28 พ.ค. 2021 เวลา 13:25 • ประวัติศาสตร์
ภาพนี้มีเรื่องเล่า ตอน เมื่อราชวงศ์ญี่ปุ่นถูกท้าทาย
1
Source: Twitter
ถ้าทุกคนลองสังเกตภาพด้านบนจะเห็นอะไรกันบ้างครับ ทุกคนน่าจะเห็นภาพตำรวจหลายนายกำลังวิ่งมาที่รถม้า บางคนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าเพื่อพยายามจับกุมและกระชากใครบางคนลงมา ในขณะที่คนขับรถม้าหันกลับมา เพื่อที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แน่นอนว่าทุกอย่างดูเหมือนจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการวางแผนมาก่อน
4
ภาพขาวดำภาพนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในปี 1959 นะครับ เบื้องหลังของภาพนี้คือเรื่องราวของประวัติศาสตร์กว่า 2,600 ปีของราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่มีสถานะเหมือนดั่งพระเจ้าที่อาศัยอยู่บน "เมฆ" และไม่ควรที่จะลงมาใกล้ชิดกับพสกนิกร และเรื่องราวของความเปลี่ยนแปลงไปของโลกที่ราชวงศ์จะต้องรู้จักปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ตลอดจนเรื่องราวของรักแท้ที่สามารถฟันฝ่าเอาชนะทุกอุปสรรคจนได้
3
เกิดอะไรขึ้น?
2
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 1959 วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น และนางสาวมิชิโกะ โชดะ งานอภิเษกสมรสครั้งนี้มีความพิเศษมาก เพราะนี่คือครั้งแรกที่มกุฎราชกุมาร เลือกสามัญชนธรรมดามาเป็นคู่ชีวิต
3
ในวันนั้นพสกนิกรชาวญี่ปุ่นกว่า 500,000 คน มารอรับเสด็จเต็มสองข้างทาง 8.8 กิโลเมตรที่ขบวนของบ่าวสาวกำลังจะเคลื่อนผ่าน เพื่อที่จะได้มีโอกาสได้เห็นหน้าพระพักตร์ขององค์มกุฎราชกุมาร และเจ้าสาวสุดสวยของเขา ทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ยินดี อิ่มเอม พร้อมกับโบกสะบัดธงญี่ปุ่นในมืออย่างกระตือรือร้น
3
คู่บ่าวสาวบนรถม้า ในวันอภิเษกสมรส (Source: https://bunshun.jp)
งานนี้ถือเป็นงานมงคลครั้งแรกหลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหมดท่าในปี 1945 เมืองต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นถูกพังราบเป็นหน้ากลอง ผู้คนต่างประสบกับความยากจนข้นแค้น และทุกอย่างทั้งระบบเศรษฐกิจ และสาธารณูปโภคต้องได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ผ่านมา 11 ปี ตอนนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเริ่มฟื้นตัว ผู้คนเริ่มมีกำลังซื้อ และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ดังนั้นงานในครั้งนี้จึงเป็นงานที่ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย
4
คู่บ่าวสาวขึ้นรถม้าเปิดประทุนคันโก้ และขบวนก็ค่อย ๆ เคลื่อนไปตามถนนหนทาง ประชาชนต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี และอวยพรให้ทั้งสองครองรักกันและมีอายุยืนยาว แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
5
มกูฏราชกุมารอากิฮิโตะ โบกมือให้กับพสกนิกรที่มารอรับเสด็จ (Source: Pinterest)
จู่ ๆ ก็มีเด็กนักเรียนอายุ 19 ปี นามว่าเคนเซ็ตสึ นากายาม่า ขว้างก้อนหินขนาดเท่าลูกเบสบอลไปยังคู่บ่าวสาว โชคดีที่ทั้งคู่สามารถหลบได้ทัน แต่จากนั้นเขาวิ่งออกมาจากฝูงชน พุ่งตัวมายังรถม้า และพยายามดันตัวขึ้นไป พร้อมกับตะครุบตัวของเจ้าสาว ผู้อารักขาสองนายที่อยู่หลังรถม้า (ในภาพคือสองคนที่ใส่ถุงมือสีขาว) รีบโน้มตัวลงไปปกป้องคู่บ่าวสาวทันที ส่วนตำรวจญี่ปุ่นก็ไวพอ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปลากตัวนากายาม่าออกมา เขาถูกกดลงไปบนถนน แล้วลากตัวไปยังสถานีตำรวจในที่สุด
