแทบจะไม่ได้คุยกับเพื่อนๆเลย ผมกลับมาดีขึ้นมากหลังจากการตายของแดนนี่ แต่ทุกอย่างก็หมดความหมายลงในวันที่ 18 สิงหาคม 2007 วันเกิดของผมมาถึงอีกครั้งและผมตั้งใจที่จะไม่ฉลองวันเกิด ผมลาป่วยและใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นวิดีโอเกมและดื่มวิสกี้แล้วผมก็หลับไป
เวลาวันนั้นได้ผ่านไป จนประมาณเที่ยงคืน ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงกระซิบ ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ยังคงมึนๆจากแอลกอฮอล์ ขณะที่ผมก้าวออกจากเตียง ผมลื่นล้มลงไปกองกับพื้น มันทำให้เกิดเสียงดังพอที่จะทำให้ผู้บุกรุกได้ยิน
“ไหนแกบอกว่าไม่มีใครอยู่บ้านเหรอไม่ใช่เหรอ?” ชายคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ ไม่ต้องห่วงฉันจะจัดการมันเอง” เสียงฝีเท้าเคลื่อนเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมพยายามล็อคประตู แต่ไม่ทันแล้ว ชายคนหนึ่งถีบประตูให้เปิดออกและกระแทกผมลงไปที่พื้น ชายอีกคนเดินเข้ามาในห้องของผมพร้อมกับถือปืนไว้ในมือ เขาพูดกับผมเพียงประโยคเดียว ก่อนจะเล็งปืนมาที่ผมแล้วเหนี่ยวไก “แกน่าจะอยู่เงียบ ๆไว้ ”
ผมนอนจมกองเลือดของตัวเอง แทบจะหายใจไม่ออก ผมคลานหนีไปไหนไม่ได้และไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ผมตายบนพื้นห้องนอนในวันเกิดของผมเอง เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านี้ วิญญาณออกจากร่างกายของผมในที่สุด และความเจ็บปวดก็หยุดลง แล้วผมก็กลับมาอยู่ในอีกโลกนึงเหมือนเมื่อตอนนั้น แต่คราวนี้มันดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย ผมเดินผ่านมิติที่มีสีสันมากมาย ผมชื่มชมรูปทรงและสีสันต่างๆรอบข้างขณะที่เดิน
ผมเห็นต้นไม้ที่มีกิ่งก้านทอดยาวออกไปจากลำต้นของมันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจาก ในแต่ละกิ่งก้านมีร่างผู้คนห้อยอยู่ ผมอยากไปหาพวกเขา แต่นั่นไม่ใช่ที่ของผม เพราะผมตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ เหมือนเหตุการณ์ปีที่แล้วอีกเช่นเคย
โทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมยังแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าจะถ้าผมตาย จะมีคนมาตายแทนผมทุกครั้ง
"สวัสดี?" “ริค นี่พ่อนะ…แม่ของลูก…เพิ่งเสียไปเมื่อคืนนี้” เหมือนมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในลำคอของผม ผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ผมจำเป็นต้องถาม “ ได้ยังไง…เกิดอะไรขึ้นกับแม่?” “ตำรวจบอกว่าพวกหัวขโมยใช้ปืนยิงแม่ พ่อไม่รู้ พ่อแค่เลิกงานช้า…พ่อควรจะอยู่กับแม่…” การสนทนาขาดหายไป ผมรู้ดีว่าพ่อกำลังเสียใจอย่างมาก และแทบจะไม่สามารถพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เขาโทษตัวเอง แต่ผมรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง จริงๆแล้วผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นความผิดของผมเอง
ในช่วงสองเดือนถัดมา พ่อของผมตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างหนัก ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย เขาเพิ่งสูญเสียคนรักไป ผมเลยย้ายไปอยู่กับพ่อ เพราะอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขา พ่อพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะไม่แสดงความอ่อนแอให้ผมเห็น แต่ผมรู้ว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน “ ถ้าพ่ออยู่ที่นั่น…” พ่อเริ่มพูด “พ่อไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดเรื่องนั้น” ผมตอบกลับไป แต่ผมรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะจริงๆแล้วพวกหัวขโมยไม่เคยไปที่บ้านพ่อแม่ของผมเลย คนที่ตายควรเป็นผม ผมต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ แต่ผมจะทำยังไงล่ะ?
ครึ่งปีผ่านไป ความลับที่เก็บไว้คนเดียวกำลังกัดกินผม ผมยังไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจแล้วว่าถึงเวลาที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง “ พ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” “ ได้สิ มีอะไรหรอ?” เขาถามด้วยสีหน้ากังวล เขารู้จักผมดี และเขาคงรู้แล้วว่า มีภาระอันหนักอึ้งที่กำลังทำให้ผมหนักใจอยู่
ผมเริ่มต้นด้วยการบอกเขาเรื่องการตายครั้งแรกของผม ผมบอกทุกอย่างทั้งคนที่ผมเห็นในผับคืนนั้น หรือแม้กระทั่งตำแหน่งของแผลที่ถูกแทง ผมบอกเขาว่าแดนนี่เข้ามาตายแทนผมและผมรู้สึกผิดเป็นมากๆ ตอนแรกพ่อดูไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่แล้วผมก็บอกเขาเรื่องแม่ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยบอกเรื่องรายละเอียดใดๆกับผม แต่ผมสามาถบอกเหตุการณ์ทุกอย่างในคืนนั้นได้ ผมเล่าเรื่องราวทุกๆอย่างให้เขาฟัง “ผมขอโทษครับพ่อ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมทำให้แม่ต้องตาย” เขาเพียงแค่นั่งเงียบ ๆ และประมวลผลสิ่งที่ผมเพิ่งบอกเขา “มันไม่ใช่ความผิดของลูก”
ผมสับสน คำพูดของเขาไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย มีเพียงความเป็นห่วงให้กับผม “พ่อพูดแบบนั้นได้อย่างไร? แม่ไม่ควรจะต้องมาตายเลย” เขาครุ่นคิดถึงคำพูดต่อไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะพูด “ลูกไม่ได้ทำอะไรผิดริค พ่อไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงถูกพาตัวกลับมา แต่ลูกไม่ควรโทษตัวเองกับสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญอยู่” “พ่อเชื่อผมไหม?” ผมถาม เขาพยักหน้าและโอบกอดผม ทันใดนั้นผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอีกต่อไป มีคนรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับผม
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” พ่อของผมทำตามคำพูดนั้นจริงๆ วันเกิดของผมหมุนไปเรื่อยเช่นเดียวกับความตายที่ไม่ยอมปล่อยผมไป ผมแค่ลื่นในห้องอาบน้ำและคอของผมก็หัก เป็นอีกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาบนเตียง ผมเรียกหาพ่อ เพื่อให้แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่เพราะกลัวว่าเขาอาจจะมาแทนที่ผม ผมแทบหายใจไม่ออกจนกระทั่งเขารีบวิ่งเข้ามา แล้วถามถามว่าเกิดอะไรขึ้น
”ผมคอหัก… แต่ผมคิดว่าตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมใช้เวลาสักพักก่อนที่ผมจะรู้ว่าใครมาแทนที่ผมในครั้งนี้ เจ้านายของผมเสียชีวิต เขาเป็นผู้ชายที่ใจดีที่สุดที่ผมเคยเจอ และเขาตายเพราะลื่นล้มคอหักเหมือนกับผม
นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย ผมตัดสินใจแล้ว ผมต้องหยุดมัน แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตของผมก็ตาม ผมคิดว่าผมต้องกุมชะตากรรมของตัวเองได้ ผมเลือกจะฆ่าตัวตายก่อนวันเกิดของตัวเอง บางทีมันอาจทำให้ไม่มีคนตายเพิ่มขึ้น ผมทิ้งจดหมายถึงพ่อ อธิบายว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ผมปล่อยให้คนอื่นมาตายแทนผมไม่ได้อีกแล้ว
อนิจจาโชคชะตาช่างไม่แน่นอน ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถจบชีวิตของตัวเองได้ ผมพยายามแขวนคอ แต่เชือกก็ขาด จากนั้นผมพยายามจะยิงตัวเอง แต่ปืนก็ติดขัด ผมพยายามขับรถชนต้นไม้ แต่ผมก็รอดมาได้เช่นกัน… ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่ได้ผล มันไม่ยอมให้ผมตาย ที่ผมทำได้คือรอวันเกิดปีหน้าและปล่อยให้ใครบางคนตายแทนผม ผมไม่สามารถหนีจากโชคชะตานี้ได้
ในปี 2552 ผมถูกรถชน ... และแฟนสาวของผมก็เข้ามาแทนที่
ในปี 2553 ผมจมน้ำตาย…และเพื่อนบ้านผู้ใจดีของผมก็ต้องพบความตายครั้งนั้น
ในปี 2554 ผมเสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก…ซึ่งสุดท้ายมันคร่าชีวิตป้าของผม
และมันเกิดต่อไปเรื่อย ๆ …ในแต่ละปีผมต้องตายและคนใกล้ตัวจะเข้ามาแทนที่ผมเสมอ ผมพยายามหาทางออก แต่ก็ไร้ซึ่งหนทางใดๆ
หลายปีผ่านไปและในวันที่ 18 สิงหาคม 2562 ผมจะตายเป็นครั้งที่ 14 แต่ปีนี้ผมป่วย ซึ่งมันทำให้แพทย์งงกันไปตามๆกัน เพราะ ผลตรวจชี้ว่าผมสบายดี แต่อาการของผมไม่ค่อยดีนัก พ่อกับผมต่างรู้ดีว่าเวลาของผมใกล้เข้ามาแล้ว แต่เราก็รู้ว่าผมจะต้องกลับมาอีกครั้ง
จากนั้นตอนเที่ยงคืนในวันเกิดของผม หัวใจของผมก็แตกสลาย ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเอง "พ่อ!" ผมพยายามเรียกหาเขาอย่างร้อนใจ แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ผมลุกจากเตียงและเรียกชื่อเขาอีกครั้ง ผมเจอแต่ความเงียบ ผมพยามยามโทรหาเขาสองสาย แต่ผมไม่ต้องโทรออกเป็นครั้งที่สามแล้ว ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเดินเข้าไปในห้องของเขาด้วยความกังวลใจ ผมรู้ว่ามันจะมาถึงในสักวัน ...
เขาตายแล้ว… เขาเข้ามาแทนที่ผมและผมไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเขาได้เลย เวลาเดินผ่านไปอย่างพร่าเลือน สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือ ผู้คนที่ค่อยๆหายไปจากชีวิตผม คนบางคนได้ใช้ชีวิตของตัวเองและจากไปตามธรรมชาติ แต่มีคนจำนวนหนึ่งที่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ... แทนที่จะมาตายแทนผม
ผมได้รับมรดกหลายอย่างจากพ่อของฉัน หนึ่งในนั้นผมเจอจดหมายที่เขียนถึงผม มันดูค่อนข้างโทรม ดังนั้นผมบอกได้เลยว่าเขาน่าจะเขียนไว้นานแล้ว
“ถึงริค
วันนี้เป็นวันเกิดของลูก และเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่แม่ของลูกจากไป พ่อคิดถึงเธอมาก แต่พ่อก็ขอบคุณที่ยังมีลูกอยู่ พ่อรู้ว่าถ้าแม่เลือกได้ แม่ก็คงอยากให้ลูกมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วพ่อก็รู้สึกแบบเดียวกัน
เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง พ่ออาจจะต้องตายแทนลูก ขอให้ลูกแน่ใจอย่างนึงว่า พ่อยินดีจะจากไปแทนที่ลูก ถ้านั่นหมายความว่าลูกจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ลูกไม่ได้เป็นคนเลือกคำสาปนี้ ดังนั้นอย่าโทษตัวเอง ทำในสิ่งที่ทุกคนควรจะทำ ชื่นชมและทำดีกับคนรอบตัวลูกเสมอ เพราะลูกไม่มีทางรู้ว่าวันสุดท้ายของพวกเขาจะเป็นวันไหน
รักลูกนะ จากพ่อ”
ตั้งแต่ผมอ่านจดหมายฉบับนั้น ผมก็พยายามหาทางออกอีกครั้ง พ่อของผมอาจต้องการให้ผมอยู่ต่อไป แต่ผมจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าผมกำลังแย่งชิงชีวิตของใครบางคนอยู่
ผมออกจากเมือง แล้วอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อมที่ห่างจากผู้คน หวังว่าถ้าไม่เหลือใครที่ห่วงใยผมแล้ว เรื่องทั้งหมดอาจจะจบ แล้วผมก็อาจจะได้จากไปจริงๆในสักวัน...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา