กฎ 21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้ >>>
ผู้เขียน รู้จักหนังสือเล่มนี้อย่างไร? รู้จักจากลูกค้าของผู้เขียนเอง ลูกค้าเป็นนักแปล (อดีตเป็นบรรณาธิการของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง) ซึ่งผู้เขียนได้ขอคำแนะนำจากลูกค้าโดยให้โจทย์ไปว่า "หนังสืออะไร ที่เหมาะกับคนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็น CEO ของบริษัท" ได้รับคำตอบมาเป็นเล่มนี้ค่ะ
"กฎ 21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้" JOHN C.MAXWELL
ผู้เขียนขออนุญาต เลือกมาเป็นบางกฎที่ผู้เขียนอ่านแล้วรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ เอามาเป็นน้ำจิ้ม เล่าให้ฟังนะคะ
1. กฎแห่งเพดาน
ความสามารถในการเป็นผู้นำ คือตัวกำหนดระดับศักยภาพในการประสบความสำเร็จของเรา
ความเข้าใจของผู้เขียนจากการอ่านกฎข้อนี้ก็คือ คนเราทุกคนมีขีดจำกัดของความสามารถค่ะ หรือคือเพดาน ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน กฎข้อนี้ เป็นกฎที่ผู้เขียนได้คะแนนน้อยสุดจากการทำแบบประเมิน แต่มันสามารถแก้ไขได้ในทางปฏิบัติ
แนวทางแก้ไขก็คือ เมื่อไหร่ หรือเรื่องไหนก็ตามที่เราทำแล้ว มันยังไม่ดี หรือดีไม่เท่าที่ควรจะเป็น และในขณะเดียวกันก็มีคนอื่นที่มีความสามารถในเรื่องนั่นๆ และทำได้ดีกว่าเรา เราต้องยกเรื่องนั้นให้คนๆนั้นเป็นคนทำ หรือ การเปลี่ยนตัวผู้นำในเรื่องนั้นๆ นั่นเองค่ะ
2. กฎแห่งการนำทาง
ทุกคนสามารถขับเรือได้ แต่มีเพียงผู้นำที่สามารถนำทางได้
ข้อนี้เป็นข้อที่ผู้เขียนได้คะแนนประเมินมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้เขียนมักปฏิบัติอยู่เสมอ ก็คือ การกำหนดเป้าหมาย และกำหนดวิธีการที่จะไปให้ถึง พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไข ที่เรามองแล้วว่าอาจจะเกิดปัญหาขึ้นทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย
มองให้สุดทาง ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงปลายทาง ตามประสบการณ์และข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ที่ได้รับเพิ่มเติมเข้ามาระหว่างการเดินทาง
3. กฎแห่งการดึงดูด
คุณเป็นคนเช่นไร คุณก็จะดึงดูดคนเช่นนั้นเข้ามา
ข้อนี้ผู้เขียนได้คะแนนระดับกลางๆ ตอนทำแบบประเมิน โดยส่วนตัวผู้เขียนมีความเชื่อเรื่อง การดึงดูดคนประเภทเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่า รู้จักแค่คนเดียว เหมือนได้รู้จักคนที่เขาคบทุกคน
คำกล่าวของนักบริหารท่านนึง (ผู้เขียนจำชื่อไม่ได้) ท่านได้กล่าวไว้ว่า "ถ้าอยากร่วมงานกับคนเก่ง มันมีความจำเป็นที่เราจะต้องเก่งให้ได้ก่อน เมื่อเราเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว มันจะนำพาเราไปรู้จักกับคนเก่งคนอื่นๆ เอง"
อยากคบค้าสมาคมกับมังกร เราต้องเป็นมังกรให้ได้ก่อนค่ะ
4. กฎแห่งการเข้าถึงใจ
ผู้นำต้องเข้าถึงใจของผู้คนก่อนขอความร่วมมือ
ข้อนี้ผู้เขียนได้คะแนนในแบบประเมินค่อนไปทางมากหน่อย
หลักการที่ผู้เขียนใช้มาตลอด ตั้งแต่ สมัย ยังเป็น Tax Manager ก็คือ การร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ ในทุกๆ Project กับน้องๆ ทีมงาน คอย support คอยแก้ไขปัญหา ดูแลทั้งเรื่องอาหารการกิน รับปรึกษาปัญหาครอบครัว เป็นทุกอย่างให้ทีมงาน😁
สิ่งที่ได้รับคือ การยอมรับ แม้วันนี้ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง Tax Manager แล้ว แต่เวลาน้องๆ มีปัญหาในงาน ยังคงต่อสายตรงถึงผู้เขียนเสมอ เพื่อขอคำปรึกษา
กับทีมของลูกค้า ผู้เขียนก็จะลงในงาน ลงไปปฏิบัติด้วย มีซื้อขนมให้น้องๆ กินบ้าง (จะให้บางคน หรือ ให้ยกทีม ก็ว่ากันไป แล้วแต่โอกาสและสถานการณ์) ได้ใจกันไปเต็มๆ งานเดิน เงินค่าที่ปรึกษาโอนตรงตามเวลา 😆
การเป็นที่ยอมรับ เพื่อให้ได้ความร่วมมือ มันไม่สามารถสร้างภายในวันสองวัน มันต้องใช้เวลานิดนึง สำคัญคือ อย่าท้อถอยกันง่ายๆค่ะ
5. กฎแห่งการมอบอำนาจ
มีเพียงผู้นำที่มั่นใจในตัวเองที่มอบอำนาจให้ผู้อื่น
กฎข้อนี้ ผู้เขียนตอนทำแบบประเมิน ได้คะแนนค่อนไปทางน้อย เพราะอะไรเหรอคะ คิดว่า น่าจะเพราะ การกลัวการผิดพลาด ทำให้ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจการตัดสินใจให้ใคร
แต่เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ผู้เขียนเริ่มปล่อยวางและกระจายอำนาจมากขึ้น มอบอำนาจให้แต่ละคน แต่ละฝ่าย ตามความถนัด ตามความสามารถของเขา ต่างคนต่างปฏิบัติงานตามที่ได้ประชุมหารือกัน และมอบหมายให้เขาดำเนินการและตัดสินใจ
ผู้เขียนเคยเข้าไปดูผังโครงการองค์กรบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ผู้บริหารท่านนี้ ควบหลายตำแหน่ง ตั้งแต่ 1.กรรมการบริษัท 2.กรรมการบริหาร 3.กรรมการผู้จัดการ 4.กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน 5.กรรมการบริหารความเสี่ยง และ 6. CFO (ไม่รู้ว่าไม่มีใครคนอื่นเหมาะสมมากพอ หรือ ไม่มอบอำนาจ) ถ้าเป็นเพราะไม่มอบอำนาจ อยากให้ผู้บริหารท่านนี้ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆค่ะ
ในหนังสือเล่มนี้ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้นำไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 21 ข้อ มีเพียง 4-5 ข้อ ก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำได้แล้วล่ะค่ะ
แต่สำหรับผู้เขียนเองจะลองพยายาม ปรับปรุง ตามคำแนะนำของแต่ละกฎ เพื่อที่วันนึง ผู้เขียน อาจได้เป็นผู้นำที่ดีในบริษัทของตัวเองค่ะ
เพจ และ Photo by VI Style by MooDuang
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