7
ภาพข่าวของเหตุการณ์สุดช้อคในครั้งนั้น (Source: Twitter)
แม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่บ่าวสาวก็สั่งให้ขบวนเคลื่อนต่อ ทั้งสองยิ้ม และโบกมือต่อไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นำความปลื้มปิติมาให้กับพสกนิกรที่มารอรับเสด็จเป็นอย่างมาก
2
คู่บ่าวสาวในวันอภิเษกสมรส (Source: www.japantimes.co.jp)
เรื่องราวก่อนหน้า
มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ เสด็จพระราชสมภพในวันที่ 23 ธันวาคม 1933 ในราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พระองค์เป็นลูกคนที่ 5 ของจักรพรรดิองค์ที่ 124 ของประเทศญี่ปุ่น จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ และจักรพรรดินีนะงะโกะ และเนื่องจากพระองค์เป็นโอรสองค์โต พระองค์จึงได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมารทันที
6
พระองค์ได้รับการเลี้ยงดูมาแบบโบราณโดยข้าราชบริพาร เนื่องจากในราชสำนักนั้นเมื่อพระชนมายุได้ 3 พรรษา มกุฎราชกุมารจะต้องถูกเลี้ยงดูโดยพระพี่เลี้ยง ไม่ใช่พ่อแม่ของตนเอง เพราะความเชื่อโบราณที่ว่าการเลี้ยงดูด้วยเกียรติยศนั้น สำคัญกว่าการเลี้ยงดูด้วยความรัก
7
มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ สมัยเป็นนักเรียน (Source: Pinterest)
พระองค์เติบโตมาในราชสำนักญี่ปุ่นที่เคร่งครัด ตอนที่พระองค์เป็นวัยรุ่น พระองค์เคยกล่าวว่า "ราชสำนักญี่ปุ่นทำทุกอย่างเหมือนกับหุ่นยนต์ และพระองค์รู้สึกหว้าเหว่มาก ตอนที่ยังทรงพระเยาว์" ดังนั้นเมื่อเจริญพระชนมพรรษาขึ้น พระองค์ในฐานะที่เป็นมกุฎราชกุมารจึงมีแนวคิดที่จะปฏิรูปราชวงศ์ให้มีความทันสมัย ใกล้ชิดสนิทสนมกับพสกนิกรมากขึ้น พระองค์เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขารัฐศาสตร์ แต่สุดท้ายก็ลาออก และไปเลือกเรียนสิ่งที่พระองค์ชื่นชอบแทนนั่นก็คือ ชีววิทยาทางทะเล หรือ Marine Biology
9
จักรพรรดิอากิฮิโตะ ตอนที่กำลังศึกษาวิชา Marine Biology (Source: Twitter)
ส่วนมิชิโกะ โชดะ เป็นลูกสาวคนที่ 2 ในบรรดาลูกทั้งหมด 4 คนของฮิเซดะบูโระ โชดะ ซึ่งเป็นประธานและคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ของบริษัทแป้งนิชชิน บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น เธอได้รับการเลี้ยงดูทั้งแบบญี่ปุ่น และแบบตะวันตก เธอเล่นเปียโน และเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่น้อยคนในสมัยนั้นจะได้รับการศึกษา และเธอจบปริญญาตรีในสาขาวรรณกรรมด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1
5
เนื่องจากเธอมาจากครอบครัวผู้ดีมีฐานะ พ่อแม่ของเธอจึงพยายามหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับเธอ แต่แม้จะมีชายหนุ่มฐานะดีมากมายเข้ามาทอดสะพานให้ แต่ก็ยังไม่มีใครถูกใจมิชิโกะเลย
8
นางสาวมิชิโกะ โชดะ ในวัย 23 ปี (Source: Twitter)
ความรักสนั่นบัลลังก์
ต้องขอย้อนกลับไปเล็กน้อยว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยศถาบรรดาศักดิ์ของตระกูลขุนนางต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น โดนถอดออกทั้งหมด เหลือเพียงคนที่มาจากตระกูลของราชวงศ์ แต่ตามขนบประเพณี (ซึ่งก็คงคล้ายกับราชวงศ์ทั่วโลก) หญิงสาวที่จะมาเป็นภรรยาขององค์มกุฎราชกุมาร จะต้องมาจากตระกูลขุนนางเก่าเท่านั้น
3
มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ (Source: https://www.nipponnews.net)
แม่ขององค์มกุฎราชกุมาร หรือจักรพรรดินีนะงะโกะ รวมถึงสำนักพระราชวัง ได้พยายามเฟ้นหาบุตรสาวของเหล่าขุนนางเก่า เพื่อที่จะมาเป็นคู่ครองที่เหมาะสมให้กับลูกชายของเธอ สาวคนแล้วคนเล่าถูกพาตัวมาแนะนำให้กับองค์มกุฎราชกุมาร แต่ก็ไม่มีใครถูกใจพระองค์เลยซักคน
4
ในเดือนสิงหาคม 1957 วันแห่งโชคชะตาเดินทางมาถึง มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะเดินทางไปแข่งเทนนิสที่สนามแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าวันนั้นมิชิโกะ โชดะ ในวัย 24 ปี ก็เดินทางมาแข่งเทนนิสเช่นกัน การแข่งขันถูกจัดเป็นแบบคู่ผสม และคู่ขององค์มกุฎราชกุมาร ต้องพบกับมิชิโกะ โชดะ และคู่ของเธอซึ่งเป็นคนอเมริกัน การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด และกินเวลายาวนานกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งคู่ของมิชิโกะ สามารถเอาชนะคู่ของมกุฎราชกุมารไปได้
10
ลีลาการเล่นเทนนิสของมิชิโกะ โชดะ (Source: cnn.com)
ทั้งสี่ตัดสินใจเดินมาพักที่ม้านั่งข้างสนาม และพระองค์ก็ตัดสินใจเริ่มบทสนทนากับสาวน้อยมิชิโกะโดยกล่าวว่า “การแข่งขันครั้งนี้นานจังนะ” และพระองค์ก็หยิบกล้องถ่ายภาพส่วนพระองค์ มาถ่ายภาพของมิชิโกะเก็บไว้ และในเวลาต่อมา พระองค์สั่งให้มีการนำภาพนั้นไปขยาย ใส่กรอบ และส่งไปยังบ้านของมิชิโกะ เพื่อเป็นของขวัญชิ้นแรก
7
จากการพบกันในสนามเทนนิส กลายมาเป็นความถูกตาต้องใจ ทั้งคู่พยายามติดต่อกันเรื่อยมาผ่านจดหมายและโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์ก็มักจะถูกดักฟัง ส่วนจดหมายก็ถูกเปิดอ่านทุกฉบับ ทำให้เราได้ทราบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งที่พระองค์เขียนถึงมิชิโกะ โดยลงท้ายจดหมายไว้ว่า “หากไม่ได้อยู่กับมิชิโกะ ชาตินี้คงนอนตายตาไม่หลับ”
4
คู่รักนักเทนนิส (Source: cnn.com)
และก็เหมือนคู่รักทั่วไป ทั้งสองไปออกเดท และเล่นกีฬาด้วยกัน แต่การแสดงความรักก็ไม่สามารถทำได้เสรีนักในประเทศที่แนวคิดอนุรักษ์นิยมยังเป็นใหญ่อยู่ การแสดงความรักของทั้งสองจึงทำได้เพียงการส่งสายตาต่อกันเท่านั้น และเนื่องจากญี่ปุ่นไม่มีกฎหมายห้ามวิพากย์วิจารณ์ราชวงศ์ ทั้งสองจึงตกเป็นเป้าหมายของเหล่าบรรดาปาปารัสซี่ทันที
8
มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ และมิชิโกะ โชดะ ตอนออกเดทกัน (Source: Twitter)
นอกจากนี้สาวน้อยมิชิโกะ ยังทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Mitchi Boom” เกิดขึ้น สาวญี่ปุ่นทั่วประเทศต่างเอามิชิโกะเป็นต้นแบบในการแต่งตัว ทรงผมของเธอกลายเป็นทรงผมที่ได้รับความนิยมที่สุด และทั้งคู่ก็กลายเป็นตัวแทนของพลังคนหนุ่มสาวที่จะพาราชวงศ์และประเทศญี่ปุ่นให้ก้าวไปอย่างมั่นคงในศตวรรษที่ 20
7
ความรักในสนามเทนนิส (Source: https://nhadautu.vn)
จากความชอบ แปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก ความรักของทั้งสองถูกเปรียบเทียบว่าเป็นดั่งเทพนิยายที่สาวน้อยธรรมดา ๆ มีเจ้าชายหนุ่มรูปงามมาตกหลุมรัก บางคนขนานนามความรักครั้งนี้ว่า “Romance at the tennis court” หรือ "ความรักในสนามเทนนิส" ภาพของทั้งคู่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารและหนังสือพิมพ์มากมาย ทำให้พสกนิกรทั่วไปได้รับรู้เรื่องของราชวงศ์มากขึ้น ส่วนฝ่ายนักการเมืองก็สนับสนุนความรักของทั้งคู่ เรียกได้ว่าทั้งประเทศญี่ปุ่นต่างชื่นชมยินดี และรอวันที่ทางสำนักพระราชวังจะประกาศข่าวดี
3
แต่แม้ว่าเธอจะมาครอบครัวผู้ลากมากดี แต่เธอก็เป็นเพียงแค่สามัญชน และบุคคลที่เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ก็เห็นจะหนีไม่พ้นจักรพรรดินีนะงะโกะนั่นเอง พระองค์คือบุคคลที่คัดค้านการคบกันของทั้งคู่อย่างออกหน้า ส่งผลให้สาวน้อยมิชิโกะต้องประสบกับภาวะซึมเศร้าเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีจดหมายขู่ฆ่าบุคคลในตระกูลโชดะมากมาย ถึงขนาดที่ตำรวจต้องมีการจัดกำลังเพื่ออารักขาสมาชิกของตระกูลตลอดเวลา
2
ทั้งสองมักจะไปออกเดทกันด้วยการไปเล่นเทนนิสด้วยกันเสมอ (Source: Pinterest)
เกิดความแตกแยกในสำนักพระราชวัง มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนคู่รักคู่นี้ เพราะเข้าใจถึงความจำเป็นที่ราชวงศ์จะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ในขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ค้านหัวชนฝา ถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่ในสำนักพระราชวังบางคนกล่าวว่า “ระบบระเบียบของสำนักพระราชวังกลายเป็นของเล่นของสื่อ และการที่ราชวงศ์เข้าไปใกล้ชิดกับคนทั่วไป จะทำให้ราชวงศ์เสียเกียรติได้”
5
อีกอุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ สาวน้อยมิชิโกะเติบโตมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ไม่ได้ผ่านพิธีล้างบาป แต่เธอก็ได้รับการศึกษาในสถาบันการศึกษาคริสต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ “รับไม่ได้” สำหรับสำนักพระราชวังเป็นอย่างยิ่ง ส่วนพ่อแม่ของมิชิโกะก็แอบกังวลว่าลูกสาวของตนเองจะต้องพบกับความยากลำบาก เมื่อต้องเข้าไปเป็นสมาชิกของราชวงศ์
4
สาวน้อยมิชิโกะ และพ่อแม่ของเธอ ตอนถูกพามาดูตัวในพระราชวัง (Source:  https://www.chinadailyhk.com/articles/254/29/150/1554890704216.html)
ความพยายามครั้งหนึ่งที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 1958 สาวน้อยมิชิโกะถูก “ส่ง” ให้ไปเข้าร่วมงานประชุมงานหนึ่งในประเทศเบลเยี่ยม โดยทางสำนักพระราชวังหวังว่าอุปสรรคทางการสื่อสารและความห่างไกลในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งคู่ยอมแพ้ และเลิกรากันไปในที่สุด
4
แต่รักแท้ย่อมชนะทุกอุปสรรค มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ ตัดสินใจติดต่อกับพระเจ้า Baudouin กษัตริย์แห่งเบลเยี่ยม เพื่อที่จะให้พระองค์เป็นคนช่วยส่งข่าวคราวต่าง ๆ ให้กับสาวคนรักของเขา ลองคิดดูว่ากษัตริย์ถูกใช้ให้เป็นสื่อกลางระหว่างคู่รัก ถ้าไม่รักกันจริง มกุฎราชกุมารจากราชสำนักญี่ปุ่นที่แสนจะโบราณและเก็บตัวคงไม่ทำถึงขนาดนี้ และต่อมาพระเจ้า Baudouin แห่งเบลเยี่ยมนี่เอง ที่เป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ บิดาของมกุฎราชกุมาร สนับสนุนความรักของทั้งคู่ โดยกล่าวไว้ว่า “ถ้าหากองค์มกุฎราชกุมารได้แต่งงานกับคนที่พระองค์รัก พระองค์จะเป็นจักรพรรดิที่ดีในอนาคตได้อย่างแน่นอน”
14
ทั้งสองเล่นสเกตด้วยกัน (Source: Pinterest)
สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันหลังจากคบหาดูใจกันได้ 2 ปี โดยงานหมั้นถูกจัดขึ้นในเดือนมกราคม 1959 และงานอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้นในเดือนเมษายนปีเดียวกัน นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์กว่า 2600 ปีของราชบัลลังก์เบญจมาศ ที่สมาชิกของราชวงศ์แต่งงานกับสามัญชนธรรมดาอย่างเป็นทางการ และเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่องค์มกุฎราชกุมารอภิเษกสมรสกับคนที่พระองค์รักจริง ๆ ไม่ใช่คนที่สำนักพระราชวังจัดหามาให้
4
งานอภิเษกสมรสของทั้งคู่ ได้รับการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ (Source: cnn.com)
งานอภิเษกสมรสครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดให้กับพสกนิกรทั่วประเทศญี่ปุ่นได้รับชม ถือเป็นอีกความพยายามหนึ่งที่ราชวงศ์พยายามที่จะใกล้ชิดกับพสกนิกรให้มากยิ่งขึ้น และแม้ประเทศญี่ปุ่นจะมีโทรทัศน์เป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นมากกว่า 15 ล้านคนรับชมงานอภิเษกสมรสในครั้งนี้ หลายบ้านถือโอกาสนี้ในการซื้อโทรทัศน์เครื่องแรกเข้าบ้านเลยทีเดียว
5
คู่บ่าวสาวในชุดกิโมโน (Source: https://share.america.gov)
นอกจากนี้ในช่วงของพิธีชินโต เหล่าบรรดานักข่าวยังได้ถูกรับเชิญให้เข้าไปถ่ายภาพบ่าวสาวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ภาพในมุมที่ดีที่สุด และสวยที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
2
ภาพครอบครัวในวันอภิเษกสมรส (Source: Pinterest)
หลังจากงานอภิเษกสมรส
หลังงานอภิเษกสมรส ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นโอรส 2 พระองค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจักรพรรดินารุฮิโตะ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน และธิดา 1 พระองค์
2
ทั้งคู่พยายามทำกิจกรรมหลายอย่าง เพื่อให้ราชวงศ์มีความใกล้ชิดกับพสกนิกรมากขึ้นตามที่องค์มกุฎราชกุมารตั้งใจไว้ เริ่มจากการที่ทั้งสองตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเอง มิชิโกะอุ้ม กอด เปลี่ยนผ้าอ้อม และให้นมลูกทุกคนด้วยตัวของพระองค์เอง ครอบครัวมักจะทรงดนตรีด้วยกัน และออกไปเดินเล่นด้วยกันเป็นประจำ
5
ภาพครอบครัวขณะไปเที่ยวทีทะเลสาบฮามานาโกะ ในเมืองชิสุโอกะในปี 1968 (Source: https://www.chinadailyhk.com)
จากนั้นทั้งสองเดินทางไปเยี่ยมพสกนิกรทั่วประเทศญี่ปุ่นครบทั้ง 47 จังหวัด เป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นไปเยือนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างเป็นทางการกว่า 37 ประเทศ และเข้าร่วมเป็นประธานในงานพิธีต่าง ๆ มากมาย และเมื่อได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิคนที่ 125 ของประเทศญี่ปุ่น จักรพรรดิอากิฮิโตะ ยังได้ออกมาแสดงความเสียใจ ถึงความเสียหายและโหดร้ายที่กองทัพญี่ปุ่นเคยก่อไว้กับชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งการแสดงความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับราชวงศ์ญี่ปุ่นมาก่อนเลย
8
จักรพรรดิอากิฮิโตะ และจักรพรรดินีมิชิโกะ เดินทางเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 1991 (Source: https://royalwatcherblog.com)
สำหรับจักรพรรดินีมิชิโกะนั้น แม้เธอจะได้แต่งงานกับรักแท้ แต่ชีวิตในราชสำนักก็ไม่ได้สวยงามและโรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนที่เทพนิยายควรจะเป็น เธอต้องผจญกับความเครียดอย่างหนัก โดยเฉพาะจากแม่สามีของเธอ เธอต้องปฏิบัติตามกฎโบราณคร่ำครึของราชสำนัก รวมไปถึงออกงานสังคมต่าง ๆ ไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ในปี 2007 มีบันทึกไว้ว่าเธอไปออกงานต่าง ๆ มากถึง 300 งานเลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะมีอาการประชวรก็ตาม
12
ความเครียด ความคาดหวัง ความกดดัน และการโดนจับตาจากสื่อต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของเธออย่างหนัก เธอเคยสูญเสียเสียงของเธอถึง 2 ครั้งคือในปี 1960 และ 1993 เธอเคยแท้งลูก 1 ครั้งในปี 1963 และในปี 2007 เธอประสบปัญหาเลือดกำเดาไหลไม่หยุดอยู่หลายครั้งจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
4
จักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดินีมิชิโกะ และมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ (Source: Pinterest)
แต่แม้จะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือความรักของทั้งคู่ จักรพรรดิอากิฮิโตะไม่เคยมีข่าวไม่ดีเรื่องผู้หญิงเลย ทั้งสองมักจะควงแขนออกงานด้วยกัน เต้นรำด้วยกันในงานสมาคม เล่นเทนนิสด้วยกัน และกิจกรรมที่ทั้งสองชอบที่สุดก็คือการขับรถส่วนพระองค์ด้วยตัวพระองค์เอง ไปเดินเล่นในสวนของพระราชวัง
5
สุดท้ายในปี 2016 จักรพรรดิอากิฮิโตะ ตัดสินใจสละบัลลังก์ให้กับโอรสของตนเอง ซึ่งก็คือมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ ถือเป็นการสละบัลลังก์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1817 และหน้าที่ต่าง ๆ ก็ถูกส่งต่อให้กับจักรพรรดิและจักรพรรดินีองค์ใหม่ (ซึ่งเธอก็เป็นสามัญชนเช่นกัน) ในที่สุดทั้งคู่ก็จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยปราศจากแรงกดดันเสียที
9
ความรักนิรันดร์ของทั้งสอง (Source: Twitter)
เกิดอะไรขึ้นกับคนร้าย
3
สำหรับเคนเซ็ตสึ นากายาม่า หลังจากถูกตำรวจสอบสวน เขากล่าวว่าสาเหตุที่เขากระทำการอุกอาจเช่นนั้นเป็นเพราะว่า “ผมไม่เคยเชื่อในระบบจักรพรรดิ และผมโกรธมากจนอยากจะลากทั้งสองลงมาจากรถม้าคันนั้น” และสุดท้ายทางการประกาศว่าเขาเป็นบ้า ทำให้เขาไม่ต้องโทษจำคุก แต่ต้องเดินทางมายังโรงพยาบาลจิตเวชเป็นระยะ เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบสภาพจิตภายใต้การควบคุมของตำรวจ
7
ว่ากันว่าตอนเรียนมัธยม โรงเรียนของนากายาม่าถูกไฟไหม้ ทำให้นักเรียนทุกคนต้องนั่งเรียนในกระท่อมมุงจากเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บของเมืองนากาโน่ นี่เป็นครั้งแรกที่นากายาม่ารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่ราชวงศ์จะมีชีวิตที่สุขสบาย ในขณะที่พสกนิกรทั่วไปต้องลำบาก
7
ภาพของนากายาม่าที่โดนกดตัวลงไปบนถนน (Source: gettyimages)
ส่วนการกระทำในวันนั้น มีการคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ บางคนบอกว่าจริง ๆ แล้วนากายาม่าแค่กำลังเมา และเดินอยู่แถวนั้นพอดี แต่เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือเขาได้มีการวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้ว เนื่องจากความเป็นคนที่เกลียดราชวงศ์เป็นทุนเดิม เพราะมีการค้นพบสมุดบันทึกของเขาที่เขียนถึงราชวงศ์ว่าเป็นเหมือนกับเห็บเหา ที่มาสูบภาษีของประชาชน
9
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น นากายาม่าเดินทางกลับไปยังเมืองนากาโน่บ้านเกิด พี่สาวของเขาถูกคนรักยกเลิกงานแต่งงาน เนื่องจากทางเจ้าบ่าวอับอายที่จะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตระกูลของนากายาม่า พี่ชายของเขาต้องลาออกจากอาชีพครู เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว และแม้นากายาม่าจะเดินทางไปขอโทษทุกคนในหมู่บ้านของเขาที่นำพาความเสื่อมเสียมาสู่ชุมชน แต่ก็ไม่มีใครให้อภัยเขาเลย
8
ชีวิตหลังจากนั้นของนากายาม่า ไม่มีการบันทึกไว้เท่าไรนัก แค่มีแหล่งข่าวบางส่วนที่บอกว่าเขาเดินทางและเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ และปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง
2
ข่าวการจู่โจมคู่บ่าวสาวในหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald ของออสเตรเลีย (Source: newspaper.com)
บทสรุป
1
ราชวงศ์ญี่ปุ่นก็เหมือนราชวงศ์อื่น ๆ ในโลกนะครับ ที่ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าหนึ่งในหน้าที่ของราชวงศ์คือรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศนั้น ๆ เอาไว้ไม่ให้สูญหาย แต่ราชวงศ์ก็ต้องรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
4
ภาพของครอบครัวราชวงศ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน (Source: https://english.kyodonews.net/)
ในยุคที่ราชวงศ์เป็นเพียงประมุขของประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่ในการบริหารประเทศอีกต่อไป และต้องอยู่ภายใต้กฎรัฐธรรมนูญ การทำตัวให้พสกนิกรยอมรับถือเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่รอด ราชวงศ์ที่ไม่รู้จักปรับตัวอย่างราชวงศ์จีน และราชวงศ์เกาหลีต่างก็ต้องล่มสลายไป ยิ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามอย่างไม่เป็นท่า การนำเงินที่ควรนำไปพัฒนาประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจมาให้กับราชวงศ์ถือเป็นสิ่งที่คนทั่วไปคงจะตั้งคำถามว่า “ให้ทำไม”
23
สภาพของประเทศญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (Source: https://www.ranker.com)
ดังนั้นถ้าราชวงศ์ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้ แน่นอนว่าความเกลียดชัง ความเคียดแค้น ก็จะค่อย ๆ สะสมอยู่ในใจของพสกนิกรเหมือนกับกรณีของนากายาม่า รอวันที่จะปะทุออกมานั่นเอง และถ้าปล่อยให้ถึงตอนนั้น ราชวงศ์ญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2600 ปี ก็อาจจะต้องล่มสลายไป กลายเป็นเพียงหน้าประวัติศาสตร์ในหนังสือเรียนเท่านั้น
6
แต่จากแนวคิดสมัยใหม่ของจักรพรรดิอากิฮิโตะ เริ่มจากการแต่งงานกับสามัญชน การทำตัวให้พสกนิกรเข้าถึงได้ง่าย เช่นการไปเยี่ยมเยียนสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ การยอมให้นักข่าวเข้าไปถ่ายภาพทำข่าวได้ในพระราชวัง การที่องค์จักรพรรดิมีภรรยาเพียงคนเดียว การเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในปี 2011 ตลอด 7 สัปดาห์ รวมไปถึงเรื่องเล็กน้อยอย่างการที่จักรพรรดินีมิชิโกะประพันธ์หนังสือเด็ก และบทกวีออกวางขาย หรือร่วมแสดงดนตรีกับประชาชนทั่วไป ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าราชวงศ์พยายามที่จะปรับตัวให้ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พร้อม ๆ กับความทันสมัยของประเทศญี่ปุ่น
9
ทั้งสองขณะที่ไปเยี่ยมเยียนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง  (Source: https://gulfnews.com)
ทั้งหมดนี้คงเป็นสาเหตุที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นยังคงยืนหยัดเคียงคู่กับประเทศญี่ปุ่นที่แสนทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ และยังคงเป็นที่รักของพสกนิกรเป็นอย่างมาก ทุกอย่างก็ต้องขอขอบคุณวันแห่งโชคชะตาวันนั้น วันที่ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันที่สนามเทนนิส จนกลายเป็นความรักที่ยังยืดหยัดมาจนถึงปัจจุบัน
10
ภาพอบอุ่นของคู่รักสนามเทนนิส (Source: Pinterest)
ที่มา:
Youtube:
- โชคดีที่มีคนถ่ายวีดีโอเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ได้ ใครอยากเห็นภาพเคลื่อนไหวสามารถคลิกที่ลิงค์นี้ได้เลยนะครับ
- พระราชกรณียกิจของทั้งสอง
2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา