ตอนที่ 8
ใครบ้างที่ต้องการมี “โค้ช”
ในสถานการณ์ที่วิกฤต หรือมีปัญหายากๆ ที่มีความซับซ้อน
คงต้องยอมรับว่าลำพังความคิดความสามารถของคนๆ เดียว ไม่อาจนำพาฝ่าข้ามวิกฤตไปได้
ยิ่งดันทุรังทำคนเดียว เป้าหมายที่อยากไปให้ถึงอาจจะยิ่งยาก ยิ่งไกล
แล้วยิ่งนานก็ยิ่งท้อ จนอาจยอมให้เป้าหมายที่อยากไปให้ถึงนั้นหลุดลอยไป
การมี "โค้ช" จึงเหมือนมีเพื่อนร่วมทาง มีกัลยณมิตรที่ใส่ใจ ดูแล ชวนคิด ให้มุมมอง
ช่วยกันหาหนทางฝ่าข้ามวิกฤต ไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่เข้าใกล้กับเป้าหมายของเรามากขึ้น
การมี “โค้ช” มีความจำเป็นในการทำงานแค่ไหน
อยู่ที่ว่าเป้าหมายนั้นสำคัญอย่างไร
ต้องเอาชนะให้ได้ หรือ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
อยากเอาชนะปัญหาไหม หรือ ไม่ชนะก็ไม่เป็นไร
โค้ชนั้นไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพัง การทำงานของโค้ชนั้นขึ้นอยู่กับผู้รับการโค้ชหรือ “โค้ชชี่” ว่ามีความพร้อม หรือเปิดใจให้กับโค้ชแค่ไหน
มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองเพื่อเอาชนะปัญหาอุปสรรคมากน้อยเพียงใด
ในการทำงานด้านการพัฒนาศักยภาพ อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์
มักจะกล่าวเสมอว่า
“เมื่อศิษย์พร้อม ครูก็มา”
และขยายความว่า “ครู” ของเรานั้นมีได้หลายรูปแบบ อาจจะเป็นคน เป็นเหตุการณ์ สถานการณ์ ที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้อะไรบางอย่าง
นั่นหมายความว่าหากเราต้องการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย
ก็ต้องทำตัวเองให้ “พร้อม” ตลอดเวลา
ส่วนหนึ่งของความพร้อมก็คือ การเปิดใจ
แล้วเมื่อเปิดใจ ก็จะเปิดหู นั่นคือ รับฟัง
สำหรับคนเป็น “โค้ช” ความพร้อมของ “โค้ชชี่” นำไปสู่ก้าวแรกของการโค้ชชิ่ง
ที่ต้องมีความไว้วางใจ สร้างแรงบันดาลใจ
และก้าวต่อไปด้วยกันจนกว่าจะได้เห็น “โค้ชชี่” ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว
เราสรุปออกมาจากงานถอดบทเรียนได้ว่า ใครบ้างที่ต้องการมี “โค้ช”
1. เป็นคนมีเป้าหมายและอยากเอาชนะ
เป็นเป้าหมายที่มีพลังมากพอที่จะผลักดันให้อยากไปให้ถึง
ถ้าเป็นนักกีฬาก็ต้องเป็นคนที่เป็นผู้เล่นที่มีเป้าหมายอยากเอาชนะคู่แข่ง อยากเป็นแชมป์ อยากเล่นในระดับที่สูงขึ้น อยากไปแข่งและชนะในรายการสำคัญๆ
ถ้าเป็นการทำงานก็ต้องเป็นคนที่มีเป้าหมายในการทำงาน อยากทำบางอย่างให้สำเร็จ อยากมีผลงานที่ดี อยากเอาชนะปัญหา หรืออยากแก้ปัญหาให้สำเร็จ
เป้าหมายในการทำงานของแต่ละคนนั้นต่างกันและมีหลายระดับ หลายเป้าหมาย เช่น เป้าหมายเรื่องทีม เป้าหมายการเอาชนะคู่แข่ง เป้าหมายเกี่ยวกับตำแหน่งการงาน ชื่อเสียง ผลงาน เป้าหมายเพื่อส่วนรวม ชุมชน สังคม ประเทศ เป้าหมายเพื่อเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร ฯลฯ
2. เป็นคนค้นหาวิธีการที่จะเอาชนะเป้าหมายด้วยตัวเอง อยากพัฒนาตนเอง
หากเป็นนักกีฬา เพื่อที่จะให้เป้าหมายสำเร็จ ก็จะทำให้อยากพัฒนาวิธีการเล่น
อยากทดลองใช้เทคนิควิธีการที่จะพัฒนาจุดแข็ง แก้จุดอ่อนของตัวเอง
ฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ยิ่งเป็นการทำงานเป้าหมายยิ่งยาก อุปสรรคยิ่งเยอะ
ยิ่งอยากจะเอาชนะปัญหาให้ได้ ยิ่งต้องพัฒนาตนเอง
ต้องเรียนรู้กระบวนการ วิธีการใหม่ๆ ทดลองใช้เครื่องมือ เทคนิคในการทำงานที่จะเพิ่มความสามารถของตัวเองให้ทำตามเป้าหมายให้ได้
3. เป็นคนที่อยากหาตัวช่วย เพราะรู้ว่าลำพังความคิดของตนเองไม่อาจเอาชนะปัญหาหรือพาตัวเองไปสู่เป้าหมายได้
นักกีฬาก็ต้องการโค้ชที่จะช่วยมองและพัฒนาการเล่นของตนเอง ช่วยวิเคราะห์คู่ต่อสู้ วิเคราะห์สนาม มองเห็นจุดแข็งจุดอ่อน จุดที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม
ในการทำงานก็เช่นกัน คนทำงานต้องการให้โค้ชช่วยมองและพัฒนากระบวนการคิด การวิเคราะห์ปัญหา การมองเห็นจุดแข็งจุดอ่อน และสิ่งที่ต้องพัฒนาเพื่อไปสู่เป้าหมาย
นอกจากคนทั้ง 3 กลุ่มข้างต้นที่ต้องการโค้ชแล้ว คนอื่นๆ ก็สามารถมี “โค้ช” ได้
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า หากใจพร้อมที่จะเปิดรับ “โค้ช” เข้ามา
- แม้ยังไม่มีเป้าหมาย แต่อยากค้นหาเป้าหมาย อยากทำงานอย่างมีเป้าหมาย หรืออยากมีเป้าหมายที่ชัดเจน อยากผลักดันตนเอง อยากมีแรงบันดาลใจ
ก็มีโค้ชได้
- อยากเป็นคนทำงานอย่างมีความสุข รู้สึกอยากทำอะไรที่มีคุณค่า
ก็มีโค้ชได้
- อยากให้ตนเองมีความมั่นใจ อยากภูมิใจในตนเอง อยากใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย อย่างสร้างสรรค์ อยากมีมุมมองความคิดเชิงบวก
ก็มีโค้ชได้
- อยากพัฒนาศักยภาพตนเอง เพิ่มความสามารถ เพิ่มโอกาสและทางเลือกในการทำงานให้กับตนเอง
ก็มีโค้ชได้
- อยากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนอื่น ทั้งในครอบครัว ในที่ทำงาน ในชุมชน ในการทำงานร่วมกับคนอื่น ในทีม
ก็มีโค้ชได้
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ความ “พร้อม” การเปิดใจ การรับฟัง นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นศักยภาพภายในที่จะนำไปสู่สิ่งใหม่ได้
หากองค์กรใดที่จะจัดหา “โค้ช” ให้กับคนในองค์กร นอกจากการมองหา “โค้ช” ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว ยังต้องเตรียมคนในองค์กรให้ “พร้อม” ที่จะมี “โค้ช” อีกด้วย
เพราะ “โค้ช” กับ “โค้ชชี่” นั้น ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน
จึงจะพากันไปสู่เป้าหมายได้
ขอบคุณภาพประกอบจาก Nok S และ กุลธวัช เจริญผล
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
